พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)เสนอให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น( อปท. )โดยอ้างพบใช้งบส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการนำประชาชนมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษา คดีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ว่าได้มีการตรวจสอบดูแล้วและได้มีการกำชับในเรื่องการใช้งบให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับทุกประการ.
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง”คิดอย่างไรกับการจะยกเลิกระบบผู้สมัครเลือกตั้งแบบพรรคเดียวเบอร์เดียว”จากประชาชนจำนวน1,119คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-11 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เสนอการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งให้ผู้สมัครในเขตจับสลากเบอร์ ในแต่ละเขตและจะไม่ใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศเหมือนในอดีต ทำให้บรรดานักการเมืองโดยเฉพาะ2พรรคใหญ่ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
โดยเมื่อถามว่า ประชาชนคิดอย่างไรกับกรณีที่กรธ.จะยกเลิกระบบผู้สมัครเลือกตั้งแบบพรรคเดียวเบอร์เดียว พบว่าอันดับ1ร้อยละ 60.86 เห็นว่าควรรับฟังความเห็นทั้งประชาชนและนักการเมือง อันดับ2ร้อยละ 58.27 เห็นว่าไม่ว่าจะเลือกตั้งแบบไหนก็มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกัน อันดับ 3 ร้อยละ50.04เห็นว่าอยู่ในขั้นตอนการเสนอร่างฯอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ อันดับ 4 ร้อยละ48.88 เห็นว่ายังไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน ไม่แน่ใจว่าจะเป็นรูปแบบใดและอันดับ5ร้อยละ43.14 เห็นว่า เป็นแนวทางใหม่ๆ อาจทำให้การเลือกตั้งดีขึ้น
เมื่อถามถึง“ข้อดี-ข้อเสีย”ของการใช้เบอร์เดียวกันของพรรคเดียวกันทั้งประเทศ สำหรับข้อดีพบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 74.80 ระบุ จดจำง่าย เข้าใจง่าย อันดับ 2 ร้อยละ 64.97ระบุเป็นวิธีที่ใช้มานานและประชาชนคุ้นเคย และอันดับ 3 ร้อยละ 63.99 เห็นว่า พรรคการเมืองหาเสียงง่าย ส่วนข้อเสีย อันดับ 1 ร้อยละ 73.28 ระบุว่า เกิดการทุจริต ซื้อเสียงได้ง่าย อันดับ 2 ร้อยละ 68.54 เห็นว่า คนเลือกพรรคมากกว่าตัวบุคคล และอันดับ 3 ร้อยละ 54.60 เห็นว่า คนจำแต่ตัวเลข ไม่สนใจนโยบาย
เมื่อถามว่า การยกเลิกระบบผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบพรรคเดียวเบอร์เดียว(แบบเดิม) จะช่วยให้การเลือกตั้งดีขึ้น หรือแย่ลง อันดับ 1 ร้อยละ 45.93 ระบุ เหมือนเดิม เพราะ ไม่ว่าแบบใดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตได้ ถูกผูกขาดด้วย 2 พรรคใหญ่ ได้นักการเมืองหน้าเดิม พรรคเดิม ฯลฯ อันดับ 2 ร้อยละ 32.80 ระบุ แย่ลง เพราะ ประชาชนสับสน สร้างความวุ่นวายให้กับการเลือกตั้ง เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ฯลฯ อันดับ 3ร้อยละ 21.27 ระบุ ดีขึ้น เพราะ ช่วยป้องกันการซื้อเสียง ประชาชนใส่ใจในการเลือกตัวผู้สมัครมากขึ้น เป็นทางเลือกใหม่ ฯลฯ
ต่อข้อถาม ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการจะยกเลิกระบบผู้สมัครเลือกตั้งแบบพรรคเดียวเบอร์เดียว อันดับ1 ร้อยละ 41.91 ไม่เห็นด้วย เพราะ ยุ่งยาก เกิดความสับสน สร้างภาระให้ประชาชน ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ ฯลฯ อันดับ 2 ร้อยละ 33.51 ไม่แน่ใจ เพราะ ยังไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ยังไม่รู้ข้อมูลข้อเท็จจริง เป็นเพียงกระแสข่าว รอการเลือกตั้ง ฯลฯ และ อันดับ 3 ร้อยละ 24.58 เห็นด้วย เพราะ ช่วยป้อง กันการทุ่มซื้อเสียงได้ ทำให้ประชาชนต้องพิจารณาผู้สมัครให้มากขึ้น เลือกคนดีอย่างแท้จริง ฯลฯ
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ออกมาระบุถึงแนวคิดให้ผู้สมัครจับเบอร์รายเขตว่าเป็นเรื่องยุ่งยากและอาจเกิดการปลอมแปลงบัตรขึ้นได้ว่าขณะนี้ได้มีเสียงสะท้อนทั้งจากนักการเมือง นักวิชาการ ภาคประชาชนรวมทั้งผู้ปฏิบัติคือ กกต.ดังนั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ก็ควรจะทบทวนด้วย เพราะยังมีเวลา การเขียนอะไรที่พิสดารมากโดยไม่ยึดหลักเหตุผลรวมทั้งไม่คำนึงถึงผู้ปฏิบัติงานก็จะสร้างปัญหา
นายสามารถ กล่าวอีกว่าโดยเฉพาะผู้สมัคร ที่จะเป็นตัวแทนลงเลือกตั้งย่อมผ่านการคัดกรองจากระบบไพรมารีโหวตมาแล้ว ดังนั้น เมื่อจะลงสมัครรับเลือกตั้งก็ควรจะหมายเลขเดียวกันทั่วประเทศซึ่งเป็นเบอร์ของพรรค ทุกพรรคก็จะได้ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งง่ายขึ้นขณะที่กกต.ก็จะทำงานง่ายขึ้นด้วยโดยเฉพาะเวลาที่ต้องจัดพิมพ์เอกสารทั้งชื่อ ประวัติ และหมายเลขผู้สมัครจัดส่งไปทุกครัวเรือน หากใช้กันคนละหมายเลขเชื่อว่าประชาชนสับสนอย่างแน่นอนกกต.ก็จะทำงานผิดพลาดได้ขณะที่คนเขียนกฎหมายกลับ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
“การที่บอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาการซื้อเสียงนั้น ผมมองว่า กรธ.อย่าห่วงเรื่องนี้นัก เพราะถ้าคนจะซื้อเสียง ใช้เบอร์อะไรก็ซื้อได้ทั้งนั้น ดังนั้นตราบใดที่กรธ.ยังไม่เสนอเรื่องไปให้ สนช.พิจารณาก็ยังมีเวลาที่จะทบทวนทุกภาคส่วนทักกันขนาดนี้แล้ว นายมีชัยจะไม่รับฟังเสียงท้วงเลยหรือ แต่ถ้ากรธ.ยังดื้อ ก็คงต้องฝากไปถึง สนช.ให้พิจารณาเรื่องนี้แทน” นายสามารถ ย้ำ
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment