Monday, February 16, 2015

Tagged Under:

แนะมารับโทษก่อน ‘บิ๊กตู่’ ปัด เจรจาพตท.ทักษิณ

By: news media On: 5:42 PM
  • Share The Gag

  • อ่างมีคดีติดตัว-คุยด้วยไม่ได้ บิ๊กป้อมชี้ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ ‘นปช.’ฉะดราม่าลับหลังไล่ยำ

    “บิ๊กตู่” ลั่น “ทักษิณ” มีคดีติดตัวคุยด้วยไม่ได้ แต่ถ้าต้องกลับมารับโทษประตูปรองดองก็ไม่ได้ปิดตาย “บิ๊กป้อม” ขวางพบกันตอนนี้ไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ “ปึ้ง” โวย “ทักษิณ” อยู่เงียบๆยังจะไปปลุกให้ตื่น ที่ผ่านมาครอบครัวชินวัตรถูกกระทำมามากพอแล้ว นปช.ไล่ไปถามกลุ่มไม่เอาทักษิณใจกว้างพอหรือเปล่า “วรชัย” ซัดดราม่า-ลับหลังก็รุมสกรัม ปชป. ขู่นายกฯถกนักโทษหนีคดีเสี่ยงอาญา ปรองดองก็ได้แต่ห้ามละเว้นคดีโกง เผา ฆ่า “เอนก” ปัดเปิดทางนิรโทษสุดซอย ประกาศเชียร์คู่จิ้นเปิดโต๊ะเจรจา ผบ.ทบ.ฮึ่ม กลุ่มต้านเตือนไม่ฟังก็ต้องจัดการ “ถาวร” ฟันธง “ปู” บินหนีคดีชัวร์ ม็อบต้านสัมปทานปิโตรฯ 21 บุกทำเนียบฯบี้เปิดสัญญาทุกฉบับ นายกฯถามพลังงานหมดใครรับผิดชอบ

    จากกรณีนายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกมธ.สามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นผู้นำสู่การสร้างความปรองดองด้วยการคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมทั้งคู่ขัดแย้งนั้น

    “บิ๊กตู่” ตรวจโรงอาหารใหม่ทำเนียบฯ

    เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 16 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้เดินลงจากห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ไปตรวจความเรียบร้อยโรงอาหารใต้ตึกบัญชาการ 1 ที่ปิดปรับปรุงมากว่า 3 เดือน โดยปรับปรุงใหม่ทั้งพื้น ผนังเพื่อติดแอร์ทั้งห้อง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำอาหารมาเลี้ยงผู้สื่อข่าว อาทิ ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ข้าวหมกไก่ หอยทอด และไอศกรีม โดย พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในชุดข้าราชการพลเรือนสีกากีแขนยาว ได้นั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับผู้สื่อข่าวด้วย

    ลั่น “ทักษิณ” ติดคดีคุยด้วยไม่ได้

    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สปช.เสนอให้เจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า สปช.มีอำนาจให้ตนไหม และมีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ มีคดีหรือเปล่า ฉะนั้นตนไปพูดคุยได้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าในสถานะนายกฯไม่สามารถพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “พูดเข้าท่า” เรื่องปรองดองปัญหาอยู่ที่ใครอยากปรองดองก็ให้มาคุยกันมาสู่กระบวนการก็แค่นั้น ตนพูดไปหลายครั้งแล้ว

    แนะให้กลับไทยมารับผิดทางคดี

    เมื่อถามว่าหมายความว่า ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเข้าสู่กระบวนการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ใครๆหลายคน ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง ก็กลับมา มันผิดกฎหมายตรงไหนก็กลับมาสู่กลไก เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าผู้ที่เรียกร้องเรื่องปรองดองจะต้องกลับมาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็ให้ถามคนไทยทั้งประเทศว่าจะว่าอย่างไร ถ้าผิดกฎหมายแล้วยกเลิกกันหมดแล้วกฎหมายประเทศไทยจะทำอย่างไร มันผิดหรือไม่ผิดก็ว่าตามหลักฐาน การตัดสินคดีความว่าอย่างไรก็ต้องมีผลย้อนหลังไปหมดเลย ทุกคดีต้องนิรโทษไปหมดเลยหรือ เรายังไม่ไปถึงตรงนั้นต้องตั้งหลักให้ได้ก่อน แก้ปัญหาประเทศชาติวางรากฐานเตรียมเลือกตั้งให้ได้ก่อน แต่นี่ย้อนกลับไปนิรโทษ ถ้าทำได้ก็ไปว่ากันมา แต่ตนจะไปพูดคุยกับคนมีคดีความไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

