เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊ก “Chuchart Srisaeng” กรณีสื่อบางสำนัก ปล่อยข่าว โดยอ้างว่า คดีรับจำนำข้าวที่นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงทางการเมือง จะมีคำพิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีความผิดให้ยกฟ้องโจทก์ นั้น โดยนายชูชาติ ระบุว่า ในฐานะที่ตนเคยทำหน้าที่เป็นองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นั้น องค์คณะผู้พิพากษาแต่ละท่านต่างก็พิจารณาวินิจฉัยว่า จะมีคำพิพากษาอย่างไร และทำคำวินิจฉัยของตนเอง โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับองค์คณะท่านอื่นๆ และวันนัดฟังคำพิพากษา องค์คณะผู้พิพากษาจะมีการประชุมกันในตอนเช้า และลงมติ ก่อนที่จะขึ้นบังลังก์อ่านคำพิพากษา ฉะนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่คำพิพากษาออกมาแล้วว่า ศาล ยกฟ้องโจทก์ ตามที่สื่อได้อ้างแหล่งข่าวที่ไม่มีตัวตน
ขณะนี้มีการปล่อยข่าวในลักษณะอ้างแหล่งข่าวที่ไม่สามารถตรวจสอบตัวตนได้ว่าเป็นใคร แม้แต่สื่อมวลชนรายใหญ่ที่มีทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ก็เสนอข่าวด้วยข่าวดังกล่าวอ้างว่า คดีรับจำนำข้าวที่นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงทางการเมือง จะมีคำพิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีความผิดให้ยกฟ้องโจทก์
ในฐานะเคยทำหน้าที่เป็นองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีแรกของศาลมาก่อน จึงรู้กระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนี้ดีคือ เมื่อสืบพยานโจทก์ จำเลย เสร็จและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาแต่ละท่านต่างก็พิจารณาวินิจฉัยว่าจะมีคำพิพากษาอย่างไรและทำคำวินิจฉัยของตนเอง โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับองค์คณะท่านอื่นๆ
แจงขั้นตอนการทำงานขององค์คณะ
ในวันนัดฟังคำพิพากษาองค์คณะผู้พิพากษาจะมีการประชุมกันในตอนเช้าก่อนเวลานัดฟังคำพิพากษาและลงมติกันว่า จะมีคำพิพากษาว่าอย่างไร จำเลยมีความผิดหรือไม่ ลงโทษหรือยกฟ้อง ถ้าลงโทษเป็นโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษจำคุกกี่ปี โทษปรับเท่าใด โทษจำคุกจะรอการลงโทษหรือไม่ การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก เมื่อลงมติกันอย่างไรก็จะพิมพ์คำพิพากษาแล้วจึงอ่านให้คู่ความฟัง
ณ วันนี้ แม้แต่องค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้แต่ละท่านก็ทราบเฉพาะตัวท่านเองเท่านั้นว่าจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าท่านอื่นอีก 8 ท่านจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร แต่ละท่านจึงยังไม่ทราบว่า องค์คณะผู้พิพากษาอีก 8 ท่านแต่ละท่านจะมีมติว่าอย่างไรและมติเสียงข้างมากจะมีว่าอย่างไร
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งทราบว่า ศาลฯจะมีคำพิพากษาอย่างไร ที่มีการปล่อยข่าวว่าศาลจะพิพากษายกฟ้อง จึงเป็นการกล่าวเท็จอย่างแน่นอน ขอบอกให้สื่อมวลชนทราบว่า คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฯ การนำเนื้อหาของคดีมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าในทางหนึ่งทางใด ศาลจะพิพากษาลงโทษหรือยกฟ้อง อาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32 ได้ และมีโทษตามมาตรา 33 คือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แม่ทัพ3ยันไม่ได้ห้ามใคร
พล.ท. วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่3 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาคที่ 3 ) กล่าวถึงกรณีนายจำรัส ลุมมา ประธานสมาพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน ในฐานะแกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เผยกรณีเซ็นหนังสือยินยอม ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ไม่ให้นำมวลชนไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนศาลตัดสินคดีจำนำข้าว วันที่ 24-25 สิงหาคมนี้ ที่กรุงเทพฯ ว่า ตนขอยันว่ากรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะเท่าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการในลักษณะนั้น และยิ่งเป็นคนเมืองด้วยกันเขาพูดคุยกันด้วยวาจาก็รู้เรื่อง เข้าใจกันมากกว่าทำหนังสือตกลง
ขณะเดียวกันทางการข่าวในพื้นที่กองทัพภาคที่3 พบว่าจะมีแกนนำขนมวลชนไปให้กำลังใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ด้วยเช่นกัน แต่ตนขอร้องว่าถ้าพวกท่านเป็นแกนนำ เป็นแฟนคลับตัวจริง รักใคร่ชอบคอกัน จะเดินทางไปกรุงเทพฯ ตนอยากให้ไปคนเดียว หรือสองคน เราก็ไม่ว่า ไม่ได้ห้ามปรามอะไร แต่ขอร้องอย่าชวนชาวบ้าน เด็กเล็ก คนเฒ่าคนแก่ ไปด้วยเลย จะชวนเขาไปลำบากทำไม
