โดยวันนี้ทนายความของโจทก์ทั้งสองมาศาล ส่วน น.ส.ดลฤดี จำเลย ทราบนัดแล้วไม่มา ศาลจึงมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา
ขณะที่ทนายความโจทก์ นำนายอวยชัย อิสรวิริยะสกุล และ น.ส.ภาแก้ว เบญจเทพรัศมี เข้าเบิกความและแถลงหมดพยาน
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองแล้ว ได้ความจริงว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ทั้งสองในมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลปกครองเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท อันเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอน จำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ กรณีจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 8(5) จึงมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยให้หักจากกองทรัพย์สินของจำเลยเฉพาะค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร
ด้านนายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ต่อไปเจ้าของทรัพย์ก็ไม่อาจทำอะไรกับทรัพย์นั้นได้ หากจะดำเนินการใดจะเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมาย ขณะที่เวลานี้ยังไม่ถือว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 60, 61 เพราะยังต้องมีขั้นตอนตามกฎหมายอีกที่ศาลจะให้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ น.ส.ดลฤดี อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ม.มหิดล) ปัจจุบันอยู่ที่สหรัฐ โดยครั้งแรกตกเป็นข่าวครึกโครมช่วงต้นปี 2559 เมื่อผู้ค้ำประกันที่ต้องใช้หนี้ทุนแทนได้โพสต์ข้อความลงสื่อโซเชียล โดย น.ส.ดลฤดีได้รับทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก ที่สหรัฐ แล้วไม่ได้เดินทางกลับมาใช้ทุนคืน แต่ได้ไปทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่สหรัฐ
ที่มา:matichon
0 comments:
Post a Comment