

‘สาวใหญ่’ฝ่าวิกฤติชีวิตก่อนพบรักแท้ที่ไม่มีเงื่อนไข : คอลัมน์ เขยฝรั่ง...สะใภ้อินเตอร์ เรื่อง... กวินทรา ใจซื่อ เรียบเรียง... เสาวลักษ์ คงภัคพูน
การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวทำให้ “ฐิติกานต์ แพรมณี” สาวใหญ่วัย 44 ปี ชาวกรุงเทพมหานครต้องดูแลลูกวัยกำลังกินกำลังนอนถึง 3 คน ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่หย่ากับสามีคนไทยเธอรับลูกมาเลี้ยงดูเอง พร้อมกับทำงานเลี้ยงดูครอบครัว จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความอดทนต่อความยากลำบาก แต่ฐิติกานต์ก็ไม่เคยย่อท้อโดยดูแลให้ความรักลูกทั้ง 3 คนเป็นอย่างดี
หลังจากที่เลิกลากับสามีชาวไทย ฐิติกานต์ก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีแฟนคนไทยอีก แต่เธอไม่ได้ปิดตายหัวใจเรื่องความรัก ยิ่งพบเจอเพื่อนเก่าที่ไปเป็นสะใภ้อินเตอร์ เห็นการดูแลเอาใจใส่กันระหว่างเพื่อนเก่ากับสามีชาวต่างชาติทำให้เธอต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเพื่อนบ้าง
“สิ่งจูงใจจากเพื่อนที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติ เมื่อเพื่อนกลับมาเมืองไทยเราสองคนก็นัดเจอกัน ทุกครั้งที่เจอรู้สึกมีความสุขอบอุ่นใจ ชื่นชมและดีใจกับความรักของเพื่อนคนนี้มาก มองดูเพื่อนกับสามีชาวต่างชาติรักกันดีและดูแลกันดีมาก จึงคิดอยากมีสามีฝรั่งที่ใจดีและเป็นคนดีแบบที่เพื่อนมี จากนั้นจึงสมัครในเว็บไซต์หาคู่ พอสมัครเข้าไปก็มีฝรั่งมากหน้าหลายตาหลายประเทศมาทักทายและเจอฝรั่งชาวสวีเดนคนหนึ่งจึงเข้าไปอ่านประวัติ เขาชื่อ “แมทเทียเยอส เซอร์เดอร์สเตอม” อายุเท่ากันเป็นเจ้าของร้านอาหารในประเทศสวีเดน จึงลองส่งข้อความไปทักทาย ไม่นานเขาส่งข้อความกลับมา หลังจากนั้นก็เปิดกล้องคุยกัน เขาพูดไม่เก่ง ส่วนเราถามเยอะจนไม่มีเรื่องคุย เงียบไป 4 วัน เขาก็ส่งข้อความกลับมาทักทายอีก” ฐิติกานต์ เล่าย้อนอดีต
ระยะเวลาเพียง 5 วันที่ไม่ได้คุยกันทำให้แมทเทียเยอสรู้สึกคิดถึงหญิงสาวชาวไทย รอผ่านไปหลายวันไม่มีข้อความส่งมาจากเมืองไทยทำให้เขาตัดสินใจส่งข้อความกลับมาถามไถ่ข่าวคราว ตั้งแต่วันแรกที่ได้คุยกันทำให้ชายหนุ่มคิดถึงอยากรู้จักฐิติกานต์มากขึ้น ข้อความในครั้งนั้นทำให้ทั้งคู่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์และพูดคุยกันอีกครั้ง
“ผมสมัครในเว็บไซต์หาคู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็ได้คุยกับเธอ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุย ได้เจอหน้ากัน รู้สึกเธอเป็นคนอบอุ่น อ่อนหวาน จริงใจ ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเดินทางมาเมืองไทย แต่แม่กับพ่อมาท่องเที่ยวที่เมืองไทยทุกปี ครั้งแรกที่เดินทางอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นวันเกิดแม่จึงมาร่วมฉลองวันเกิด ครั้งนั้นมาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ได้รู้จักเพื่อนคนไทย ทุกคนเป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส กลายเป็นความประทับใจ ทำให้อยากมีคู่ชีวิตเป็นคนไทย เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สมัครเข้าไปในเว็บไซต์หาคู่” แมทเทียเยอส เล่าอย่างภาคภูมิใจ
