
การให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เป็นการพ้นวิสัย... : บทความพิเศษ โดยปรีชา สุวรรณทัต
ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2557 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนอกจากจะมีปัญหาความไม่ครบถ้วนที่ไม่มีคำปรารภอันถือเป็นบทบัญญัติส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีประเด็นข้อที่ขัดต่อกฎหมายและตามกฎตรรกะ ที่สภาปฏิรูปแห่งชาติจะต้องพิจารณามีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ “ทั้งฉบับ” ดังนี้
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มีทั้งหมด 285 มาตรา มีประเด็นที่เกี่ยวข้องนับเป็นร้อยๆ กว่าประเด็นที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจำนวน 250 คนจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าบางประเด็น บางมาตราของร่างรัฐธรรมนูญจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ถูกใจและไม่ถูกใจ
ไม่ใช่เรื่องแปลก หากว่าบางคนจะเห็นด้วยในบางมาตรา บางประเด็น และมีอีกบางประเด็นหรือบางมาตราที่ไม่เห็นด้วยในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และความจริงก็ควรที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้
แต่การที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 มาตรา 37 บัญญัติให้สภาปฏิรูปฯ และในการลงมติของประชาชนจะต้อง “ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญนั้นทั้งฉบับ” นั้น
อ่านกันอย่างเผินๆ ก็อาจนึกว่าเป็นเพียงพลความ แต่ความเป็นจริงแล้ว คำว่า “ทั้งฉบับ” เป็นใจความที่เน้นไว้ในมาตรา 37 นี้อย่างชัดเจน การบัญญัติที่พ้นวิสัยอย่างนี้มีมาแล้วในรัฐธรรมนูญ 2550 จึงต้องไปตัดคำว่า “ทั้งฉบับ” ออกจากบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้น (ขอโปรดย้อนไปดู)
แต่ที่เน้นคำนี้ไว้ไม่อาจที่จะหยั่งทราบถึงเจตนาที่แท้จริงได้
ข้อความนี้ มีความชัดเจน แต่เป็นการบัญญัติให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือเป็นการพ้นวิสัย ด้วยเหตุผลทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และหลักตรรกะ ดังนี้
1.ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่จะให้สภาปฏิรูปแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นหรือไม่เห็นชอบทั้งฉบับในวันที่ 6 กันยายน 2558 ในอนาคตอันใกล้อีกไม่กี่วันนี้ ย่อมประกอบด้วย คำปรารภที่ไม่มีตามที่ทราบกันแล้ว
2.แต่มีภาค หมวด ส่วน ตอนต่างๆ และบทเฉพาะกาลด้วย
ภาคจะประกอบด้วยหมวดต่างๆ
หมวดต่างๆ แต่ละหมวด ย่อมประกอบด้วยมาตราต่างๆ
มาตราต่างๆ แต่ละมาตรานั้น แต่ละมาตราย่อมประกอบด้วยวรรคต่างๆ
วรรคต่างๆ แต่ละวรรคนั้น แต่ละวรรคย่อมประกอบด้วยประพจน์หรือประโยค (Statement) ต่างๆ
ประพจน์หรือประโยคต่างๆ แต่ละประพจน์หรือประโยคอาจเป็นสิ่งที่คนเห็นชอบหรือสิ่งที่คนไม่เห็นชอบ เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
เป็นไปไม่ได้เลยที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจำนวนสองร้อยห้าสิบคน จะเห็นชอบ ทุกประพจน์หรือทุกประโยค ซึ่งก็คือทุกมาตรา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นชอบทุกหมวด ทั้งฉบับ
อีกทั้งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เห็นชอบ ทุกประพจน์หรือทุกประโยค ซึ่งก็คือทุกมาตรา จึงเป็นไปไม่ได้ที่ไม่เห็นชอบทุกหมวด ทั้งฉบับ
บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา ตรงนี้ จึงบัญญัติในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือการพ้นวิสัย เพราะบัญญัติในสิ่งที่ไม่ดำรงอยู่จริง
ผลคือบัญญัติในสิ่งที่เป็นเท็จ ย่อมทำลายตัวเอง ใช้บังคับไม่ได้ไม่ว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติจะมีมติอย่างไรในวันที่ 6 กันยายน 2558
พิจารณาจากกฎตรรกะ (Logic)
(1) สิ่งที่เป็นไม่ได้ คือ สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ใครบัญญัติสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือ ผู้ที่บัญญัติสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง หรือบัญญัติความเป็นเท็จ
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากบทบัญญัติ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือมาตรา 37
เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เฉพาะในส่วนดังกล่าวนี้มาจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
นั่นก็คือรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในส่วนนี้มาจากบทบัญญัติความเป็นเท็จ ประกาศใช้เมื่อใด ก็เป็นเท็จเมื่อนั้น ย่อมไม่มีผลใช้บังคับได้
(๒) ทั้งฉบับ คือ ทั้งเซ็ต (set)
หมวด คือ อนุเซ็ต (subset) ของทั้งฉบับ
มาตรา คือ อนุเซ็ตของหมวด
ประพจน์หรือประโยค คือ อนุเซ็ตของมาตรา
เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทั้งฉบับ = เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทุกประพจน์หรือทุกประโยค ซึ่งมีเป็นร้อยๆ พันๆ ประพจน์หรือประโยค
เป็นไปไม่ได้หรือเป็นการพ้นวิสัยที่บุคคลจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทุกประพจน์หรือทุกประโยค
ข้อเสนอแนะในเชิงปรึกษากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งได้แก่ท่านประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้โปรดพิจารณาถามตัวท่านเองว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะ “เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทั้งฉบับ”
ถ้าเป็นไปไม่ได้ควรจะแก้ไขอย่างไร มิใช่เพียงพูดว่าไม่มีหน้าที่จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ถ้าการเป็นว่าต้องการให้ “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” ที่ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายและกฎตรรกะก็ตามที โดยตัดคำว่า “ทั้งฉบับ” ออกไป เหลือเพียงความให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในรัฐธรรมนูญ เพียงเท่านี้ จะมีคำว่า “ทั้งฉบับ” ตามมาไม่ได้ (ขอให้ดูตัวอย่างในรัฐธรรมนูญทุกฉบับและร่างใหม่ในมาตรา 192 วรรคสาม ที่บัญญัติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายของวุฒิสภาที่ต้องให้ความ “เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ” เท่านั้น ไม่มีคำว่า “ทั้งฉบับ” แต่อย่างใดเป็นการบัญญัติที่ถูกทั้งหลักกฎหมายและกฎตรรกะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สมาชิกทุกคนจะต้องเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายทุกวงเงินและทุกรายการที่มีหลากหลาย)
แต่การแก้ไขเรื่องนี้มาถึงวันนี้นับว่า เป็นเรื่องยากหรือไม่อาจที่จะกระทำได้ทัน เพราะจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว
นอกจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่มีคำปรารภเป็นร่างที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จึงต้องตกไปทั้งฉบับ จึงไม่มีร่างที่จะให้สภาปฏิรูปแห่งชาติพิจารณาในวันที่ 6 กันยายน 2558 นี้ จึงต้องขอฝากความหวังนี้ไว้ที่ท่านนายกรัฐมนตรีที่จะต้องเร่งด่วนส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ
ผมนั้นไม่เสนอแนะให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้มาตรา 44 แก้ไขในเรื่องนี้ ครับ
ที่มา,komchadluek.net
0 comments:
Post a Comment