
19ก.พ.ผบ.ทอ.เชื่อเรียบร้อย! วันส่งฟ้อง'ยิ่งลักษณ์'จำนำข้าว ป.ป.ช.ยันสอบ'มาร์ค'ประกันราคาข้าว
18ก.พ.2558 พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ในวันที่ 19 ก.พ. ที่อัยการสูงสุดเตรียมส่งฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ไม่น่าจะมีอะไร คิดว่าทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย การดูแลความปลอดภัยกลุ่มต่างๆที่จะออกมาเคลื่อนไหวก็คงไม่มี เพราะทุกฝ่ายคงเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อยและต้องเดินหน้า
“ขอร้องทุกคนว่าให้ทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะหากไม่สามารถเดินหน้าตามโรดแม็พได้ทุกคนก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันเราต้องต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งปัญหาต่างๆก็มีความยากอยู่ ถ้าภายในชาติมีความเข้มแข็ง ก็คิดว่าจะสามารถช่วยประเทศชาติขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน” ผบ.ทอ. กล่าวต่อว่า
นอกจากนี้พล.อ.อ.ตรีทศ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพของน.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือตั๊น อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และพวกในโซเชียลมีเดียที่มีการแต่งกายในลักษณะคล้ายกับชุดทหารร่วมงานสังสรรค์ว่า ถ้ามีอาชีพเป็นทหารก็สามารถแต่งเครื่องแบบได้ แต่ที่ไม่มีสิทธิ์คือผู้ที่ไม่ใช่ทหารนั้นจะไปแต่งเครื่องแบบทหารได้อย่างไร
ป.ป.ช.ยันสอบ'มาร์ค'ประกันราคาข้าว
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อให้ดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า วันเดียวกันนี้ (18 ก.พ.) คณะกรรมการป.ป.ช.ได้ลงนามและส่งหนังสือไปให้กระทรวงการคลังดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวเรียบร้อยแล้ว โดยในหนังสือจะบรรยายค่าความเสียหายซึ่งมาจากการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวครั้งที่ 3 ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท และต่อมาคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มีนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ยังได้สรุปออกมาล่าสุดว่า มีเสียหายประมาณ 6 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากข้าวเสื่อมคุณภาพตามที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ที่มีม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ไปดำเนินการตรวจสอบ โดยหลังจากรับหนังสือแล้วทางกระทรวงการคลังในฐานะผู้รับความเสียและผู้ค้ำประกันจะไปดำเนินการว่าจะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องจำสวนเท่าใดเพื่อไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่งต่อไป ซึ่งในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ไม่ได้กำหนดเอาไว้จะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาเท่าไร แต่คาดว่ากระทรวงการคลังน่าจะดำเนินการโดยเร็ว
“การดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ป.ป.ช.ส่งให้กระทรวงการคลังดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย มีการไต่สวนทุกอย่างเป็นลำดับ ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ไต่สวนจำเพาะเจาะจงเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ทำทั้งสองฝ่าย คดีอื่นๆ อย่างโครงการประกันราคาข้าวในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้ก็กำลังพิจารณากันอยู่” นายปานเทพ กล่าว
สนช.นัดประชุมคดีถอดถอนอดีต38ส.ว.นัดแรก25ก.พ.
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ วิปสนช. กล่าวถึงการพิจารณาถอดถอนอดีต 38 ส.ว.กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ ตามที่ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้สนช.ดำเนินการว่า ในวันที่ 25 ก.พ.จะมีการประชุมสนช.เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนนัดแรก เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดสำนวน รวมทั้งการพิจารณาขออนุญาตยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมของผู้ถูกกล่าวหา เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 38 คน ระบุว่า จะส่งตัวแทนมาแถลงเปิดคดี แต่ล่าสุดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิ ซึ่งสนช.ก็เปิดโอกาสให้ทุกคน
นพ.เจตน์กล่าวว่า ในการประชุมสนช.วันที่ 19 ก.พ. เวลา 09.30-10.00 น. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นำโดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะรายงานความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญให้ที่ประชุมสนช.ทราบว่า มีความคืบหน้าอย่างไร นอกจากนี้คณะกรรมาธิการรวบรวมความคิดเห็นของสมาชิกสนช.ต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะรายงานให้ที่ประชุมสนช.รับทราบเป็นครั้งที่สอง โดยนายกล้านรงค์ จันทิก ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ จะรายงานให้ที่ประชุมสนช.รับทราบ ในสามส่วนคือ
1.ส่วนที่สมาชิกเสนอความเห็น 2.ส่วนที่ได้สังเคราะห์แล้ว 3.เนื้อหาที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ได้พิจารณา ทั้งนี้คณะกรรมาธิการดังกล่าวจะขอเพิ่มภารกิจให้มีหน้าที่ติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย ไม่ใช่แค่การรวบรวมความเห็นเท่านั้น และขอขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 90 วัน โดยเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ควรมีมาตราให้น้อย ไม่เกิน 400 มาตรา โดยเขียนเนื้อหาให้สั้น ส่วนรายละเอียดให้ไปกำหนดในกฎหมายลูกแทน
เข้มเร่งส่วนราชการส่งก.ม.ให้สนช.