    ทำถูกกฎหมายก็ไม่ปิดประตูตาย

    เมื่อถามว่า นายกฯจะคุยกับ นปช.กับเพื่อไทยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จะไปคุยเรื่องอะไร ไปคุยกับใคร ที่ตนเข้ามาเพื่อมาหยุดความรุนแรงที่เกิดขึ้นเดินหน้าประเทศที่เดินไม่ได้ คดีความเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมบอกว่าทำอย่างที่ว่าได้ก็ไปทำให้เป็นเรื่องเป็นราวมาให้ตน ให้ตนรู้ว่าทำได้ไม่ผิดกฎหมายในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ทำได้หรือไม่ให้ไปทำเรื่องมา จะมาตกลงซูเอี๋ยกันได้ที่ไหน ทำอะไรต้องมีเหตุผลมีหลักการ และไม่ได้หมายความว่าปิดประตูตายสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ประตูเปิดอยู่ เปิดสำหรับคนที่ทำอะไรถูกต้อง ตนเปิดรับหมด แต่ต้องทำให้ถูกเสียก่อน เมื่อถามว่าการเมืองมันผูกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า สื่อก็อย่าไปเขียนอะไรให้เขา อะไรที่มันผิดก็อย่าไปเขียนต่อให้พวกเราก้าวข้าม ตนข้ามไปนานแล้ว

    วอน นศ.อย่าเป็นเครื่องมือเขา

    เมื่อถามถึงกรณีนักศึกษาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องช่วยบอกน้องๆหลานๆให้เข้าใจ อย่าไปเป็นเครื่องมือเขา คนที่นำมาเคลื่อนไหวเขามุ่งหวังอะไร เขาต้องการให้ไปสู่ความขัดแย้งกับ คสช.แล้วไปเลือกตั้ง ถามว่าแล้วจะเลือกตั้งได้ไหมวันนี้ สมมติว่ามีรัฐธรรมนูญเลือกตั้งได้ไหม ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ได้ ถ้าสถานการณ์เบาลง ใครผิดกฎหมายก็กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อันนี้ก็เลือกตั้งได้ ก็ไม่ทะเลาะกัน ปัญหาประชาธิปไตยแบบไทยๆก็ต้องแก้เพราะมีความขัดแย้งสูง อย่าไปดันกลับเข้าสู่ภาพเก่าๆเลย

    นักข่าวหยอกหวยกิน-นายกฯขำกลิ้ง

    ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่มารอสัมภาษณ์ที่ตึกสันติไมตรีว่า ได้มอบหมายให้นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เป็นผู้แถลงผลขณะที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ตอบกลับว่า ตอนนี้ไม่มีกำลังใจ ไม่ถูกหวย ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี โดยก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าหันกลับมาถามผู้สื่อข่าวว่า “หวยออกเลขอะไร” ผู้สื่อข่าวตอบว่าออก 864 กับ 90 นายกฯจึงตอบกลับมาว่า “เป็นไทยพุทธ อย่าเล่นการพนัน”

    ขึ้นเชียงใหม่แอ่วดอยไม่กังวลอะไร

    ผู้สื่อข่าวถามถึงภารกิจการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่วันที่ 17 ก.พ. กังวลอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ โบกมือแบบไม่กังวล ก่อนเดินเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวไปทันที อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ในวันที่ 17 ก.พ.นายกฯจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1 พร้อมเยี่ยมฐานปฏิบัติงานบ้านนอแล และเยี่ยมชมกิจกรรมสถานีวิจัยเกษตรหลวงอ่างขาง แปลงสตรอเบอรี่ของเกษตรกร แปลงวิจัยไม้ผลเขตหนาว จากนั้นเดินทางไป จ.น่าน เพื่อเฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    “บิ๊กป้อม” ขวาง “บิ๊กตู่” คุย “ทักษิณ”

    ที่อาคารเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ สปช. เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเพื่อสร้างความปรองดองว่า สปช.ก็ว่าไป ว่าจะคุยอย่างไร เราพร้อมทุกอย่าง คิดว่าอดีตนายกฯทักษิณก็พร้อม ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำตลอดเวลาว่า ให้กลับมาคุยกัน คิดว่าเป็นเรื่องของ สปช. ทำอย่างไรให้เกิดความปรองดองก็ทำไป เมื่อถามว่า มีการเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเป็นคนพูดคุยเอง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่ใช่หน้าที่ของนายกรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องของกฎหมาย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลกฎหมาย ถามว่าผิดหรือไม่

    โยน สปช.ไปหาทางทำให้ถูกกฎ

    เมื่อถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เดินทางไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ได้ถามย้อนกลับว่า แล้วมอบหมายได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณมีคดีความ เมื่อถามย้ำว่า ถ้าไม่พูดถึงเรื่องคดีความ แต่จะพูดถึงเรื่องอื่น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก็ไปหามา สปช.ต้องไปทำมา ต้องดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เมื่อ สปช.เป็นผู้เสนอแนะ ก็ไปทำมา ส่วนหลักการจะเป็นอย่างไร ตนไม่รู้ แต่จะต้องไปดูว่า ต้องไม่ผิดกฎหมาย เพราะเรายึดตัวกฎหมาย ถ้า สปช.คิดอะไรและเห็นว่าอะไรสามารถทำได้ก็ทำเลยถือเป็นเรื่องของ สปช. ทั้ง สปช.มีหน้าที่ในการปฏิรูปเพื่อนำไปสู่การปรองดองในทุกเรื่อง และที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเจอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

