ฆ่าโบกปูนเณรปลื้ม ยิ่งสาวยิ่งลึก อึ้งแก๊งฆ่าเณรยึดอำนาจวัดเบ็ดเสร็จเด็ดขด แถมจับเจ้าอาวาสขังนานถึง 2 ปี ด้านตร.สอบเส้นทางเงิน “พระเด่น” หลังพบรวยผิดปกติซื้อรถแพง 3 คัน เชื่อใช้เงินผลประโยชน์วัดค่าจอดรถ ค่าเช่าแผงมาซื้อให้ตัวเอง ด้านพ่อสามเณรปลื้ม ไม่เชื่อลูกชายขโมยเงิน สงสัยล่วงรู้ความลับเลยถูกฆ่าปิดปาก
จากกรณีสามเณรปลื้ม อายุ 17 ปี ถูกฆ่าฝังดินใต้ฐานพระพุทธรูป ภายในวัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครสรีธรรมราช นานร่วม 5 เดือน ก่อนตำรวจสืบสวนจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้คือ "พระเด่น" คนดูแลผลประโยชน์ภายในวัด ซึ่งเป็นพระลูกวัดวัดเดียวกันร่วมกับพวกลงมือฆ่า ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสซึ่งอ้างว่าถูกทีมฆ่าสามเณรปลื้มจับขังไว้ในกุฏิร่วม 2 ปี โดยไม่สามารถออกไปไหนได้ และไม่รับรู้เรื่องการเงินภายในวัดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (2 มิ.ย.) พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าพบ พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช และเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก โดยพบว่าถูกขังไว้ในกุฏิ ไม่เคยได้ออกจากกุฏิไปไหนมานานนับปีแล้ว และไม่เคยรับรู้สถานะการเงินของวัดเลย เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มผู้ต้องหาที่ฆาตกรรมสามเณรปลื้มเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ พระเทพสิริโสภณ ยืนยันว่าทั้ง น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล และ นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่นชัย ไม่ได้เป็นญาติใดๆกับตนเอง อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าเหตุใดถึงเข้ามาควบคุมวัดได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พระเทพสิริโสภณ ถึงกับนิ่งเฉยและไม่ยอมตอบคำถาม อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นิมนต์พระเทพสิริโสภณไปสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
ด้านพ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ชุดสืบสวนจะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายเด่นชัย ภูมินิยม อายุ 36 ปี และ น.ส.ปิยฉัตร อรุณกุล อายุ 40 ปี ซึ่งพบว่าเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของทางวัด มีเงินหมุนเวียนเกี่ยวกับเรื่องค่าจอดรถ ค่าเช่าแผงพระ รวมทั้งอื่นๆ ว่าเป็นมาอย่างไร รวมทั้งทำการตรวจสอบเกี่ยวกับรถยนต์ราคาแพงทั้ง 3 คันของ 2 คนนี้ด้วยว่าซื้อมาอย่างไร โดยรถยนต์ 3 คันดังกล่าวนั้นเชื่อว่าเอาเงินของวัดไปซื้อ แต่ใช้ชื่อของตัวเอง เพราะผลประโยชน์ในวัดนั้นนายเด่นชัย กับ น.ส.ปิยฉัตร เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดจนมีฐานะ ขณะที่วัดดังกล่าวนั้นไม่มีคณะกรรมการวัด ซึ่งหากพบว่าไม่มีที่มาที่ไหนที่ชัดเจนเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจยึดทรัพย์สินของนายเด่นชัย และ น.ส.ปิยฉัตร ทั้งหมด และนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายชวน เอกเกียรติกุล อายุ 42 ปี พ่อของสามเณรปลื้ม เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับจากนำศพลูกไปตรวจที่สถาบันนิติเวช รพ.สุราษฏร์ธานี ว่า ตนทำงานขับรถบรรทุก 10 ล้อก่อสร้างถนนอยู่ในจ.กาฬสินธุ์ โดยติดต่อกับสามเณรปลื้มมาตลอด และได้ส่งเงินให้เป็นครั้งสุดท้ายช่วงหลังปีใหม่ ก่อนทราบว่ามีปัญหาทะเลาะวิวาทกับคนข้างวัด หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกับสามเณรปลื้มได้ โดยมีญาติๆ คอยติดตามหาสามเณรปลื้มอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวานนี้ (1 มิ.ย.) ทราบว่าสามเณรปลื้มถูกฆ่าฝังศพในวัด จึงเดินทางมาดูการขุดศพ และรับศพไปตรวจพิสูจน์ที่นิติเวชรพ.สุราษฏร์ธานี แต่ยังไม่ได้ตรวจเพราะทางแพทย์บอกว่ายังไม่ได้หนังสือหรือเอกสารส่งศพจากพนักงานสอบสวน จึงต้องฝากศพไว้ชั่วคราวและเดินทางกลับมานำใบส่งตัวเดินทางไปอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
พ่อของสามเณรปลื้ม กล่าวด้วยว่ากลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าสามเณรปลื้มขโมยเงินจึงต้องฆ่า โดยส่วนตัวไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะไม่มีนิสัยลักขโมย แต่เขาเป็นคนที่ชอบพูดจาโผงผาง ซึ่งอาจจะไปรู้เห็นเกี่ยวกับความลับสำคัญบางอย่างภายในวัด จึงถูกฆ่าปิดปากมากกว่า ตนรับไม่ได้และจะไม่ขอพูดถึงกลุ่มฆาตกรใดๆ ทั้งสิ้น โดยคดีนี้โทษถึงประหารชีวิตก็อยากให้กลุ่มผู้ต้องหารับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตจริงๆ เพราะเป็นพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดผิดมนุษย์และยังปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพอีก ขอให้คิดดูว่าหากคนตายเป็นลูกหลานของตัวเองจะรู้สึกอย่างไร ตนไม่อยากให้ต้องโทษประหารชีวิตแต่ติดคุกจริง 8-9 ปีก็พ้นโทษออกมาอยู่อย่างสุขสบาย
ล่าสุด สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราชได้สั่งการให้เจ้าอาวาสวัดสระเรียง ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เพื่อเข้าไปจัดการตั้งคณะกรรมการวัดและตรวจสอบระบบการเงินของวัดที่ไม่ชัดเจนอยู่ในขณะนี้ แต่จะให้พระเทพสิริโสภณ ยังคงจำวัดอยู่ที่เก่า เพื่อเป็นการสะสางหลายกรณีที่อึมครึมเพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในย่านธุรกิจต่างมีความพอใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องการให้มีการเข้ามาจัดการกับวัดแห่งนี้มานานแล้ว หลังถูกนายเด่นชัย และ น.ส.ปิยฉัตร เข้ามามีอิทธิพลมานาน
ที่มา: banmuang
0 comments:
Post a Comment