หนีออกไปตั้งแต่ช่วงปีใหม่ พร้อมตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้
แต่ยังไม่ยืนยันว่าไปอยู่ต่างประเทศที่ใด หรืออาจจะยังอยู่ในประเทศใต้ปีกอิทธิพลของใคร
ส่วนพระสุธรรม หนีไปอยู่ออสเตรเลียแล้ว เช่นเดียวกับนายองอาจ ธรรมนิทา ไปอยู่เยอรมนี
น่าสนใจว่า ก่อนหน้านี้ แม้จะมีข่าวลือว่าพระธัมมชโยไม่อยู่ในวัดแล้ว แต่ นพ.มโนยังยืนยันตลอดมาว่าจากการข่าวของตนเอง
นั้น ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย กระทั่งหลังเทศกาลปีใหม่ล่าสุด
2.พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. ปฏิเสธกระแสข่าวข้างต้น
ระบุว่า ไม่ทราบข้อมูลนี้ คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.
ดูแลรับผิดชอบ จึงไม่เปิดเผยในรายละเอียด
เช่นเดียวกับกรณีกระแสข่าว นายองอาจ ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่น หลบหนีไปประเทศเยอรมนี
รองโฆษกย้ำว่า ตำรวจมีขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ต้องหามีหมายจับคดีฟอกเงินและรับของโจร สหกรณ์เครดิต
ยูเนี่ยนคลองจั่น และคดีบุกรุกที่ดินสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเลย และนครราชสีมา
3.ขณะนี้ ทางวัดพระธรรมกายยังไม่เคยมีการไขปริศนา เปิดเผยข้อแท้จริงที่ชัดเจนว่า พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือไม่?
ไม่เคยเปิดเผยภาพ วีดีโอ หรือหลักฐานอื่นใดเพื่อยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับกรณีนี้
คงมีแต่การให้บริวารยกกำลังพลมาทำกิจกรรม อันมีผลเป็นการกีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กระทั่งเกิดคดีอีก
ร้อยกว่าคดี ซึ่งถ้าธัมมชโยไม่อยู่ในวัดแล้ว ก็เท่ากับว่า มีคนสวมรอย หลอกล่อบริวารลิ่วล้อให้มาเหน็ดเหนื่อย ต้องคดี เพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัวของพระบางรูป มิใช่ปกป้องธัมมชโย
4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามนักข่าวโดยยืนยันว่า จะต้องดำเนินคดีต่อไป เพราะเป็นคดีไปแล้ว
“วันนี้เขาก็ออกมานอกวัดไม่ได้ ออกมาก็โดนจับ อยู่ในวัดเราก็หาเวลาที่เหมาะสมเข้าไปจับ ก็เท่านั้น จะไปยากอะไรตรงไหน ขอร้องบรรดาพุทธศาสนิกชนกรุณาดูด้วยว่าอะไรถูกอะไรผิด (ท่านที่จะไปขัดขวางเจ้าหน้าที่) วันนี้ยังไม่ผิด วันข้างหน้า
ถ้าไปเรื่อยๆ ก็ผิดกันทั้งหมด คนที่อยู่ข้างใน ผมถามว่าจะดำเนินพร้อมกันหมดได้หรือไม่ทั้ง 4,000- 5,000 คน ขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้าง สังคมต้องเข้าใจตรงนี้... คำสอนที่ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้ามีตั้งหลายอย่าง ไม่เห็นประเทศไหนเขาทำแบบนี้ พุทธศาสนาของแต่ละประเทศมีที่ไหน ความเชื่อไปอยู่กับเศรษฐกิจ อยู่กับความร่ำรวยมีที่ไหน วัดไหนเขาสอนแบบนี้บ้าง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” นายกฯ กล่าว
หลังจากนี้ ตำรวจและดีเอสไอ คงต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะสังคมคลางแคลงใจว่า ผู้ต้องหามีหมายจับหลายใบ หลายคดี มีหมายค้นของศาลอาญาด้วยซ้ำ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าตรวจค้นในวัดพระธรรมกาย
ตกลงว่า พระธัมมชโยยังหลบอยู่ในวัด ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขอตายในวัด ไม่หนีไปไหน จริงหรือไม่? หรือไม่อยู่แล้ว? หนีไปพร้อมกับสิ่งของ หรือทรัพย์สินของพระพุทธศาสนารายการใดบ้าง?
คงจะมีการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในเร็วๆ นี้ มิฉะนั้น จะกลายเป็นว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือผู้ต้องหาไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลยุติธรรม ซึ่งถ้าไม่จัดการให้ชัดเจนว่าในวัดยังมีธัมมชโยอยู่หรือไม่? ถ้าหนีไปแล้วใครพาหนี? ใครช่วยให้หนี? หลังจากนี้ จะมีผู้ต้องหารายใหญ่ๆ เอาแบบอย่างแน่นอน โดยใช้ “ธัมมชโยโมเดล”
5.ควรต้องจัดการในทางคดี ทางกฎหมายเกี่ยวกับตัวพระธัมมชโยเด็ดขาด สิ้นกระแสความ
ในขณะเดียวกัน แม้นตัวพระธัมมชโยจะไม่อยู่ในวัดพระธรรมกายแล้วก็ตาม ก็ยังต้องจัดการชันสูตร หรือสะสางเงื่อนปมเกี่ยวกับมหาอาณาจักรธรรมกาย อันเป็นกรณีปัญหาร้ายแรงที่สุดในวงการสงฆ์รอบหลายสิบปีที่ผ่านมา มิฉะนั้น หากปล่อยไว้โดยชะล่าใจ ซุกๆ ปัญหาไว้ อาจจะเกิดอาการแผลติดเชื้อเรื้อรัง เกิดความเสียหายอีกครั้งในอนาคต ยามที่นักการเมืองหวังใช้ฐานอิทธิพลอำนาจเพื่อครองเมืองหลังจากนี้
ข้อที่ควรจัดการเด็ดขาด ถูกต้อง เปิดเผยให้สังคมเข้าใจข้อเท็จจริงแบบกระจ่างชัด เช่น
5.1 ตรวจสอบมหาอาณาจักรธรรมกาย มีทรัพย์สินมหาศาลแค่ไหน เพียงใด รายการใดบ้าง
ที่ผ่านมา มีการใช้กลวิธีบริหารจัดการ ถือครองทรัพย์สินในชื่อของบุคคลอื่นมากมาย มิใช่เป็นของวัด หรือเป็นธรณีสงฆ์ รับบริจาคแล้วผ่องถ่ายออกไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทางวัดพระธรรมกาย ไม่เคยเปิดเผยแจ้งชัด ทรัพย์สินมีอะไรบ้าง อยู่ในชื่อใคร? เงินสด ทองคำ หุ้น ที่ดิน
หุ้นอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในชื่อมูลนิธิ ในชื่อตัวบุคคล? มีการโอนย้ายถ่ายเทกันไปที่ไหน อย่างไร?
ลองคิดง่ายๆ วัดพระธรรมกายคล้ายเปลือกหอย ห่อหุ้มระบบจัดการเงินไว้ข้างใน
เงินได้มาด้วยวิธีการต่างๆ ไหลเข้าสู่ธรรมกาย ส่วนใหญ่ผ่องถ่ายต่อไปยังมูลนิธิต่างๆ ก่อนจัดสรรเงินผ่านโครงการก่อสร้าง และกิจกรรมอื่นๆ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 คณะพนักงานสอบสวน เคยเปิดเผยว่า เงินบริจาคให้กับวัดพระธรรมกายมี 3 ประเภท คือ 1.เงินบริจาคทำบุญจริงๆ ด้วยความศรัทธา 2.เงินที่ได้จากการฟอกเงิน เช่น เงินที่ได้รับจากสหกรณ์คลองจั่นฯ เป็นต้น และ 3.เงินที่บริจาคจากกลุ่มทุน ซึ่งอาจมีพฤติการณ์เข้าข่ายหลบเลี่ยงภาษี
5.2 มูลนิธิหลักๆ ในเครือข่ายมหาอาณาจักรธรรมกาย เช่น
มูลนิธิธรรมกาย ดูแลทรัพย์สินสำคัญหลายรายการ
ที่เป็นข่าวล่าสุด คือ “เวิลด์พีซ มุกตะวัน” เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา พบพฤติกรรมบุกรุกป่า ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการขายแพ็กเกจคิดค่าบริการ ทำเป็นธุรกิจ ถูกดำเนินคดี
ประธานของมูลนิธิธรรมกาย คือ พระธัมมชโย หรือไชยบูลย์ สุทธิผล
มูลนิธิตะวันธรรม เกี่ยวข้องกับโครงการเวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ ที่เป็นอาคารโอ่อ่า หลายอาคาร ดูไม่ต่างจากรีสอร์ทตากอากาศไฮโซ เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ปรากฏชื่อมูลนิธิตะวันธรรมเป็นเจ้าของที่ดิน โดยมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นผู้เข้าดำเนินการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่
ประธานของมูลนิธิตะวันธรรม ได้แก่ พระธัมมชโย หรือไชยบูลย์ สุทธิผล
มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นมูลนิธิที่มีบทบาทมากที่สุดในช่วงหลัง ดูแลเงินและผลประโยชน์มหาศาล
เสมือนหนึ่งเป็นคู่แฝดของวัดพระธรรมกาย
ประธานมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ คือ นางวรรณา จิรกิติ
แต่มูลนิธิได้ออกแบบการบริหารจัดการเป็นการเฉพาะ โดยได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษางานก่อสร้าง ควบคุมดูแลจัดการงานก่อสร้างทั้งปวง มีนายอนันต์ อัศวโภคิน เป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส โดยโครงการก่อสร้างที่จัดการโดยมูลนิธินี้ มูลค่ารวมกว่า 13,000 ล้านบาท
บางโครงการ มีการจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้กลุ่มทุนผู้รับเหมาล่วงหน้า ทั้งก้อน เต็มจำนวน
อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ 5,163 ล้านบาท,โครงการ World Peace Valley เขาใหญ่ 163 ล้านบาท, โครงการ World Peace Valley 3 เขาใหญ่ 1,059 ล้านบาท, สถานอบรมครูวี สตาร์ เขาใหญ่ 626 ล้านบาท, อาคารจอดรถวัดพระธรรมกาย 2,634 ล้านบาท, อนุสรณ์สถานมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี 536 ล้านบาท, อาคารโภชนาการ 2 539 ล้านบาท, อาคารพุทธศิลป์ Animation 282 ล้านบาท, อาคารคุณยายหนึ่งไม่มีสอง 1,581 ล้านบาท, อาคารพระผู้ปราบมาร 293 ล้านบาท ฯลฯ ทั้งหมดดูแลจัดการงานก่อสร้างรับเหมาโดยมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ
น่าสังเกตว่า การจัดการผลประโยชน์ มีกลุ่มทุนรับเหมาเข้ามารับงาน รับผลประโยชน์ มีลักษณะถือหุ้นไขว้
นอกจากนี้ กรณีคดีฟอกเงินที่พบหลักฐานสั่งจ่ายเช็คเอาเงินสหกรณ์ โดยผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่นที่เป็นอดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย ซึ่งพระธัมมชโยแต่งตั้งเองนั้น ก็มีเงินไหลไปที่มูลนิธิฯ ด้วย
ดังปรากฏว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2559 ปปง.อายัดบัญชีเงินฝากของมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง 2 บัญชี และบัญชีเงินฝากของวัดพระธรรมกาย 2 บัญชี
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมระบุว่า กรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร นำเช็คสหกรณ์ฯคลองจั่นไปให้บุคคลอื่น มีพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยระหว่างปี 2552-2555 นายศุภชัยกับพวก ได้เขียนเช็คสหกรณ์ฯคลองจั่น 27 ฉบับ จำนวนเงิน 1,458 ล้านบาท สั่งจ่ายให้แก่ พระธัมมชโย 538 ล้านบาท, มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง 125 ล้านบาท, วัดพระธรรมกาย 778 ล้านบาท และนางสาวศศิธร โชคประสิทธิ์ 17 ล้านบาท เจตนาทุจริต มีลักษณะของการโอน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหลายรูปแบบ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มา หรือปกปิดอำพรางการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิด\
ทั้งหมดเป็นพฤติการณ์ที่ส่อแสดงลักษณะและพฤติการณ์เรื่องเงินๆ ทองๆ ของมหาอาณาจักรธรรมกาย
มีการจัดการที่อาจเข้าข่ายองค์กรซ่อนเงื่อน
สรรพากรน่าจะเร่งตรวจสอบมูลนิธิในเครือข่ายธรรมกายด้วย
5.3 สังคายนาแนวทางคำสอนธัมมชโย-ธรรมกาย
เรื่องนี้ ไม่ใช่งานของตำรวจ แต่เป็นงานของพุทธบริษัท 4
ล่าสุด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
เชื่อว่า จะมีการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพระสังฆราช ประมุขแห่งสงฆ์ ในเวลาไม่นานหลังจากนี้
และเชื่อมั่นว่า พระสังฆราชพระองค์ใหม่ จะเป็นพระเถระที่ไร้มลทิน ไม่เป็นพระจำพวกที่รับเงินรับทองจากธัมมชโย ช่วยกิจกรรมของธรรมกาย ดังที่เคยถวายทองคำ เงินบริจาคแก่พระหลายรูปในมหาเถร เกิดการอุปถัมภ์อุ้มชูกันมา ไม่ไยดีกับพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่ระบุชัดว่าธัมมชโยปาราชิกแล้ว
หลังจากนี้ กิจการในคณะสงฆ์น่าจะเดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ พิทักษ์ไว้ซึ่งพระธรรมวินัย ค้ำจุนพระพุทธศาสนา อุ้มชูพระและวัดที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และกำจัดอลัชชีที่เข้ามาหากินใต้จีวรพระพุทธศาสนา
ขณะเดียวกัน ก็ควรจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเสียในยุคนี้ว่า แนวทางของพระธัมมชโยอันไหนสอดคล้องกับพระพุทธศาสนา? อันไหนบิดเบือน? อันไหนวิปริต? อันไหนผิด อันไหนชอบ?
ส่วนที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะยังทำต่อ ก็ไม่ควรแอบอ้างพระพุทธศาสนาต่อไป จะเกิดเป็นลัทธิ หรือสำนักอะไรก็ควรทำให้
ชัดเจน เป็นเอกเทศไปตามรสนิยมความเชื่อ อยู่ในกรอบของกฎหมาย และคดีความอาญาที่มีอยู่เดิมก็เดินต่อไป ส่วนทรัพย์สินของมหาอาณาจักรธรรมกายอันได้มาจากการใช้พระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือนั้น ก็ควรตกเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา
ส่วนรวมทั้งหมด
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment