Thursday, January 5, 2017

Tagged Under:

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค‘ธค.’ดีดตัวหลังศก.โงหัว

By: news media On: 6:37 PM
  • Share The Gag
  • นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลง “ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค” เดือนธ.ค. 2559 โดยระบุว่า ดัชนีปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 73.7 จากเดือนพ.ย. ที่อยู่ที่ระดับ 72.3 นับเป็นการปรับตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน

    ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือนธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 62.5 จากเดือนพ.ย. ที่ 61.2


    โดยปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นใช้จ่ายของภาครัฐในช่วงปลายปี และจากการส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10.19% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่ราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบายในการดูแลของภาครัฐและจากการที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และคงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2560 ไว้ที่ 3.2% ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ที่ปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค., ค่าเงินบาทที่อ่อนลงเล็กน้อย

    สำหรับปัจจัยลบมาจากระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวขึ้น ราคาพืชผลหลายชนิดยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริโภคยังวิตกกังวลปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่สูง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลลบต่อการส่งออกไทย

    ทั้งนี้ ได้คาดการณ์ขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.5-4% หรือเฉลี่ยที่ 3.6% ได้หากภาครัฐสามารถเบิกจ่ายงบกลางปีราว 2 แสนล้านบาทได้ในช่วงมี.ค.-เม.ย. 2560 และงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 9 แสนล้าน ได้ในช่วงเดือนก.ค. 2560 ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมได้

    พร้อมคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 1/60 และขยายตัวราว 3.2-3.3% จากการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว และการท่องเที่ยวที่เริ่มคึกคักขึ้นจากนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง และสถานการณ์ทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือปัญหาทัวร์จีนที่เริ่มคลี่คลายลง นอกจากนี้ราคาพืชผลทางการเกษตรและค่าแรงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศและเป็นแรงขับเคลื่อนไปยังไตรมาส 2/60 ให้ขยายตัวอย่างโดดเด่นที่ราว 3.3-3.7% ด้วย

    “เราเริ่มเห็นผู้ส่งออกของไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากปริมาณตู้ในการส่งออกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน่าจะทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางกลับมาด้วย” นายธนวรรธน์ กล่าว

    นอกจากนี้คาดว่าหากภาครัฐสามารถเบิกจ่ายงบกลางปีได้ตามเป้าหมาย ราคาสินค้าเกษตร และค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น จะทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานขยับอยู่ที่ราว 1-1.5% และเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ราว 1.5-2% ซึ่งจะทำให้เอกชนมองว่าราคาสินค้าเริ่มสูงขึ้น และกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง และผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงกลางไตรมาส 3/60 กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

    ทั้งนี้ มองว่าความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปี 2560ยังมาจากนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ และการออกจากสมาชิกกลุ่มยูโร หรือ Brexit อย่างเป็นทางการของอังกฤษ ว่ากระทบต่อการค้าโลกหรือไม่รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐว่าจะสามารถผลักดันงบกลางปีออกมาได้ตามเป้าหมายหรือไม่

    “เศรษฐกิจปีหน้าจะไม่มีปัญหาเพราะการส่งออกเริ่มกลับมาฟื้น แต่ต้องจับตาดูนโยบายของทรัมป์ และการเจรจา Brexit ด้วยว่าผลจะออกมาช็อกโลกหรือไม่ นอกจากนี้การเบิกจ่ายงบกลางปีถ้าไม่ออกมาในช่วงมี.ค.-เม.ย. ก็จะทำให้เกิดสุญญากาศ” นายธนวรรธน์ กล่าวทิ้งท้าย

     ที่มา: naewna

    0 comments:

    Post a Comment