นพ.เจตน์ กล่าวถึงผลการประชุมวิปสนช.ว่า กรณีที่การประชุมแม่น้ำห้าสายมีการพูดถึงกรณีที่สนช.ให้ความเห็นชอบกฎหมาย ต่างๆออกมาน้อยเกินไปนั้น จากการหารือในวิปรัฐบาล สนช. และครม. เห็นตรงกันว่า หลังจากนี้การพิจารณากฎหมายที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งไปยังส่วนราชการ ต่างๆเพื่อให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายแต่ละฉบับ ขอให้ส่วนราชการเร่งให้ความเห็นกลับมา โดยหากหน่วยงานต่างๆไม่แจ้งความเห็นกลับมาภายในเวลา 2 สัปดาห์ ให้ถือว่าหน่วยงานนั้นเห็นชอบร่างกฎหมายที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้ว ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวก็จะส่งให้สนช.พิจารณาต่อไป เพื่อให้กฎหมายต่างๆออกมาเร็วขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
นพ.เจตน์ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาแก้ไขร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่... พ.ศ.... ซึ่งกรรมาธิการวิสามัญได้นำไปพิจารณาก่อนรับหลักการ โดย ร่างดังกล่าวมี 19 ประเด็น แยกเป็นสองส่วนคือ 1.การอนุวัติตามอนุสัญญาการต่อต้านการทุจริตของสหประชาติ 10 ประเด็น 2.การพัฒนาปรับปรุงวิธีพิจารณากฎหมายป.ป.ช. ซึ่งวิปสนช.เห็นว่า ให้พิจารณาในส่วนแรกไปก่อน ขณะที่ส่วนที่สองให้รอการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เรียบร้อยก่อน จึงค่อยนำมาพิจารณา จะได้มีเนื้อหาสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นพ.เจตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ ... พ.ศ.... ที่เสนอโดยน.ส.จินตนันท์ ชญาตร์ ศุภมิตร สมาชิกสนช. เป็นผู้เสนอ ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกที่เสนอโดยสมาชิกสนช. แม้ไม่ใช่กฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินที่ผู้เสนอจะต้องให้นายกรัฐมนตรี และครม.ให้ความเห็นชอบก่อน แต่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการต่างๆว่า จะมีความพร้อมในการปฏิบัติ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ดังนั้นจึงให้ส่งร่างดังกล่าวกลับให้ไปครม. เพื่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบความพร้อมของหน่วยงานต่างๆ ภายใน 30 วันซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติ ครม.ต้องเสนอร่างกฎหมายในลักษณะเดียวกันมาประกบเพื่อพิจารณาไปในคราวเดียวกัน
นพ.เจตน์กล่าวว่า ส่วนร่างพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ จำนวน 35 มาตรา คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สนช. ยังไม่เห็นด้วย และเสนอให้มีการแก้ไขบางประเด็น จึงขอให้สนช.ชะลอการพิจารณาไปก่อน
ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์19ก.พ.นี้
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.พ.58 ในเวลา 05.00 น. กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) จะทำการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์เพื่อทำการฝึกภาคสนามเป็นหน่วยกองร้อย ที่พื้นที่ฝึก บ.ดีรัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยจะเคลื่อนย้ายรถสายพานลำเลียง 42 คัน จากที่ตั้งหน่วยทหารในพื้นที่ เกียกกาย และสนามเป้า กทม. ไปยังสถานีรถไฟย่านสินค้าพหลโยธิน – ปลายทางสถานีรถไฟโคกกระเทียม จ.ลพบุรี โดยในวันที่ 8 มีนาคม 58 ในเวลา 19.00 น.จะมีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์กลับที่ตั้งหน่วยทหาร หลังเสร็จสิ้นการฝึกโดยใช้เส้นทางเดิม จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ และขออภัยในความไม่สะดวกทั้งปวงที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ในครั้งนี้ด้วย
ที่ทา,http://www.komchadluek.net/
0 comments:
Post a Comment