    “บิ๊กโด่ง” ไม่ตอบแค่รับไว้พิจารณา

    ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นัดเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การปรองดองสำเร็จว่า เป็นข้อคิดเห็นของบางคนที่มีการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศ ซึ่งตนไม่สามารถตอบแทนได้ เมื่อมีข้อคิดเห็นคงมีการรับไว้พิจารณา แต่ความชัดเจนตนยังตอบไม่ได้

    พท.โวย “ทักษิณ” อยู่เงียบๆยังไปปลุก

    นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทำไมต้องดึง พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้ง ทุกวันนี้ท่านอยู่อย่างเงียบๆในต่างประเทศ อย่าพยายามดึงหรือลากเข้ามายุ่งเกี่ยว ที่ผ่านมาพวกท่านทำกับ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวชินวัตรมามากพอแล้ว จนประชาคมทั่วโลกและประชาชนรู้ขบวนการของพวกท่านหมด จึงไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน เพราะถ้าพูดคุยกันแล้วไม่ได้ข้อสรุปก็จะมาโยนความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณอีก และในเมื่อพวกท่านอาสาเข้ามาแก้ปัญหาก็ควรทำให้ได้ ขอให้ยึดหลักความเป็นธรรมและเคารพในความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง ส่วนกรณีสหรัฐฯ อียู เตือนให้เร่งคืนประชาธิปไตยก็ดีกว่าไม่สนใจและตัดหางปล่อยวัด ถ้าเขาคว่ำบาตรขึ้นมาจะกระทบต่อการส่งออกมูลค่ามหาศาล กระทบเศรษฐกิจในภาพรวม รัฐบาลต้องคิดให้หนัก

    นปช.ให้ไปถามใจกลุ่มไม่เอาทักษิณ

    นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้นายกฯเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นห่วงว่า ถ้า คสช.คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณจบแล้ว กลุ่มที่ไม่เอาทักษิณจะยอมรับได้หรือไม่ รวมถึงคนที่เสนอจึงต้องถามใจตัวเองก่อนว่าเปิดกว้างหรือไม่ เพื่อให้ประเทศหาทางออกร่วมกันจริง ส่วนกลุ่ม นปช.ไม่จำเป็นต้องคุยก็ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เพียงแต่เรียกร้องให้ทำกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานให้เป็นมาตรฐานเดียวก็ถือว่าจบ ส่วนกรณีที่จะการระบุให้มีคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติในร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น เป็นเรื่องดี แต่ไม่รู้ว่าในทางปฏิบัติจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คนคงจะหาคนที่สังคมให้การยอมรับได้

    “วรชัย” ซัดดราม่า-ลับหลังไล่ยำ

    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า ข้อเสนอการปรองดองที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ จะกำหนดให้มีคณะกรรมการปรองดองมีวาระดำเนินงาน 5 ปีเพื่ออภัยโทษหรือนิรโทษกรรม เป็นการพูดเพื่อเอาใจฝ่ายประชาธิปไตยให้ต่างชาติเห็นว่าคนที่อยู่ในอำนาจ ต้องการปรองดองเดินตามโรดแม็ปเพื่อต้องการแก้ปัญหาของประเทศเท่านั้น เป็นการสร้างภาพให้ดูดี แต่ความเป็นจริง ฝั่งเพื่อไทยโดนกระทำ อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯถูกถอดถอนและจะยังเอาเขาเข้าคุกอีก สิ่งที่พูดกับที่ทำมันสวนทางกัน ถามว่าจะปรองดองอะไร กับใคร ป.ป.ช.ก็จะชี้มูลพวกที่แก้รัฐธรรมนูญ หลอกลวงโกหกทั้งเพ ถ้าจะปรองดองต้องเริ่มต้นตั้งแต่การยึดอำนาจแล้ว แต่พอยึดอำนาจก็มาไล่ล่าพวกเราฝ่ายประชาธิปไตยโดนต้อน โดนเข้าคุก โดนถอดถอน กระทืบกันทุกวัน ซึ่งความขัดแย้งรอบใหม่ต้องเกิดขึ้นหนักจากวิกฤติรัฐธรรมนูญที่ทำกันอยู่ อ้างปรองดองเพื่อให้รัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้ แล้วเข็นรัฐธรรมนูญที่เป็นเผด็จการออกมา อย่างนี้จะปรองดองหรือ

    แฉ “แม้ว” อยากคุยแต่ผวาตกหลุม

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมจะเจรจาตลอดเวลา แต่หัวใจสำคัญคือ 1.คนเจรจาต้องมีอำนาจในการพูดคุยและมีอำนาจในการตัดสินใจทุกเรื่อง สามารถเห็นผลได้ในเชิงปฏิบัติ เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณถูกหลอกหลายครั้ง 2.ต้องดูเงื่อนไขในการพูดคุยเป็นอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ 3.หากเจรจาได้ ต้องดูระยะเวลาในการดำเนินการด้วยว่าเป็นอย่างไร “พ.ต.ท.ทักษิณเองก็อยากเห็นประเทศสงบและเดินหน้าได้เหมือนกับทุกคน วันนี้โอกาสก้าวหน้าของประเทศหายไปเรื่อยๆ ประชาชนก็เดือดร้อนลำบาก พ.ต.ท.ทักษิณอยากให้ประเทศไทยมีระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่เป็นสองมาตรฐาน คนมีรายได้น้อยต้องมีโอกาสและได้รับการดูแล ที่ผ่านมามีความพยายามล่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาทำการต่อต้านเพื่อคนที่มีอำนาจจะได้อ้างว่า สถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบสุขและคงอำนาจการบริหารยาวออกไป ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงอยู่นิ่งๆ ไม่อยากตกหลุมพรางของ คสช.และรัฐบาล”

    “มาร์ค” รอฟังข้อเสนอ กมธ.รธน.

    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คสช. มองว่าเรื่องของการปรองดองเป็นเรื่องของ กมธ.ยกร่างฯ ที่มีในหมวดการปฏิรูปและเรื่องการปรองดอง ดังนั้น การดำเนินการอะไร อย่างไรต้องฟังข้อเสนอ กมธ.ยกร่างฯก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติทั้งหมด จึงขอให้ กมธ.ยกร่างฯตีโจทย์ให้ชัดว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในลักษณะใด เชื่อว่าสัปดาห์นี้ กมธ.ยกร่างฯจะได้ข้อยุติเรื่องนี้ ส่วนที่ระบุว่าหากไม่มีการพูดคุยกับคู่ขัดแย้ง อาจทำให้การรัฐประหารเสียของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ระบุชัดเจนว่า ต้องการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแต่การที่จะไปบอกให้นายกฯใช้อำนาจพิเศษทันที แต่ไม่มีความชัดเจนในกรอบความคิดก็คงจะไม่ได้ ส่วนระยะเวลาการดำเนินงานของคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติที่กำหนดไว้ 5 ปี ก็ขึ้นอยู่กับอำนาจหน้าที่และขอบเขตงานที่ทำคืออะไร แต่คิดว่าปมปัญหาความขัดแย้งไม่ได้มีมากมายอะไร

    ปชป.สะกิดนายกฯถก “แม้ว” ผิด ก.ม.

    นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนพูดเป็นร้อยครั้งแล้ว การพูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย หรือเจรจาเพื่อรับทราบถึงความต้องการทำได้ แต่การจะไปเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนไม่เห็นด้วยแน่ เพราะเป็นการกระทำที่มองข้ามกฎหมายไทยไปให้ความสำคัญกับนักโทษหนีคดี ซึ่งเจ้าพนักงานก็จะมีความผิดในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และงานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็จะถูกกล่าวโทษไปด้วย ทั้งนี้ การที่ กมธ.ยกร่างฯจะตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติเพื่อความสงบเรียบร้อยในชาติเป็นเรื่องดี แต่กระบวนการกฎหมายต้องดำเนินอย่างเคร่งครัดถูกต้องต่อควบคู่กับการปรองดองได้ ที่สำคัญ กฎหมายต้องไม่มีการละเว้นโทษ โดยเฉพาะคดีคนโกง เผา และฆ่าคนตาย

    “เอนก” ปัดเปิดทางนิรโทษสุดซอย

    นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง กล่าวถึงข้อเสนอการตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติว่า คณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ ซึ่งจะตั้งหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว ประกอบด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คน และตัวแทนคู่ขัดแย้งที่แต่ละฝ่ายให้การยอมรับ 5 คน รวมเป็น 14 คน มีหน้าที่สร้างความปรองดอง ซึ่งสามารถเสนอให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกา พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. ให้มีการนิรโทษกรรมหรืออภัยโทษได้ มีระยะเวลาทำงาน 5 ปี ต้องทำให้สำเร็จ ทั้งนี้ ในส่วนการอภัยโทษนั้น ตามหลักต้องมีการลงโทษก่อน แม้จะอภัยโทษแล้ว ยังถือว่าโทษยังอยู่จนกว่าจะมีการออก พ.ร.บ.ล้างมลทิน แต่ถ้าเป็นการนิรโทษกรรมนั้น ไม่จำเป็นต้องรับโทษก็ได้ ซึ่งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรใช้แนวทางใด ยืนยันว่าไม่ใช่การนิรโทษสุดซอยอย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นการทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อได้ ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่หายาก รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นฝ่ายที่สามการพิจารณาอะไรก็จะเอื้อกับทั้งสองฝ่าย

    ออกหน้าเชียร์คู่จิ้นตั้งโต๊ะเจรจา

    นายเอนกกล่าวว่า ส่วนการเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เจรจา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เห็นด้วยและควรพูดคุยกับฝ่ายอื่นๆด้วย ทั้ง กปปส. นปช. พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องคุย แต่จะคุยอย่างไรไม่ทราบวิธีการ อาจจะผ่านตัวแทนก็ได้ คนที่อยู่ในประเทศเรียกให้มารายงานตัวยังมาได้ แล้วถ้าเชิญให้มาคุยทำไมจะมาไม่ได้ จากการที่ไปพูดคุยกับหลายฝ่าย เกือบทุกฝ่ายเสนอว่าควรให้มาคุยกัน ซึ่งข้อเสนอของนายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปช.เป็นอีกข้อเสนอที่รัฐบาลควรนำไปพิจารณา เมื่อถามว่า การนิรโทษกรรมหรือการอภัยโทษ จะรวมถึงผู้สั่งการหรือไม่ นายเอนก ตอบว่า คงต้องคุยในรายละเอียด แต่เท่าที่เคยคุยกับฝ่าย นปช.ก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องรวมถึงแกนนำก็ได้

    แจงพบ “ขวัญชัย” ไม่มีอะไรจริงๆ

    นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯ ได้กล่าวถึงการเดินทางของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ และนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (คศป.) ไปพบ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ว่า ไม่มีนัยอะไร ก่อนหน้านี้นายขวัญชัยเคยมาขอพบ กมธ.ยกร่างฯ แต่การนัดหมายก็ยังคลาดเคลื่อนในช่วงระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. 57 ดังนั้นเมื่อ กมธ.ยกร่างฯได้เดินทางไปยัง จ.อุดรธานี จึงได้มีการประสานขอพบเป็นการส่วนตัว โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ซึ่งบรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี

    37 พรรคเข้าสัมมนา กมธ.รธน.

    ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญและคณะอนุกรรมาธิการประสานเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมจัดสัมมนาเรื่อง “หลักการใหม่เกี่ยวกับระบอบการเมือง นักการเมืองและสถาบันการเมือง” โดยมี กมธ.ยกร่างฯ คณะ กมธ.ปฏิรูปการเมือง คณะอนุ กมธ.ประสานเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สปช. สถาบันพระปกเกล้า และตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ37 พรรคเข้าร่วมสัมมนา ทั้งนี้ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ บรรยายหัวข้อ “หลักการใหม่เกี่ยวกับระบอบการเมือง นักการเมือง และสถาบันการเมือง” ว่า เบื้องต้น กมธ.ยกร่างฯ กำหนดให้มี ส.ส. 1 คนต่อประชากร 260,000 คน ส่วน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อแบ่งโซนเป็น 6 ภาค หากพรรคเล็กได้เสียงในบัญชีรายชื่อ 6-7 หมื่นเสียงก็สามารถมีที่นั่งในสภาฯได้ 1-2 คน

    พท.–ปชป.รุมสวดกันยกใหญ่

    จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้ตัวแทนพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นคนละ 5 นาที นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีโจทย์ใหญ่ที่อยากให้ กมธ.ยกร่างฯทบทวน คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น และให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับหลักการนี้ เพราะสุดท้ายคนที่ได้เสียงข้างมากก็จะบล็อกโหวตชนะแบบกินรวบอยู่ดี

    ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีคำถามว่าข้อเสนอดังกล่าวนี้จะปฏิรูปหรือสร้างปัญหาใหม่ให้สังคมกันแน่ เพราะในทางปฏิบัติ ไม่เป็นอย่างที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น ตั้งองค์กรใหม่มากเกินไป ซึ่งไม่เห็นด้วย เช่น คณะกรรมการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติและบัญชีทรัพย์สินของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ลงสมัครที่อาจถูกตีตกได้ตั้งแต่ชั้นแรก เชื่อว่าข้อเสนอทั้งหมดนี้เป็นการทำลายพรรคการเมือง

    “พลเมืองโต้กลับ” จ้อไทยวอยซ์

    ด้านความเคลื่อนไหวกลุ่มคัดค้านรัฐประหาร หลังถูกจับดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนกฎอัยการศึก 4 คนเพราะไปจัดกิจกรรมรำลึกการเลือกตั้งที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้ประกันตัวออกมา ล่าสุดนายอานนท์ นำภา ทนายสิทธิมนุษยชน แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ หนึ่งในผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ “ไทยวอยซ์มีเดีย” กระบอกเสียงฝ่ายต่อต้าน คสช. ที่มีนายจอม เพชรประดับ เป็นพิธีกร เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูบ โดยยืนยันว่า การที่สมาชิกของกลุ่มพลเมืองโต้กลับทั้ง 4 คน ได้รับการประกันตัว ไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่วางเงื่อนไขในการประกันตัวใดๆตามที่ทาง คสช.ออกมาให้ข่าว เนื่องจากก่อนได้ประกันตัว ได้แจ้งกับตำรวจแล้วว่า ถ้าให้ประกันโดยมีเงื่อนไขจะขอยอมติดคุก เพราะเป็นเงื่อนไขที่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน ไม่สามารถยอมรับได้ กิจกรรมของกลุ่มครั้งนี้ คือรำลึกเลือกตั้งถามว่าถ้าทหารปล่อยให้ทำ มันจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงของประเทศตรงไหน ก็ในเมื่อบอกว่าจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง หลังจากนี้ยืนยันจะทำกิจกรรมต่อโดยเฉพาะการผลิตสื่อออนไลน์ และกิจกรรมที่รำลึกเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้ท้าทาย แต่เพราะคิดว่าไม่ได้ผิดกฎหมาย สุดท้ายถ้าต้องเข้าคุกก็ไม่เป็นไร อยู่นอกคุกแล้วไม่มีเสรีภาพ ก็ไม่ต่างกับอยู่ในคุก

    มี 1 คนขอยุติความเคลื่อนไหว

    นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ หนึ่งในแนวร่วมกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่ถูกจับกุมเผยว่า ส่วนตัวคงยุติการเคลื่อนไหวไปก่อน เพราะเกรงกระทบการเรียน แต่ยืนยันว่า การเข้าทำกิจกรรมในวันที่ 14 ก.พ.ทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับแค่ต้องการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง การใช้พื้นที่ก็อยู่ในบริเวณจำกัดที่ริมฟุตปาท ไม่ได้ต้องการมาป่วน หรือหวังผลกับองค์กรต่างประเทศ ตามที่ถูก คสช.กล่าวหา เพราะไม่มีใครมีความสุขกับการไปทำกิจกรรมแล้วต้องถูกจับ ไม่เข้าใจและอยากถามด้วยว่าจัดกิจกรรมทุกครั้ง เต็มที่ก็แค่ถูกไปปรับทัศนคติ แต่ทำไมจัดกิจกรรมเลือกตั้งต้องทำกันถึงขนาดนี้

    กลุ่มสภาหน้าโดมประณาม จนท.รัฐ

    ขณะเดียวกัน กลุ่มสภาหน้าโดม หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่ต่อต้านการรัฐประหาร ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กของทางกลุ่ม เรื่อง “ประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ” ระบุว่า สืบเนื่องจากกิจกรรมเลือกตั้งที่รัก (ลัก) ในวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมนักศึกษา ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมบริเวณหอศิลปฯกรุงเทพฯ และจะถูกส่งไปดำเนินคดีในศาลทหาร สำหรับนักศึกษา กรณีดังกล่าวเป็นกรณีแรกนับตั้งแต่รัฐประหาร 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา ทั้งนี้กลุ่มสภาหน้าโดม มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเมิดสิทธิในการแสดงออกของ ประชาชนและนักศึกษา สภาหน้าโดมจึงมีข้อเรียกร้องดังนี้ 1.ขอเรียกร้องให้คณะรัฐประหารยุติการคุกคาม จับกุมนักศึกษาและประชาชนที่แสดงออกทางความคิดอย่างสันติ 2.ขอให้ยุติการนำประชาชนและนักศึกษาขึ้นศาลทหาร 3.ขอให้ยกเลิกกฎหมายอัยการศึก 4.ขอให้คืนอำนาจให้แก่ประชาชนโดยเร็ว

    ผบ.ทบ.ฮึ่มห้ามไม่ฟังก็ล็อก

    พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการจับกุมแกนนำกลุ่มกิจกรรมพลเมืองโต้กลับ Resistant citizen ในงานเลือกตั้งที่รัก (ลัก) ว่า ทหารไม่ได้เป็นคนควบคุมตัว แต่การดำเนินการตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตักเตือน ขอร้องทำความเข้าใจว่าอย่าทำ สิ่งใดที่อยู่นอกกรอบกฎหมาย ถ้าอยู่นอกกรอบก็จะดำเนินการ แต่จะไม่ดำเนินการทันที ตนได้ติดตามตลอด ไม่ใช่เพิ่งเริ่มเกิดเหตุการณ์ แล้วตำรวจเข้าไปจับกุม แต่เท่าที่ทราบได้มีการเตือนหลายครั้งแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจแล้ว ถ้าเตือนแล้วไม่ทำตามกรอบกฎหมาย ก็จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย มากไปกว่านั้นถ้ายังมีการเคลื่อนไหวต่อไปอีก คงต้องดำเนินการรัฐบาล ได้มีเวทีในแนวทางการแสดงออกที่ถูกต้อง ทุกคนก็น่าจะทราบดี สามารถที่จะส่งความคิดเห็นใดๆก็ได้ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น อาจจะมีการแสดงออกได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ทุกอย่าง

    รมว.กห.ไม่ห่วงปม ก.ม.ศาลทหาร

    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีฮิวแมนไรท์วอตช์เรียกร้องให้ยุติการแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญทหารเพราะเกรงว่าจะเป็นการปรับเพิ่มอำนาจทหารในการควบคุมตัวพลเรือนนาน 84 วันว่า ตนไม่กังวลเพราะถือเป็นความคิดของเขา ในส่วนของเราก็ดำเนินการไป ส่วนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะรับข้อเสนอของฮิวแมนไรท์วอตช์โดยไม่ให้ผ่านร่างดังกล่าวนั้นหรือไม่ เรื่องนี้ทาง สนช.จะต้องเป็นผู้พิจารณากันเอง ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย

    รรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย ท้าขอให้แสดงหลักฐานหลังระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เช่าเครื่องบินเตรียมหนีไปต่างประเทศว่า ยืนยันว่าคนอย่างตนมีเครือข่ายงานด้านการข่าวและไม่นิยมดิสเครดิตใคร ที่สำคัญเมื่อนายสุรพงษ์ยืนยันแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าไม่หลบหนี จะต่อสู้คดีแล้ว ขอให้จำคำพูดนี้ถือเป็นสัญญาประชาคมกับสังคม เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยพูดเช่นนี้เหมือนกัน ทำขนาดทนายฯบางคนเอาถุงขนมใส่เงินเป็นล้านไปทิ้งที่ศาลก็ทำแล้ว

    ให้ดู 19 ก.พ.จำเลยไป-ไม่ไปศาล

    นายถาวร กล่าวอีกว่า อัยการสูงสุด (อสส.) ระบุขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อ อสส.เพื่อที่จะนำตัวไปปรากฏต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งเป็นการส่งตัวฟ้องศาลในวันแรก หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ทีมทนายบ่ายเบี่ยงสารพัดเหตุผล ไม่ขอไปปรากฏตัวที่ศาลในวันนั้น ก็จะเห็นพฤติกรรมที่ส่อในเรื่องนี้ว่า งานด้านการข่าวของตนกับนายสุรพงษ์เป็นอย่างไร ขอให้สังคมจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

    สำนวนฟ้อง “บุญทรง” ถึงมือ อสส.

    ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถนนแจ้งวัฒนะ นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ เป็นตัวแทนรับมอบเอกสารหลักฐานสำนวนคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์และพวกรวม 21 ราย กว่า 60 ลัง รวมกว่า 67,000 หน้า ส่งฟ้องต่อ อสส. นายชุติชัยกล่าวว่า หลังรับสำนวนนี้จาก ป.ป.ช. แล้วจะเร่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวนภายใน 1-2 วันนี้ หากพยานหลักฐานครบ คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ภายใน 1 เดือน โดยคดีดังกล่าวเกี่ยวพันกับคดีรับจำนำข้าวที่มีการพิจารณาไปก่อนหน้านี้

    ม็อบสัมปทานปิโตรฯบุกทำเนียบฯ

    อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทยนำโดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ม.ล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี และ “เต๊ะ” ศตวรรษ เศรษฐกร นักร้องนักแสดง เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ผ่าน พล.อ.สกล ชื่นตระกูล ที่ปรึกษานายกฯ โดยเรียกร้องขอให้ยกเลิกการให้สัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ทั้งนี้ ให้มีการสำรวจพื้นที่ได้ แต่ห้ามผลิตพลังงานภายใน 1 ปี ซึ่งระหว่างนั้นขอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม เช่น พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียม เพราะการให้สัมปทานอาจจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ผลประโยชน์ตกเป็นของคนบางกลุ่ม

    จี้เปิดสัญญาทุกฉบับผ่านฟรีทีวี

    ในหนังสือระบุอีกว่า ขอให้มีการเปิดพื้นที่เจรจา เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกปกปิดผ่านสื่อมวลชน และฟรีทีวีของรัฐอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยกระทรวงพลังงานต้องเปิดเผยข้อมูล หลักเกณฑ์ เงื่อนในการรับสัมปทานพร้อมเปิดเผยสัญญาสัมปทานทุกฉบับเพื่อความโปร่งใส โดยภายใน 1 เดือนรัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาราคาแก๊สและค่าไฟฟ้าให้ลดลง เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงแล้ว รวมทั้งต้องหยุดนโยบายที่สนับสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่เอาเปรียบประชาชน โดยกลุ่มฯขอปักหลักฟังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่นายก– รัฐมนตรีจะเป็นประธานในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ส่วนที่รัฐบาลจัดให้มีเวทีแสดงความคิดเห็นในวันที่ 20 ก.พ. ทางกลุ่มฯจะส่งเข้าร่วมแน่นอน

    “บิ๊กตู่” ดับร้อนเด้งรับเปิดเวที

    พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรัฐบาลเปิดเวทีกลางรับฟังความคิดเห็นการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ในวันที่ 20 ก.พ.ว่า เป็นดำริ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.และเพื่อแสดงความจริงใจ จึงได้เลื่อนกำหนดวันปิดรับสมัครการสำรวจปิโตรเลียมจากวันที่ 18 ก.พ. ออกไปก่อน เพราะนายกฯไม่อยากให้ใครมาพูดว่าตัดสินใจเดินหน้าเรื่องพลังงานโดยไม่ฟังข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ โดยเวทีนี้จะเป็นเวทีกลางที่ทำให้ประชาชน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นักวิชาการ และรัฐบาล ได้ฟังข้อมูลในช่วงเวลาเดียวกัน รัฐบาลคาดหวังหลังวันที่ 20 ก.พ. จะมีข้อสรุปว่าจะเป็นแนวทางใด และอยากให้เป็นเวทีสุดท้าย พูดกันแบบผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ใช่เถียงกันเอาเป็นเอาตาย ต้องเปิดใจรับฟังคนอื่น

    บอกที่ให้เลื่อนไม่ใช่ว่ากลัว

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการเปิดเวทีกลางรับฟังความคิดเห็นในการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ในวันที่ 20 ก.พ.ว่า เวทีนี้ตนเป็นคนสั่งให้จัด พร้อมรับฟังความคิดเห็นอยู่แล้ว โดยการเปิดสัมปทานในวันที่ 18 ก.พ. นี้ต้องเลื่อนออกไปก่อน ต้องดูว่าผลการพูดคุยในวันที่ 20 ก.พ. นี้จะออกมาอย่างไร แต่ไม่ได้ถอยเพราะกลัว เหตุผลคืออยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเราเตรียมการไว้แล้วว่าอยากให้มีการทำความเข้าใจ ไม่ใช่เพราะมี 4-5 คนออกมาคัดค้าน แต่เขาต้องรับผิดชอบถ้าดำเนินการต่อไปไม่ได้ เราเป็นห่วงว่าในระยะยาว 5-10 ปีจะทำอย่างไร เมื่อแปลงสัมปทานปิโตรเลียมที่มีอยู่นี้หมดแล้วไม่มีแปลงอื่นมาทดแทนจะทำอย่างไร หากลงทุนใหม่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมการถึง 4-5 ปี

    ถามพลังงานหมดใครรับผิดชอบ

    เมื่อถามว่า ดูจากกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมคัดค้านจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “พวกนี้เขาก็กลุ่มเรา หมายความว่ากลุ่มเขายืนหยัดในจุดนี้มาตลอดทำให้ถอยหลังไม่ได้ แต่ต้องไปหาจุดให้ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ควรเอาตัวเลขมาชี้แจงและตอบคำถามกันให้ได้ ฝ่ายรัฐบาลก็ติดขัดเรื่อง พ.ร.บ.ทำให้ถอยไม่ได้ ต้องไปดูว่าจะถอยหรือจะแก้อย่างไร โดยปัญหามีอยู่ 2 อย่างคือ 1.กฎหมายว่าอย่างไร 2. อีก 5-10 ปี พลังงานหายไปแล้วจัดหาทดแทนไม่ทันแล้วใครจะรับผิดชอบต้องตอบมา

    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะช้าเกินไปหรือไม่ถ้ารอให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาดำเนินการ พล.อ.ประยุทธ์ตอบกล่าวว่า ช้าไป ทั้งหมดตอนนี้ถือว่าช้าหมด วันนี้ประเทศต่างๆเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านมีการใช้พลังงานในประเทศมากขึ้น ส่วนการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อหาทางออกนั้นต้องไปคุยกัน แต่อย่าทะเลาะกัน ที่ผ่านมาทะเลาะกันตลอดแล้วไปได้ไม่ถึงไหน ดังนั้นตอนนี้ต้องสงบเงียบทั้งสองฝ่ายและอยากให้เวทีในวันที่ 20 ก.พ.นี้ถือเป็นเวทีสุดท้าย

    “มาร์ค” ชี้ชัดกติกาพลังงานมีปัญหา

    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงชื่อร่วมคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ของรัฐบาลว่า ที่ร่วมลงชื่อคัดค้านให้ชะลอการสัมปทานครั้งนี้เพื่อต้องการสะท้อนให้รัฐบาลเห็นว่า ขณะนี้กติกาการจัดสรรทรัพยากรพลังงานของชาติเรา ยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประชาชนที่แท้จริง ดังนั้นการที่จะไปเร่งรัดกระทำการในขณะที่มีข้อท้วงติงจากหลายฝ่าย ก็ไม่น่าจะเหมาะสม จะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งระหว่างนี้สมควรจะให้ข้อมูลกับทุกฝ่ายและร่วมรับฟัง ปรึกษาหารือกันมากกว่าว่าจะทำอย่างไร และต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ดูเหมือนว่าจะยอมรับว่ากระบวนการนี้มีความสำคัญต่อส่วนรวม ดังนั้น ต้องติดตามต่อว่ารัฐบาลจะดำเนินการกันอย่างไร

    ศาล ปค.ยกฟ้องคดีท่อก๊าซ ปตท.

    วันเดียวกัน ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค น.ส.รสนา โตสิตระกูล กับพวกรวม 1,455 คน ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน รมว.คลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-5 กรณีขอให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 5 ร่วมกันดำเนินการแบ่งแยกระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจำนวน 8 โครงการ ในทะเล 4 โครงการ โดยศาลเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ไม่ใช่คู่ความ หรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี ที่มีสิทธิจะร้องขอให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาได้ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น

    http://www.thairath.co.th/content

    0 comments:

    Post a Comment