โดยกระทรวงการคลัง จะมีการใช้งบประมาณผ่านโครงการ และมาตรการต่างๆ เพื่ออัดฉีดวงเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกประมาณ 70,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมได้เต็มที่วงเงิน 190,000 ล้านบาท, การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้ไม่ต่ำกว่า 325,000 ล้านบาท และการส่งเสริมให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 35 ล้านคน หรือคิดเป็น 7.5% จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4%
อย่างไรก็ดี ตามมาตรการนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2560 ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะการอัดฉีดวงเงินดังกล่าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่มียอดรวมกว่า 585,000 ล้านบาท ถือเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้จีดีพีเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวในระดับที่ 4% ต่อปี ทำให้เศรษฐกิจของไทยสามารถหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางได้เร็วขึ้น
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังต้องเร่งดำเนินงานตามนโยบายและมาตรการที่ได้รับมอบหมายปี 2560 ประกอบด้วย มาตรการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบที่สอง, การเตรียมความพร้อมการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, ศูนย์กระจายและจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี เขตเศรษฐกิจพิเศษ, มาตรการจัดเก็บรายได้บริเวณโครงสร้างพื้นฐาน, มาตรการภาษีสนับสนุนอุปกรณ์ลดอุบัติเหตุทางถนน, การผลักดันกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ ที่จะเป็นกองทุนระดมทุนเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, การจัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุ, การแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, การยกร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อเป็นการทั่วไป
สำหรับนโยบายที่ดำเนินการไปแล้ว เมื่อปี 2559 ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง, ธุรกิจสินเชื่อเพื่อประชาชนใช้บริโภคกรณีฉุกเฉิน (พิโกไฟแนนซ์), ภาษีมรดก, กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.), การสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ หักภาษี 2 เท่า, มาตรการด้านสินเชื่อและการค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เคยให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงการคลัง จะใช้มาตรการเพื่อทำให้จีดีพี จากเดิมที่ประมาณการว่าจะขยายตัวกว่า 3% โดยให้ดันจะขยายตัวไประดับ 4% ขึ้นไป
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment