โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าจับกุมตัว นายอุทิศ ก่อแก้ว หรือ จ่ายักษ์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาคนที่ 10 ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ก่อนควบคุมตัวไว้ที่ สน.โคกคราม โดยเบื้องต้น นายอุทิศสารภาพว่า เป็นสารวัตรทหารนอกราชการ ทำหน้าที่เป็นคนจัดหา และประสานหาคนมาร่วมแก๊งอุ้มรีดดังกล่าว โดยได้รับการจ้างวานจาก พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ โดยประสานผ่านมาทาง นายโอภาส ศรียา ให้ไปเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีนพาไปพบกับ พล.ต.จรูญ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านดอนเมืองเท่านั้น และไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด หลังจากเสร็จงานก็จะได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 30,000 บาท ซึ่งจะนำไปแบ่งให้กับ นายฐิติกร ชื่นอุรา หรือ จ่าต้อย จำนวน 15,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเพิ่งเคยก่อเหตุดังกล่าวเป็นครั้งแรก
รายงานข่าวแจ้งว่า นายอุทิศ ในอดีตเคยเป็นทหารยศ ส.อ. สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งนายอุทิศเป็นลูกน้องเก่าของพล.ต.จรูญ จึงได้ติดตามมาทำงานกับทางพล.ต.จรูญ ให้มาทำหน้าที่คุ้มกัน และจัดหาทีมคุ้มกัน โดยนายอุทิศ ได้ติดต่อกับนายฐิติกร และให้นายฐิติกร เป็นคนจัดหาลูกน้องอีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายอุทิศ ทราบว่า ภายหลังจากการเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีน ครั้งแรกได้เงินมาจำนวน 1,000,000 บาท แต่ยังไม่ได้ส่งให้พล.ต.จรูญ ต่อมาในวันที่ 17 สิงหาคม นักธุรกิจชาวจีนได้โอนเงินเข้ามาในบัญชีอีก 1,000,000 บาท โดย นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ซึ่งทำหน้าที่ล่ามได้หักเงินไป จำนวน 400,000 บาท จึงเหลือส่งมอบให้พล.ต.จรูญเพียง 1,600,000 บาท
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ออกหมายจับทั้ง 10 ราย ได้ครบถ้วนแล้ว และยังเตรียมขอให้ออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 ราย คือผู้ชายหมวกเขียว 1 ราย ทราบชื่อแล้ว และอีก 1 ราย ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ซึ่งอยากจะฝากไปถึงผู้ที่ยังหลบหนีอยู่ว่า ให้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว
เสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมถล่มปัตตานี-ยะลา
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม ได้เกิดเหตุคนร้ายแต่งชุดดำ 7 คน พร้อมอาวุธปืนสั้นและยาว ใช้รถยนต์ยี่ห้อมาสด้า BT50 ผ้าเต็นท์คุมสีดำคล้ายรถรับส่งนักเรียน เข้าทำการปล้นรถยนต์จากเต็นท์รถ วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา ก่อนจับกุมตัวเจ้าของเต็นท์รถและลูกจ้างรวม 4 คน หนีไปด้วย พร้อมรถยนต์ 5 คัน ประกอบด้วย รถกระบะมิตซูบีชิ Triton ทะเบียนย บฉ 7182 ยะลา รถกระบะอีซูซุ แคป สีบรอนทอง ทะเบียน บห 5714 สงขลา รถกระบะอีซูซุ แคป สีดำ ทะเบียน บธ 4063 พัทลุง รถกระบะอีซูซุ ดีแม็คซ์ สีเทา ทะเบียน ถศ 3050 กทม. และรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กอ 4995 สงขลา
จากนั้นทั้งนี้กลุ่มคนร้ายได้หลบหนีเข้ามาในพื้นที่ สภ.ห้วยปลิง จ.สงขลา ก่อนที่ 2 ใน 4 ตัวประกัน คือ ธานีศักดิ์ ยี่จีน เจ้าของเต็นท์ และ นายจิรศักดิ์ รัตนพันธ์ จะตัดสินใจกระโดดรถหลบหนีไประหว่างทาง ส่วนตัวประกันอีก 2 คน คือ นายสหรัฐ แหละนิ อายุ 22 ปี ถูกคนร้ายจ่อยิงทิ้งที่บริเวหน้าผาก อาการสาหัสก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา และ นายประธานพร นวลละมุน
ถูกยิงที่ไหปลาร้า อาการสาหัสเช่นกัน
