นายเอกพงษ์ แก้วดี อายุ 30 ปี ชาว ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นสามีนางสุพัตรา ร้องเรียนว่า ก่อนหน้านี้ ภรรยา มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างแรง จากนั้น ได้เข้ารับการตรวจครรภ์ที่คลีนิคหมอทำการอัลตราซาวด์ ปรากฏว่า ตั้งครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ โดยตั้งท้องนอกมดลูก และมีเนื้อติดอยู่กับปีกมดลูกด้านขวา จึงส่งตัวเข้ารับการรักษา รพ.ตรัง ซึ่งก่อนผ่าตัดทางแพทย์ รพ.ตรัง โดยแพทย์ ตรวจร่างกายภรรยาตนอย่างละเอียด และผ่าตัดเอาปีกมดลูกด้านซ้าย
"ผมสงสัยว่า ทำไม่ต้องผ่าด้านซ้าย เพราะผลอัลตราซาวด์ จากคลินิกบอกว่า ทารกอยู่นอกมดลูกด้านขวา ทางแพทย์ให้เหตุลว่า ทารกได้ไหลไปอยู่ที่ปีกมดลูกด้านซ้ายที่มีก้อนเป็นสีขาว และไม่ได้บอกรายละเอียดไปมากกว่านี้ หลังจากผ่าตัดเสร็จ ภรรยานอนพักฟื้นตลอดระยะเวลา 4 วัน แต่แพทย์คนดังกล่าวที่ทำการผ่าตัดไม่ได้ขึ้นมาตรวจดูอาการแต่อย่างได มีแค่นักศึกษาแพทย์ แพทย์เวร และพยาบาลเท่านั้น หลังจากพักฟื้นเสร็จ จึงกลับมาบ้าน และทำงานตามปกติ ต่อมาภรรยา แต่เกิดมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง ตนจึงพาภรรยาปพบแพทย์ที่คลินิกอีกครั้ง เมื่อไปถึงแพทย์คลินิกก็ถึงกับงง บอกตนว่า เหตุใดแพทย์ที่รพ.ตรัง จึงได้ตัดปีกมดลูกด้านซ้ายออก เพราะผลทางคลินิกบอกว่า ทารกได้อยู่ติดกับปีกมดลูกด้านขวา จึงได้ทำการอัลตราซาวด์ใหม่ ปรากฏว่า ทารกยังมีอยู่นอกมดลูกในครรภ์อีก และเห็นว่า ปีกมดลูกด้านซ้ายก็ไม่มีแล้ว จึงทำการรีบส่งตัวไปพักฟื้นที่รพ.ตรัง เพื่อรอผ่าตัดต่อไป
หลังการผ่าตัดเสร็จ ปรากฏว่า ทารกอยู่นอกมดลูกติดกับปีกมดลูกด้านขวาจริง จึงทำการผ่าตัดออก เมื่อผ่าตัดเสร็จ จึงได้เรียกญาติ ให้เข้าไปพบ พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการรพ.ตรัง และกล่าวขอโทษญาติว่า การผ่าตัดครั้งก่อน เหนื่อยจากการทำงานมาก จึงทำให้ไม่ได้เช็คร่างกายผู้ป่วยอีกรอบ ทำให้เกิดการผิดพลาดขึ้น
แพทย์หญิง จิรวรรณ อารยะพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง กล่าวว่า ตนได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้โทรไปพูดคุยกับ นางขวัญตา แก้วดี หน.กลุ่มงานการพยาบาล รพ.ย่านตาขาว ซึ่งเป็นมารดาแฟนของหญิงสาวที่เสียหาย ได้กล่าวขอโทษถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และได้มอบหมายให้ทางรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง ได้เข้าไปพูดคุยกับญาติของผู้เสียหายแล้วเช่นกันได้รับทราบปัญหาแล้ว แต่ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดที่แน่ใจ ซึ่งตอนนี้ตนขอยังไม่พูดอะไรก่อน รอให้ทราบถึงปัญหาและรายละเอียดให้แน่ชัดอีกทีอีกที ผอ.รพ.ตรัง กล่าว
ทางด้าน นายไพศาล เกื้ออรุณ รองประธานชมรมนักสันติวิธี กระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์และแชร์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "เมื่อไหร่ความทุกข์ยากที่ทุกฝ่ายต้องเผชิญจะลดลงหรือหมดไปเสียที...การให้บริการแบบปลอดภัยของผู้ให้และรับบริการ ตลอดจนการเผชิญความไม่สมหวังในการให้และรับบริการแบบไร้ความรุนแรงน่าจะเป็นทางออกหนึ่งเท่าที่คิดได้...ฝากเรื่องนี้ไว้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ" ส่วนความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment