Friday, March 18, 2016

Tagged Under:

พิษคดีเสี่ยเบนซ์ เด้งผกก.-พ.ต.ท.เจ้าของคดี โลกโซเชียลถล่มหนัก 'พงศพัศ'เพิ่มข้อหาอีก2กระทง

By: news media On: 5:47 PM
  • Share The Gag
  • ‘พงศพัศ’เพิ่มข้อหาอีก2กระทง หลังรพ.ยันผู้ต้องหาไม่ให้ตรวจ ตร.จับนอนเตียงเข็นไปฝากขัง

    คดีเสี่ยเบนซ์ขยี้ 2 นิสิตปริญญาโท มจร. พ่นพิษสั่งเด้ง ผกก.ท้องที่เกิดเหตุกับ พ.ต.ท. เจ้าของคดี หลังถูกกระแสสังคมโลกโซเชียลถล่มหนักประเด็นไม่ตรวจแอลกอฮอล์ “พงศพัศ” ลงพื้นที่สอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยืนยันผู้ต้องหาไม่ยอมให้ตรวจเลือดเองเลยตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 กระทง คือเมาแล้วขับกับขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกัน ตำรวจนำตัว ผู้ต้องหานอนเตียงคนไข้เข็นฝากขังต่อศาลพร้อมยื่นประกันตัวไปด้วยเงิน 2 แสนบาท

    จากเหตุการณ์สะเทือนใจที่นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เสี่ยนำเข้ารถหรูและเป็นลูกชายของนายเจษฎา วีรพร กรรมการบริษัท เลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าซิ่งรถเบนซ์สีดำรุ่น CLK ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ดรุ่นเฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร ที่ติดแก๊สแอลพีจีอย่างแรงจนรถคู่กรณีเกิดระเบิดไฟลุกท่วมย่างสดนายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี คนขับและเป็นนิสิตปริญญาโท คณะพุทธศาสน์ สาขาสันติภาพของ มจร.กับ น.ส.ธันฐภัทร หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี นิสิตปริญญาโทที่เดียวกันเสียชีวิตสยอง 2 ศพ เหตุเกิดที่ถนนพหลโยธิน กม.533 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

    หลังเกิดเหตุคดีล่าช้าและที่สำคัญไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของเสี่ยขับเบนซ์ผู้ต้องหาแถมยังอนุญาตปล่อยให้ไปรักษาตัวที่ รพ.สมิติเวชที่กรุงเทพฯ โดยตำรวจท้องที่อ้างสาเหตุที่ไม่ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ เนื่องจากไม่มีกลิ่นสุราจากตัวผู้ต้องหาและผู้ต้องหาบาดเจ็บต้องรีบส่งตัวไปรักษาต่อที่กรุงเทพฯ เลยถูกสังคมโลกโซเชียลถล่มอย่างหนักว่าสองมาตรฐานพร้อมขุดคุ้ยพฤติกรรมการขับรถของเสี่ยตีนผีอย่างดุเดือด กระทั่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนโดยมอบหมายคดีให้ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยารับดำเนินการ และตั้งกรรมการสอบสวนพนักงานสอบสวนชุดเก่าว่าบกพร่องหรือไม่

    ต่อมาเมื่อตอนสายวันที่ 18 มี.ค.ที่ สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนของคดีคนใหม่และพนักงานสอบสวนจาก บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยาเดินทางมาที่ สภ.พระอินทร์ราชา เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางการสอบสวน พยานบุคคล เอกสารของทั้งสองฝ่ายโดยแยกกันสอบสวน

    จากนั้นทั้งหมดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อเก็บร่องรอยและวิถีการชนเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนรวมทั้งภาพวีดิโอหรือคลิปต่างๆที่ปรากฏตามโลกโซเชียลและตามสื่อต่างๆ นำมาประกอบสำนวนทั้งหมดเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับนายเจนภพ วีรพร เสี่ยซิ่งเบนซ์ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์ผู้อื่นเสียหายและเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

    ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยาส่งมอบสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวให้กับ พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยาในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนพร้อมกันนี้ยังให้ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก. (สอบสวน)สภ.พระนครศรีอยุธยาแถลงข่าวในการดำเนินคดีกับนายเจนภพ หนุ่มซิ่งเบนซ์โดยเปิดให้สื่อซักถามทุกประเด็นโดยเฉพาะข้อสงสัยในการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ต้องหา

    พ.ต.อ.สุรินทร์ชี้แจงว่า จากการสอบถามพนักงานสอบสวนยืนยันวันเกิดเหตุให้แพทย์ตรวจเลือดวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ต้องหาแล้วแต่นายเจนภพ วีรพร คนขับรถเบนซ์ไม่ยอมให้ตรวจซึ่งถือเป็นสิทธิของเขา แต่กฎหมายมาตรา 131 หากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสันนิษฐานว่าเมาสุราและสามารถดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ หากผลสอบพบว่ามึนเมาจริงต้องขออำนาจศาลพิจารณาเพิกถอนอายัดใบขับขี่ ส่วนการสอบสวนไม่หนักใจเพราะผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้สั่งกำชับทำคดีตรงไปตรงมาจะทำให้ดีที่สุด เร็วที่สุดเพราะเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ ทีมพนักงานสอบสวนชุดใหม่จะรวบรวมพยานหลักฐานทุกกรณีมารวมในสำนวน และแนวทางสอบสวน มีทั้งพยานบุคคล วัตถุพยาน และมั่นใจในหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดี

    ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 มีคำสั่งด่วนลงวันที่ 18 มี.ค.59 ให้ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา กับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.พระอินทร์ราชา เจ้าของคดีรถเบนซ์ชนไฟคลอก 2 ศพ ไปประจำ ศปก.ตร.ภ.1 นาน 15 วันโดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิมและมอบหมายให้ พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก.(สอบสวน) ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา

    บ่ายสองวันเดียวกันที่ รพ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุประกอบด้วยแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เวรเปลของ รพ. เพื่อหาข้อเท็จจริงประเด็นการตรวจเลือดของผู้ต้องหาโดยมี พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา และ นพ.เลิศชัย จิตต์เสรี ผอ.รพ.บางปะอิน ให้การต้อนรับ

    จากการสอบถามนายอดิศร จันทร์เป้า เจ้าหน้าที่เวรเปล กล่าวว่า วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำนายเจนภพ วีรพร คนขับรถเบนซ์ที่บาดเจ็บมาส่ง ตนจึงนำขึ้นเตียงในห้องฉุกเฉินเตรียมให้แพทย์รักษา ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดแล้วแต่นายเจนภพบอกว่ากลัวเข็มฉีดยา ไม่ยอมให้เจาะและขอย้ายไป รพ.สมิติเวช จากนั้นไม่ยอมพูดอะไร จนกระทั่งย้ายออกไปจากโรงพยาบาล

    หลังการสอบปากคำ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการสอบปากคำพยานยืนยันว่านายเจนภพปฏิเสธการตรวจเลือดจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มคือขัดขวางเจ้าพนักงาน คดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อสังคมต้องเร่งสอบสวนพยานบุคคล วัตถุพยานและเก็บพยานหลักฐานให้ละเอียดเพื่อสรุปสำนวนให้เสร็จโดยเร็วโดยจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนการย้าย ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา กับรอง ผกก. (สอบสวน) เจ้าของคดีนั้นเพื่อให้พนักงานสอบสวนชุดใหม่ทำงานอย่างโปร่งใส

    จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก. (สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยาและพนักงานสอบสวนนำตัวนายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี คนขับรถเบนซ์มาฝากขังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในสภาพนอนบนเตียงคนไข้มีสายน้ำเกลือระโยงระยางโดยมีรถ รพ.สมิติเวชนำมาส่ง สาเหตุที่ต้องนำมาฝากขัง เนื่องจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัวไว้ได้เพียง 48 ชม.

    ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาขอฝากขังอีก 12 วัน ในข้อหาเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถโดยประมาทและขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่โดยพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งยังต้องรอผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นต้องขออำนาจศาลฝากขัง หลังฝากขังญาตินำเงินสด 200,000 บาทยื่นประกันตัว ศาลอนุญาตให้ประกันออกไปรักษาตัวต่อที่ รพ.สมิติเวช โดยมีเงื่อนไข 4 ข้อ 1.ห้ามออกนอกประเทศ 2.ห้ามขับรถ 3.ยึดใบขับขี่ และ 4.เมื่อศาลสั่งให้มารายงานตัวต่อศาลต้องมา หากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไม่เสร็จภายใน 12 วัน อาจจะขออนุญาตศาลฝากขังต่อไปอีกแล้วแต่ศาลจะพิจารณา