ต่อมา พ.ต.อ.ปัญญวัฒน์ เพชรชุม ผกก.สภ.ห้วยปลิง ซึ่งได้รับแจ้งเหตุ จึงนำกำลังเข้าตรวจพื้นที่ จึงให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมวิทยุสกัดจับคนร้ายซึ่งขับรถหนีในเส้นทางลำไพล-โคกโพธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบีชิ Triton สีดำ หมายเลขทะเบียน บฉ 7182 ยะลา จอดทิ้งไว้ที่ทางหลวงหมายเลข 42 หมู่ 3 ต.วังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา เนื่องจากน้ำมันหมด จึงทำการตรวจยึดไว้
ขณะเดียวกัน ยังตรวจสอบพบในเวลาต่อมาว่า คนร้ายได้นำรถกระบะ 2 คัน ประกอบระเบิดและขับไปยังพื้นที่ จ.ปัตตานี ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตามมาสกัดจับได้ 1 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ภายในรถมีการประกอบระเบิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า รถอีก 1 คัน ได้เกิดระเบิดระหว่างทางบริเวณบนสะพานยาบี ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน กอ 4995 สงขลา
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ แฉลมศรี ผบก.ภจ.ปัตตานี ซึ่งได้รับการประสานจาก สภ.เทพา ว่า กลุ่มคนร้ายพร้อมตัวประกัน ใช้เส้นทางมุ่งหน้าหลบหนีมาทาง อ.โคกโพธิ์ และ อ.หนองจิก จึงได้นำกำลังออกสนับสนุนและติดตาม รวมทั้งแจ้งให้มีการตั้งด่านสกัด กระทั่งเวลา 14.00 น. พบรถยนต์กระบะ 1 ใน 5 ที่ถูกปล้นขับแหกด่านรอยต่อ อ.หนองจิก-อ.โคกโพธิ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ติดตามอย่างใกล้ชิด คนร้ายซึ่งขณะหลบหนีได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการไล่ยิงกัน กระทั่งมาถึงบนถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ ม.2 บ้านปรัง ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก คนร้ายได้ขับสวนเลนเพื่อจะหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้าน อีกทั้งเส้นทางข้างหน้ามีด่านตรวจเกาะหม้อแกง เจ้าหน้าที่จึงยังคงไล่ติดตามพร้อมกับให้อาวุธปืนยิงอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดไม่ให้หลบหนี จนกระทั่งรถคนร้ายเสียหลักตกข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวเป็น 1 ใน 5 ที่ถูกปล้นไปยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ค สี่ประตู สีดำ ทะเบียน บธ 4063 พัทลุง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพบว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย
นอกจากนี้ ยังพบถังแก๊สขนาด 15 กก.ซุกอยู่ในรถด้วย คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายน่าจะนำไปก่อเหตุในพื้นที่ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ชุดกู้เระเบิดได้ทำการเก็บกู้พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครืองที่ประกอบแล้วน้ำหนักประมาณ 80 กก. แต่มาประสบเหตุกับเจ้าหน้าที่จนทำให้ถูกไล่ล่าและเกิดการยิงปะทะกันขึ้นในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือรถอีก 2 คัน ที่หนีรอดไปได้ โดยคาดว่าคนร้ายได้ ประกอบระเบิดพร้อมใช้งาน เข้ามาในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 1 คัน และ อีก 1 คัน เบื้องต้นพบว่าคนร้ายได้ขับรถอ้อมเข้า อ.เมือง จ.ยะลาโดยใช้เส้นทางลัดผ่านเขื่อนเข้ายุโป จึงได้สั่งการให้ระดมกำลังปิดเมืองไล่ล่ารถคาร์บอมบ์ทั้ง 2 คันโดยด่วน เพื่อป้องกันการก่อเหตุที่ จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา
ดินโคลนถล่ม “นครพนม” อ่วมสุดในรอบ 50 ปี นาข้าวยับ 2 แสนไร่ ส่วนภาคใต้ ตรัง-สตูล ฝนยังตก มีน้ำท่วมหนักหลายแห่ง
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมเริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จากการติดตามสถานการณ์สภาวะอากาศและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่าในช่วงวันที่ 17-19 ส.ค.บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้
โดยแยกเป็นช่วงวันที่ 17-18 สิงหาคม จะมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม วันที่ 19 สิงหาคม มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจส่งผลให้บริเวณพื้นที่ที่มีน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังอยู่เดิมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ ยโสธร สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จึงขอให้ทั้ง 10 จังหวัด เตรียมเฝ้าระวังและรับมือ
วันเดียวกัน จ.นครพนม ได้สำรวจความเสียหายหลังสถานการณ์น้ำท่วมลดลงพบว่ามีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งหมด 11 อำเภอ คือ อ.นาแก อ.วังยาง อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม อ.เรณูนคร อ.โพนสวรรค์ อ.ท่าอุเทน อ.ธาตุพนม อ.นาทม อ.ปลาปาก และ อ.เมืองนครพนมรวมมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 82 ตำบล 677หมู่บ้าน 22,555 ครัวเรือน พื้นที่นาข้าวเสียหายเกือบ 2 แสนไร่ พื้นที่ อ.นาแก ได้รับความเสียหายมากที่สุด มีพื้นที่นาข้าวเสียหายกว่า 75,000 ไร่ รองลงมาคือ อ.ศรีสงคราม นาข้าวได้รับความเสียหายกว่า 25,000 ไร่ ซึ่งปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ได้รับผลกระทบหนักสุดในรอบ 50 ปี มีน้ำท่วมขังนานเกือบ 1 เดือน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านและเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวนาปีที่เริ่มปักดำได้ 2 เดือนต้นข้าวเน่าเสียหาย
ส่วนที่ จ.ตรัง ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในทะเลตรังมีคลื่นไหลซัดเข้าบริเวณชายหาด ล่าสุด เรือชาวประมงพื้นบ้านหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ที่ออกวิ่งเรือหาปลา ถูกคลื่นซัดสูงกว่า 2 เมตร ซัดจมหายไปกับคลื่น เป็นเรือจับปลาทูของนายบุญฉง อ่องไหว อายุ 56 ปี ชาวประมงพื้นที่บ้านพร้อมลูกชายและลูกเรือคนรวมทั้งหมด 5 คน ถูกคลื่นซัดเรือประมงที่มีปลาเต็มลำเรือพลิกคว่ำ ระหว่างเดินทางกลับจากไปวางอวนจับปลาทู บริเวณเกาะเหลาเหลียง ขณะเรือเข้าใกล้ถึงบ้านหาดยาวห่าง
1 กิโลเมตร ถูกคลื่นสูงซัดเรือจนเรือพลิกคว่ำทั้งนายบุญฉงกับลูกเรือหนีตายเกาะกราบเรืออยู่ 1 คน อีก 4 คนหนีขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังเรือที่จมลอยกลางทะเลชาวบ้านมองเห็นเหตุการณ์รีบนำเรือฝ่าคลื่นออกไปช่วยเหลือจนทุกคนปลอดภัย
นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ภาวะน้ำท่วมหนักของหมู่ที่ 2 ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน มีหมู่บ้านจำนวน 147 หลัง ถูกน้ำท่วม 131 หลังคาเรือน และติดเกาะกลาง ซึ่งมีน้ำล้อมรอบกว่า 30 หลังคาเรือน เรียกว่ายกหมู่บ้านเลยทีเดียว เป็นภาวะน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 7 ปีนับตั้งแต่ปี 2553 มีเพียงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายอำเภอ ที่เข้ามาดูแลชาวบ้าน พร้อมนำเรือรับส่ง
ด้าน นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เรือประมง เรือท่องเที่ยว เรือสำรวจ ต้องมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในเรือด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ เช่น เจ้าท่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องต้อง แจ้งเตือนให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นโดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านอย่านำเรือเล็กออกทะเลหาปลาในช่วงนี้เนื่องจากทะเลยังมีกระแสลมแรง คลื่นสูง อาจเกิดอันตรายได้ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้เฝ้าระวังพื้นที่ไปจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment