ในประเทศครึ่งปีหลังจะได้แรงหนุนจากการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบกลางของภาครัฐซึ่งจะช่วยให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นได้โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ภาคเอกชนยังไม่จ้างงาน-เพิ่มกำลังการผลิต ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงไม่เพิ่มการจ้างงานแม้การส่งออกจะขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในส่วนที่ใช้แรงงานมากนัก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้นมากแต่กลับมีต้นทุนแรงงานเพียง 4% ของต้นทุนรวม ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจก็ยังคงชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ได้แก่ การก่อสร้างและการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักร ส่วนหนึ่งมาจากการที่ธุรกิจขนาดใหญ่หันไปลงทุนในรูปแบบของการควบรวมกิจการมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
โดยสัดส่วนของเงินลงทุนเพื่อควบรวมกิจการต่อเงินลงทุนระยะยาวทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 11% มาอยู่ที่ 42% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าวทำให้ความต้องการในการใช้ปัจจัยการผลิตใหม่รวมถึงการจ้างงานมีแนวโน้มที่จะขยายตัวน้อยลง
อีไอซีมองว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตา 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1. กำลังซื้อครัวเรือนชะลอตัว ทั้งจากรายได้เกษตรกรที่มีแนวโน้มลดลงตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่อาจไม่ได้ถูกปรับขึ้นหากตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวซึ่งจะกระทบกับการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อยที่มีภาระหนี้ครัวเรือนสูงอยู่แล้ว 2. ค่าเงินบาทแข็งเมื่อเทียบกับคู่ค้าบางราย การเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมามีการแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินบางประเทศ เช่น จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม หากเงินบาทยังคงแข็งค่าในลักษณะนี้ต่อไปจะทำให้การส่งออกของไทยในบางสินค้าที่ต้องแข่งขันกับประเทศดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเสียเปรียบในด้านราคาได้ โดยสินค้าที่ต้องจับตา ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์กึ่งตัวนำ (semiconductor) ชิ้นส่วนโทรศัพท์ ยางพารา
และข้าว 3. ตลาดการเงินโลกมีความเปราะบางเพิ่มขึ้น ราคาสินทรัพย์ทางการเงินที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาอย่างต่อเนื่องทั้งพันธบัตร หุ้น และสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งเงินบาทไทย อาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่ตึงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะข้างหน้าทั้งจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการเริ่มลดขนาดงบดุลในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ตลาดการเงินโลกยังมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่คาดเดาได้ยาก ทั้งความไม่แน่นอนในการบริหารรัฐบาลและนโยบายต่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี และความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ที่มา: banmuang
0 comments:
Post a Comment