    กรณีมีการแพร่ภาพส่งต่อตามสื่อสังคมออนไลน์ที่รถเบนซ์สีดำ หมายเลขทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคันเดียวกับคันที่ซิ่งชนรถฟอร์ด บริเวณถนนพหลโยธินขาออกจนเป็นเหตุให้ 2 นิสิตปริญญาโทของ มจร.เสียชีวิต 2 ศพ ได้ซิ่งฝ่าด่านชนไม้กั้นช่องเก็บค่าผ่านทางด่านทางพิเศษพระราม 4 ของ กทพ.ก่อนไปชนท้ายรถของ 2 นิสิตปริญญาโท ล่าสุดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รายงานว่า กทพ.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อวันที่ 13 มี.ค.59 เวลาประมาณ 10.48 น. ได้มีรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานครใช้ทางพิเศษมุ่งหน้าดินแดงโดยเข้าทางด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระรามที่สี่ในช่อง 2 ที่เก็บค่าผ่านทางพิเศษอัตโนมัติ

    จากการตรวจสอบทราบว่ารถคันดังกล่าวมีบัตร Easy Pass แต่ผู้ขับขี่ไม่ได้ติดบัตร Easy Pass ไว้ที่หน้ากระจกรถแต่ใช้วิธีลดกระจกแล้วถือบัตร Easy Pass ออกมาโบกนอกตัวรถแต่จังหวะนั้นรถขับเลยจุดอ่านสัญญาณของบัตรทำให้ระบบไม่สามารถตัดเงินค่าผ่านทางได้ส่งผลให้ไม้กั้นไม่เปิด ผู้ขับขี่จึงได้ขับรถชนไม้กั้นแหกด่านไปโดยไม่ได้ลงมาตรวจสอบความเสียหายของตัวรถและของไม้กั้น อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของ กทพ. พบว่าไม้กั้นไม่เสียหาย สำหรับค่าผ่านทางพิเศษในบัตร Easy Pass นั้น พนักงานประจำด่านฯได้จัดทำรายงานและส่งหลักฐานข้อมูลเพื่อเรียกร้องค่าผ่านทางจำนวน 50 บาท จากผู้ใช้บัตรต่อไปซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติงานตามปกติ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าชื่อเจ้าของบัตร Easy Pass ของรถยนต์คันดังกล่าวคือ บริษัท เลนโซ่ ไดเร็ค จำกัด


    นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงรถเบนซ์ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าทะเบียนดังกล่าวถูกประมูลโดยบริษัทเลนโซ่เอเชีย จำกัด (มหาชน) ชนะประมูลในราคา 9.1 แสนบาท เมื่อวันที่ 1 ส.ค.46 ทำสัญญารับทะเบียนเมื่อวันที่ 11 ส.ค.46 ภายหลังพบว่ามีการนำป้ายทะเบียนดังกล่าวไปจดทะเบียนกับรถหลายคันจนมาเป็นของรถเบนซ์คันดังกล่าวแต่ไม่พบความผิดปกติเพราะได้ดำเนินการขอจดทะเบียนแจ้งเปลี่ยนแปลงและชำระภาษีประจำปีอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกประการ

    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก ตร. แถลงข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่เร่งรัดคดีรถเบนซ์ชน 2 ศพพร้อมสั่งโอนคดีจาก สภ.พระอินทร์ราชาไปให้ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งทีมเฉพาะกิจดำเนินการโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้รับผิดชอบคดี ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตรวจแอลกอฮอล์ของนายเจนภพนั้น ตำรวจต้องยึดหลักและดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ต้องหามีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ แต่ในหลักกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก หากถูกปฏิเสธ ตำรวจสามารถดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาได้

    เมื่อถามว่า กรณีมีการเผยแพร่ภาพที่นายเจนภพขับรถชนพุ่งชนไม้กั้นที่ทางด่วนด่านพระรามที่ 4 ก่อนเกิดเหตุ 1 ชม. รองโฆษก ตร. ตอบว่า หากเป็นในคดีที่เชื่อมโยงกันและพิสูจน์ว่าเป็นความผิดจริง ต้องมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ รวมถึงตรวจสอบว่ามีการจ่ายค่าทางด่วนหรือไม่ กรณีที่ผู้ต้องหายังเคยทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นชุดสืบสวนจึงต้องตรวจสอบโดยเอาผลของคดีเก่ามาใช้ในการเพิ่มโทษได้เช่นกัน

    ที่มา: thairath

    0 comments:

    Post a Comment