ระยะเวลาที่ทำความรู้จักผ่านทางโลกออนไลน์ 2 เดือน ทำให้ทั้งคู่ต่างมีความผูกพันจนเกิดเป็นความรัก ต้องการใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกัน แมทเทียเยอสตัดสินใจเดินทางมาหาแฟนสาวที่เมืองไทย การมาเจอกันครั้งแรกชายหนุ่มไม่รีรอที่จะคุยเรื่องการแต่งงาน วางแผนการใช้ชีวิตด้วยกันที่ต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้หญิงสาว จึงชวนฐิติกานต์ไปเที่ยวที่ประเทศสวีเดน แต่ก็ไม่ง่ายนักเมื่อวีซ่านักท่องเที่ยวไม่ผ่าน
“หลังจากเจอกันเขาอยากให้ไปเที่ยวที่สวีเดนด้วย เขาทำวีซ่าให้เลยค่ะ แต่ต้องทำวีซ่าถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกไม่ผ่าน เขาก็กลับบ้านไปคนเดียวอีก 2 เดือนมาทำวีซ่าให้อีกรอบนี้ก็ไม่ผ่านอีก ผ่านไปอีก 2 เดือน มาทำวีซ่าให้อีกจนได้วีซ่า ส่วนที่ทำวีซ่าไม่ผ่าน เพราะยังรู้จักกันน้อยเกินไป เจ้าหน้าที่เขาถามทุกเรื่อง การรู้จักกัน การเจอกัน จนรอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่ให้ผ่าน เพราะว่าฝ่ายชายพยายามเดินทางมาไทยหลายครั้ง ระยะเวลาทำให้เราทั้งคู่ต่างรู้จักและเรียนรู้กันมากขึ้น ถึงครั้งแรกจะกลัวว่าจะโดนหลอก แต่คิดว่าลองดูไม่สำคัญเท่าที่การได้คุยกันแล้วรู้ว่าเขาเป็นคนที่อ่อนโยน อบอุ่น ไม่เคยคุยเรื่องลามกแม้แต่ครั้งเดียว และการที่มาเจอกัน 3 ครั้งก่อนบินมาก็ยิ่งทำให้แน่ใจว่าคนนี้ใช่เลย”
การได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันที่ประเทศสวีเดน 3 เดือนทำให้แมทเทียเยอสวางแผนการแต่งงานและรับหญิงสาวมาอยู่ด้วยกันที่สวีเดนการดูแลเอาใจใสอย่างสม่ำเสมอ การแสดงออกที่ยอมรับลูกทั้ง 3 คนห่วงใยดูแลทุกเรื่องยิ่งทำให้ฐิติกานต์แน่ใจว่าเลือกคบคนไม่ผิด
“เขาเข้ากับครอบครัวเราได้ พ่อแม่และลูกเราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี บอกเขาว่าไม่อยากแต่งงาน แค่เรารักกันอยู่ด้วยกันไปก็ไม่เห็นต้องแต่งเลย การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แค่เรารู้ว่าเรารักกันและอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว แต่เขายืนยันคำเดียวว่าอยากแต่งงานกับเรา เลยตัดสินใจบินกลับไทยพร้อมกันเพื่อแต่งงาน จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่สวีเดนโดยรับลูกมาอยู่ด้วย และก็มาแต่งงานที่นี่อีกรอบ”
กว่า 2 ปีชีวิตครอบครัวในต่างแดน ความรักในครอบครัวยังคงมีความสุขไม่ต่างจากการเป็นคู่รัก การเป็นครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งคู่ต่างดูแลกันและกัน และมากกว่าเดิม เพราะนอกจากแมทเทียเยอสจะดูแลฐิติกานต์แล้ว ยังดูแลส่งเสียลูกๆ ของเธอให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กลายเป็นครอบครัวเดียวกันที่ต่างช่วยกันทำมาหากิน สร้างครอบครัวให้มั่นคงทั้งคู่ช่วยการเปิดร้านอาหาร ในอนาคตเตรียมขยายสาขาที่มีทั้งอาหารสวีดิชและอาหารไทย
“อยู่ที่นี่ช่วยกันทำงานสร้างครอบครัว เขาเต็มใจที่จะดูแลเราแม่ลูก เราก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ อยากทำงานช่วยสามี งานไม่ได้หนักเพราะร้านอาหารที่นี่เปิดปิดเป็นเวลา ช่วงนี้วางแผนเปิดร้านอาหารใหม่ให้ลูกสาวเรียนต่อด้านการทำอาหารที่เมืองไทย หลังจากเรียนจบก็เตรียมเปิดร้านอาหารเพิ่มขึ้นอีกสาขา เราก็จะได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวด้วย”
ที่มา,komchadluek.ne
0 comments:
Post a Comment