“ผมขอร้องพวกท่านอย่าไปแอบอ้าง หลอกลวงคนเฒ่าคนแก่ คนสูงอายุ ว่าไปโน่นไปนี่ แล้วให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่กรุงเทพ อย่างนี้มันไม่ดี ผมกลัวว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นไปละเมิดอำนาจศาล มันจะยุ่ง เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่ เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตพื้นที่อำนาจศาล จึงไม่อยากให้โดนข้อหารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งถ้าพวกแกนนำอยากไปก็ไปกันเอง จะนั่งเครื่องบินไป นั่งรถไฟ นั่งรถยนต์กันไป ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเอาลูกบ้านไปลำบากด้วยเลย เราไม่ได้ห้าม เพียงแค่ขอความร่วมมือ” พล.ท. วิจักขฐ์ กล่าว
หนุนเซ็นสัญญาไม่ไปเชียร์ปู
วันเดียวกันที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบการใช้งบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่อาจผิดวัตถุประสงค์ โดยนำประชาชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการทำหนังสื่อเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ เพื่อป้องปราม เพราะ สตง.ได้รับข้อมูลว่าจะมีการนำประชาชนทำกิจกรรมในกรุงเทพฯ จึงกังวลว่าจะมีการใช้งบประมาณที่ผิดวัตถุประสงค์ ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังจังหวัดให้แจ้งเตือนกรณีที่อาจจะกระทำความผิด หากพบว่าอปท.ใดมีโครงการจะนำประชาชนเข้ามาในกทม.โดยมีประโยชน์แอบแฝง ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ควรทำ เชื่อว่าแนวทางนี้จะได้ผล ขณะเดียวกัน สตง.จังหวัดก็จับตาดูร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง หากพบพฤติกรรมส่อเจตนาความผิดก็จะเข้าไปแนะนำ แจ้งเตือน และหากตรวจสอบแล้วเป็นการเบิกจ่ายงบที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ก็จะมีความผิดทางอาญา
“ที่เราต้องทำเพราะได้รับแจ้งมีข้อมูลว่าจะมีการจัดคน โดยกล่าวอ้างจะพาไปทำสิ่งดีๆในสังคม แต่ก็มีประโยชน์แอบแฝง ทั้งนี้เราไม่ต้องการให้ปัญหาเกิดขึ้น และสตง.จังหวัดเองก็มีข้อมูลอยู่ ส่วนหน่วยงานใดทำไปแล้วกำลังตรวจสอบอยู่ หากพบว่ากระทำความผิดก็จะดำเนินการ 1.เรียกคืนเงิน 2.ดูรายงานการเดินทาง หากไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงก็จะแจ้งดำเนินคดีว่ารับรองเอกสารเท็จ สิ่งที่ทำนี้เป็นไปเพื่อรักษาประโยชน์แผ่นดินไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับสีใด การจะให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเรื่องส่วนตัวนั้นสามารถทำได้ นอกจากนี้อปท.ยังต้องระวัง เช่นการอ้างว่าจะนำคนมาสนามหลวง แต่ถ้าไปปล่อยแถวรัชดาหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆก็ผิดได้”ผู้ว่าฯสตง. กล่าว
เมื่อถามว่า มูลเหตุที่พบข้อมูลในเฟชบุ๊กนั้นก่อนจะแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ สตง.มีการตรวจสอบแล้วหรือยัง ผู้ว่าฯสตง. กล่าวว่า ข้อมูลทางเฟชบุ๊กนั้นอาจไม่ได้ระบุสถานที่ชัดเจน แต่ทางสตง.จังหวัดตรวจสอบแล้วพบความเคลื่อนไหวมากพอสมควร เราจึงป้องปรามในภาพรวม หากยังไม่ได้ผลก็จะดำเนินการ
นายพิศิษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงให้แกนนำเสื้อแดงลงนามในสัญญาว่าจะไม่มาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 25 ส.ค.ว่า เชื่อว่าเป็นมาตรการที่ดีในการช่วยดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม คิดว่าไม่ใช่การกดดันประชาชน เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
วิษณุแจงขั้นตอนยึดทรัพย์
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายว่า ขณะนี้กระบวนการไม่ได้หยุด เราได้ดำเนินการอย่างที่ทราบมา แต่เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร้องขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์ต่อศาลปกครอง ตอนนี้จึงยังไม่ทำอะไรต่อ อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการยึดทรัพย์ แต่ศาลปกครองอาจจะฟังคำพิพากษาศาลฎีกาฯ เป็นดุลยพินิจของศาลปกครอง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีจำนำข้าวจะมีผลทางใดทางหนึ่งกับการยึดทรัพย์หรือไม่ นายวิษณุ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ในวันที่ 25 ส.ค.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บอกไม่ห่วงอะไร แล้วจะให้ตนห่วงอะไร
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment