Monday, June 6, 2016

Tagged Under:

รองเจ้าคณะยัน 'ธัมมชโย' ป่วยจริง ขาซ้ายบวมเดินไม่ได้

By: news media On: 4:48 PM
  • Share The Gag
  • เกียรติ อ่อนวิมล” ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทวัดพระธรรมกาย ขณะที่ ผบ.ตร.กำชับดูแลวัดพระธรรมกาย ระวังมือที่สามป่วน

    ยังไม่เป็นที่ยุติกรณีดีเอสไอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาฟอกเงินและรับของโจร แต่พระธัมมชโยไม่เข้ามอบตัวตามนัด อ้างอาพาธหนัก โดยวัดพระธรรมกายยื่นข้อเสนอขอใช้แพทย์จากส่วนกลางหรือแพทย์จาก รพ.พระมงกุฎฯเข้าตรวจร่างกาย ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับตำรวจภาค 1 ตรวจเข้มรอบวัดพระธรรมกาย หวั่นมือที่ 3 ก่อเหตุร้ายตามที่เสนอข่าวไปนั้น

    ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับจากพระธัมมชโย ในการอนุญาตให้แพทย์ส่วนกลางจากแพทยสภาร่วมกับราชวิทยาลัย ส่งไปตรวจยืนยันอาการอาพาธ สาเหตุที่ต้องรอหนังสือ เนื่องจากตามหลักการตรวจร่างกายผู้ป่วยต้องเป็นคนร้องขอ แต่กรณีนี้เป็นแพทย์ที่รักษาพระธัมมชโยร้องขอมา ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ป่วยก่อน ส่วนที่มีการเรียกร้องให้นำแพทย์จาก รพ.พระมงกุฎเกล้าไปตรวจอีกนั้น เป็นเรื่องของพระธัมมชโยกับวัดพระธรรมกาย แพทยสภาไม่ได้ต้องการไปตรวจเอง แต่มีการร้องขอ อีกทั้งเหตุที่แพทยสภารับจะตรวจเพราะมีเพียงเงื่อนไขเดียวคือ ต้องการไขความกระจ่างให้สังคม และสังคมต้องการคำตอบ โดยการตรวจของแพทยสภา นั้นจะต้องมีเงื่อนไขคือ ผู้ป่วยทำหนังสือมาและต้องยินดีให้เปิดเผยข้อมูลกับสังคม

    ด้าน พล.ท.นพ.ชุมพร เปี่ยมสมบูรณ์ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก และ ผอ.รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวถึง กรณีที่วัดพระธรรมกายขอให้แพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า เป็นผู้ตรวจอาการอาพาธพระธัมมชโย ว่าต้องประสาน กับกองทัพบกตามลำดับขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นความประสงค์ของดีเอสไอหรือวัดพระธรรมกาย อย่างไร ก็ตาม แพทย์ทุกคนมีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์ รพ.พระมงกุฎฯ อย่าง แพทยสภาถือเป็นหน่วยงานที่มีความรู้ความสามารถ มีราชวิทยาลัย และอีกหลายสมาคมเกี่ยวข้องจากทั่วประเทศ สามารถนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบได้ ส่วนผลสอบ พ.ท.นพ.สิริพงษ์ พัฒนธนาวิสุทธิ์ รอง ผอ.รพ.ค่ายภาณุรังษีนั้น หลังพบว่า มีความผิดทางวินัย ขณะนี้ปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพ ให้ปฏิบัติในหน้าที่ของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น

    ส่วนการทำงานของดีเอสไอ เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ นายสมเกียรติ ธงศรี ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความ เข้าหารือกับพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเพื่อหาแนวทางดำเนินการกับพระธัมมชโยก่อนแถลงข่าวร่วมกัน โดยพระเทพรัตนสุธีกล่าวว่า ได้แต่งตั้งนายสมศักดิ์ โตรักษา เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานี และผู้ประสานงานระหว่างดีเอสไอ กับวัดพระธรรมกายให้การดำเนินการเรื่องนี้บรรลุได้ตามกฎหมาย ขอย้ำว่านายสมศักดิ์เป็นที่ปรึกษากฎหมายของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไม่ได้เป็นทนายจากวัดใดวัดหนึ่งส่งมา ส่วนพระธัมมชโยนั้น ยังคงอยู่ในวัดได้ เคยให้รองเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไปเยี่ยม พบว่า ท่านอาพาธ ขาซ้ายบวมจริง เดินไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กรณีพระธัมมชโยเป็นคดีทางโลก ไม่ใช่คดีทางสงฆ์ ส่วนการที่ตนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะได้รับการประสานจากดีเอสไอให้การดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นไปอย่างนุ่มนวล

    ขณะที่นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้เหลือเพียง 5% ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ก่อนการประชุมครั้งนี้ได้เชิญทางวัดพระธรรมกาย ทั้งทีมทนาย คณะศิษย์ รวมถึงคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายมาร่วมประชุมแล้ว แต่ได้รับแจ้งว่าทางวัดพระธรรมกายต้องหารือร่วมกันเช่นกัน ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ อย่างไรก็ตามการดำเนินการขณะนี้ อยากให้เป็นไปแบบสมานฉันท์ เมื่อได้ข้อสรุปร่วมกันแล้วจะแจ้งข้อตกลงให้กับวัดพระธรรมกายรับทราบต่อไป เมื่อถามถึง 5% ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้คือเรื่องอะไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญ แต่เพื่อให้คงบรรยากาศการสมานฉันท์ไว้ ยังไม่ขอเปิดเผย โดยเป็นข้อตกลง 2 ข้อที่ยังไม่ได้ข้อสรุปจากการหารือครั้งที่แล้ว แต่หลังจากหารือครั้งนี้แล้ว เหลือเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปครึ่งข้อเท่านั้น ยืนยันว่า ทั้งดีเอสไอและวัดพระธรรมกาย ให้ความร่วมมือดี ทั้งนี้ วัดพระธรรมกายไม่ได้ต้องการเป็นคนพิเศษ พร้อมอยู่ใต้กฎหมาย เพียงแต่ทางวัดพระธรรมกายขอดูว่าในขั้นตอนทางกฎหมายแล้วทางวัดจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

    พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การตั้งทีมประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นหนึ่งในวิธีการดำเนินการ ส่วนของพนักงานสอบสวนจะดำเนินงานในเรื่องของสำนวน ไม่เกี่ยวกับการทำงานของทีมประสานงานชุดนี้ โดยข้อตกลงจากการประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด ยังไม่สามารถเผยแพร่ได้ จะนัดประชุมอีกครั้ง วันที่ 14 มิ.ย. ที่วัดเขียนเขต ทั้งนี้ ข้อเสนอส่วนใหญ่ตกลงกันได้ ส่วนที่ยังไม่ได้ข้อสรุปจะต้องนำไปหารือทีมพนักงานสอบสวนและอธิบดีดีเอสไอต่อไป โดยการดำเนินการในเรื่องนี้ไม่มีการประวิงเวลา แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเสร็จเมื่อใด ต้องไปถามทีมพนักงานสอบสวน ตามขั้นตอนแล้วพนักงานสอบสวนสามารถสรุปสำนวนพร้อมหมายจับส่งให้อัยการพิจารณาได้ ส่วนเรื่องการมอบตัวนั้นอยู่ที่พระธัมมชโยจะตัดสินใจ ขณะที่ข้อเสนอของทางวัดที่ต้องการให้ใช้แพทย์จาก รพ.พระมงกุฎเกล้าไปตรวจอาการอาพาธพระธัมมชโยนั้น เป็นเรื่องของวัดพระธรรมกายกับแพทยสภา ที่จะต้องไปตกลงกันเอง

    ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวจากลูกศิษย์ฝั่งวัดพระธรรมกายในหลายพื้นที่ โดยช่วงสายวันเดียวกัน พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาแถลงการณ์ เรื่องที่มีภาพและข้อมูลปรากฏในเว็บไซต์ www.police1195.com อ้างว่าเป็นภาพเหตุการณ์ที่มีพระภิกษุเผาตัวเอง และมีข้อความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะบุกจับพระธัมมชโย แต่ทางพระได้คอยกันไม่ให้เข้า ก่อนที่พระรูปหนึ่งจะจุดไฟเผาตัวเอง และเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นภายในวัดพระธรรมกายนั้น วัดพระธรรมกายขอปฏิเสธ ภาพและข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ ไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด จึงเจริญพรมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องโดยทั่วกัน

    ที่ สภ.คลองหลวง นางกรรณิการ์ อยู่ศรี ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้าพบ พ.ต.ต.สุวิทย์ ปะคำแหง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อลงบันทึกประจำวันพร้อมนำหลักฐานมามอบให้ โดยนางกรรณิการ์กล่าวว่า ได้นำหลักฐานจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ นำบทสัมภาษณ์พิเศษของพระราชธรรมนิเทศ (หลวงพ่อพยอม) เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.59 เวลา 07.51 น. ในหัวข้อว่า พระพยอมอ่านเกมธัมมชโย แนะตัดเสบียง ส่งทหารปิดล้อม ปรากฏรายละเอียดบางส่วนบางตอนที่เป็นเท็จ บิดเบือน ทำให้ผู้รับข้อมูลข่าวสารเข้าใจผิด สร้างความเสื่อมเสียให้กับพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) วัดพระธรรมกาย และคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และยังได้ให้สัมภาษณ์ข้อความอันเป็นเท็จพาดพิงถึงพระภิกษุผู้ประพฤติปฏิบัติชอบ ซึ่งเป็นบุคคลที่ชาวพุทธต่างให้ความเคารพบูชา ในทำนองที่ว่า หลวงพ่อธัมมชโยกล่าวลบหลู่ดูหมิ่น ด้วยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาและความศรัทธาโดยรวมของชาวพุทธหมู่มาก คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ลงบันทึกประจำวันตามข้อกล่าวหาและได้มอบหมายให้ทีมงานฝ่ายกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    อีกด้านหนึ่ง ที่อาคารโดมบริหาร มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายอัยย์ เพชรทอง และนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และคณะ เข้ามอบหนังสือให้กับอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีนายสมศักดิ์ หงส์ทรัพย์ภิญโญ ผอ.กองงาน ศูนย์ รังสิต เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยคณะศิษยานุศิษย์ ขอให้สอบสวนและวินิจฉัยการกระทำของ นพ. มโน เลาหวณิช อาจารย์ประจำของวิทยาลัยแพทย์นานาชาติ จุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า ผิดจรรยาบรรณหรือไม่ เนื่องจาก นพ.มโนได้ใส่เสื้อของมหาวิทยาลัยไปออกรายการต่างๆ ให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย และหลวงพ่อธัมมชโยได้รับความเสื่อมเสียและเสียชื่อเสียง ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่พูด โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า หนังสือทั้งหมดมี 4 ฉบับ โดยส่งถึงอธิการบดี คณะกรรมการพิจารณาและวินิจฉัยการกระทำความผิดจรรยาบรรณ ประธานสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณบดีวิทยาลัยแพทย์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ จะเร่งนำหนังสือส่งให้กับทุกท่าน ส่วนเรื่องการดำเนินการขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของทางมหาวิทยาลัย

    ที่ จ.นครปฐม นายประสิทธิ์ สันจิตร ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธพร้อมด้วยกลุ่มชาวพุทธ เดินทางมายังหอสมุดวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ยื่นหนังสือต่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยตามกฎนิคหกรรม ด้วยข้อกล่าวหาต้องอาบัติปาราชิก ต่อพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ ต. ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม และทหารเข้าร่วมสังเกตการณ์ ทั้งนี้นายประสิทธิ์เปิดเผยว่า จากนี้จะไปยื่นหนังสืออีก 2 แห่ง ที่วัดนิมมานรดี ภาษีเจริญ กทม.ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นเจ้าคณะภาค 14 ดูแลพื้นที่นครปฐม และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่วัด พิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน เอาผิดพระสุวิทย์ทางวินัยถึงขั้นอาบัติปาราชิก กรณีศาลแพ่งมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 ก.พ.59 ให้พระพุทธะอิสระ พร้อมแกนนำกลุ่ม กปปส. ร่วมชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 1.4 ล้านบาท กรณีบุกรุกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อปี 57 ทำให้สถานที่ราชการได้รับความเสียหาย

    ที่ จ.นนทบุรี นายวุฒิชาติ ศรีอัศวอมร อายุ 49 ปี ตัวแทนกลุ่มรักพระพุทธศาสนากว่า 20 คน นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สวิช สืบเพ็ง รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ อ่อนวิมล ในข้อหาความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) หลังจากนำข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายวัดพระธรรมกาย ลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด เผยว่า ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่นายวุฒิชาติมีความประสงค์ แต่ต้องตรวจสอบว่านายสมเกียรติได้โพสต์ข้อความเข้าข่ายเป็นความผิดตามที่ผู้แจ้งหรือไม่ต่อไป

    เช่นเดียวกับที่ จ.สระแก้ว นายปานจิตร วรรณเจริญ ประธานกลุ่มพิทักษ์พระพุทธศาสนา จ.สระแก้ว เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมชาย อยู่ระ สว. (สอบสวน) สภ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ให้ดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ อ่อนวิมล ข้อหาหมิ่นประมาทวัดพระธรรมกาย และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนำสำเนาข้อความที่นายสมเกียรติเขียนลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว มามอบให้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันและรับแจ้งความไว้ พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

    ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ศปก.สน.ภ.จ.ปทุมธานี) และประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องและฝ่ายปกครอง เพื่อมอบนโยบายในการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติงานดูแลความเรียบร้อยบริเวณวัดพระธรรมกาย พร้อมแนะนำการทำงานเพราะเป็นห่วงในทุกเรื่อง โดยกำชับให้ทางพื้นที่เฝ้าระวังเรื่องมือที่สาม และให้ตั้งด่านตรวจตราบุคคลที่ผ่านเข้าออกและให้ทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวให้ดี ส่วนเรื่องการข่าวต่างๆนั้นได้รับรายงานว่าเป็นปกติดีเท่าที่ดูการปฏิบัติเขาก็ทำให้ครอบคลุมเรียบร้อยทั้งหมด

    ที่มา: thairath

    0 comments:

    Post a Comment