
ยืนยันเป็นเรื่องคดี นศ.ขึ้นป้ายต้านอีก ปปช.จี้ฟองแพ่ง‘ปู’
“บิ๊กตู่” ปิดประตูไม่คุย “ทักษิณ” ลั่นจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ถามทำไมต้องไปปรองดองกับใคร ฮึ่มใครทำบ้านเมืองเจ๊งอีกเจอดี “บิ๊กป้อม” กวักมือเรียก “แม้ว” กลับมาสู้คดีก่อน “วันชัย” เสียงแข็งใส่คนวิจารณ์ไม่มีวาระซ่อนเร้น เตือนไม่ทำตอนนี้เสียของ “สมชาย” ดักคอถ้าผู้มีอำนาจตั้งใจจริงสำเร็จแน่ “ปู” ถกทีมทนายอาจไม่ไปศาลฯวันฟ้องคดีจำนำข้าว ป.ป.ช.จี้คลังเรียกค่าเสียหายคืน “ประวิตร” ว้ากสื่อจี้ถามปม “ตั๊น” แต่งเลียนแบบทหาร “วินธัย” ออกตัวแค่เฮฮาหมู่เพื่อน กมธ.ยกร่างฯปัดจ้องบอนไซพรรคการเมือง ชี้แค่ปรับระบบกันพวก “ศรีธนญชัย” นายกฯเฉ่งโฆษก ตร.โยงบึมพารากอนเอี่ยวต่างชาติ “ประวุฒิ” ปัดไม่เคยพูดซักแอะ นศ.ขึ้นป้ายหยุดคุกคามเสรีภาพ
หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. บอกปัดข้อเสนอตั้งโต๊ะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อเดินสู่การปรองดอง เพราะนายกฯถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถเจรจากับผู้หลบหนีคดีได้
“บิ๊กตู่” ปิดประตูไม่คุย “ทักษิณ”
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่สนามบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีพร้อมพูดคุยเพื่อหาทางออกเรื่องปรองดองตามข้อเสนอนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า เรื่องนี้พูดไปแล้วว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถไปพูดคุยได้ เมื่อถามว่านายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าเป็นฝ่ายถูกกดดันถูกไล่ล่า พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า กดดันเรื่องอะไร ไล่ล่าอย่างไร เป็นเรื่องของคดีความไม่ใช่การไล่ล่า ถ้ามีการร้องเรียนฟ้องร้องก็ดำเนินคดีไป จะไปไล่ล่าอะไร
ลั่นจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมาสู้คดีก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้จะไม่พูดแล้ว ใครจะนำมาผูกโยงกับการปรองดองก็ผูกไป ตนไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าใจคำว่าเจ้าหน้าที่รัฐไหมว่าต้องทำตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสม ตนเป็นนายกฯต้องบริหารราชการแผ่นดิน วันนี้มีเรื่องที่เป็นห่วงกังวลมากมาย ทั้งรายได้เกษตรกรที่ไม่ค่อยดี ยังต้องบริหารราชการแผ่นดินและแก้ปัญหาที่ทุกคนทำกันไว้
ทำไมต้องไปปรองดองกับใคร
“ทำไมผมต้องไปปรองดองกับใคร ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เข้ามาทำหน้าที่เข้ามาควบคุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน มาแก้ปัญหาที่บกพร่องอยู่ โดยใช้กลไกของกฎหมายกระบวนการยุติธรรม แล้วทำไมต้องปรองดองกับใคร การปรองดองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกกลุ่ม คนไทยอยากจะขัดแย้งกันต่อไปหรือ คิดว่าวันนี้บ้าน เมืองก็สงบดี ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมาย ก็รู้อยู่ว่ามีกฎหมายอะไรบ้าง แต่พยายามละเมิดขัดขวางให้เกิดปัญหา ควรไปถามคนเหล่านั้นว่าทำเพื่ออะไร ถามว่าทำเพื่อประชาธิปไตยแล้วประชาธิปไตยที่ผ่านมามันดีหรือไม่ ถ้ามันดีคงไม่มีเรื่อง แสดงว่ามันยังมีปัญหาอยู่ ผมก็ต้องใช้กลไกระเบียบราชการ กลไกของกฎหมายเข้าไปแก้ไข อย่าไปกังวล ใครจะเสนออะไรก็ได้ อยากจะพูดอะไรก็พูดมา แต่อย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง เกิดความวุ่นวาย และอย่าลากผมไปเกี่ยวข้อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมินคนขวางมุ่งเดินหน้าโรดแม็ป
เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้โรดแม็ปที่วางไว้ต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า โรดแม็ปเป็นเรื่องของตน ใครจะทำให้มันเลื่อนก็ทำไป แต่ตนต้องเดินตามโรดแม็ป คิดว่าคนส่วนใหญ่ต้องการให้ตนดูแลช่วยเหลือและแก้ปัญหา สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้ ที่ทุกคนเอาไปกล่าวอ้างกันไปมา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นล่วงหน้ามาหลายปีแล้วก่อนที่จะเข้ามาอีก ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์มันไปไม่ได้ก็จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไข ถ้าไม่เข้ามาคนอื่นก็มาว่าว่าปล่อยให้ประเทศเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่เมื่อเข้ามาก็มาต่อว่ากันอีก ถ้าทุกคนเข้าใจว่าเราต้องการความปรองดองสงบสันติอย่าไปขยายความ ขยายข่าว
โต้พวกกล่าวหาใช้กฎหมายไล่ล่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ให้เสรีอยู่แล้ว หากพูดถึงการใช้อำนาจคงไม่ต้องให้ใครพูดอะไรทั้งสิ้น ซึ่งทำได้อยู่แล้ว แต่ไม่อยากทำ ไม่อยากใช้กฎหมายพิเศษแก้ปัญหา เพราะจะหาว่าไปรังแกใครอีก สรุปว่าวันนี้เราใช้กฎหมายกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไป เราต้องพยายามทำตัวให้มันชัดเจนว่าจะอยู่ตรงไหน ความหมายคือให้ทุกฝ่ายมีโอกาสแสดงความคิดเห็นบ้าง ถ้าไม่เข้ากระบวนการยุติธรรมแล้วจะไปคุยกันรู้เรื่องไหม อย่าไปให้เครดิตมากนัก ฉะนั้นที่พูดมาคิดว่าทุกคนมีเจตนาดีไม่ได้มีเจตนาร้าย และไม่ได้จงเกลียดจงชังรัฐบาล แต่ทุกคนมุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาของตนเองโดยไม่ได้นึกถึงกลไกของรัฐ ไม่นึกถึงกฎหมายมันก็ไม่ได้ เพราะประเทศชาติอยู่ด้วยกฎหมาย ถ้าบอกว่ากฎหมายไปทำร้ายไล่ล่า ถามว่าที่ทำมีความผิดไหม ถ้าไม่มีความผิดจะร้องเรียนอย่างไรก็หลุด
ฮึ่มใครทำบ้านเมืองเจ๊งอีกเจอดี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียนไปหลายคดี บางคดีตัดสินว่าไม่รับฟ้อง ไม่มีความผิด ทำไมไม่เห็นมีใครมาเรียกร้อง สรุปว่าอะไรที่ตัดสินเข้าข้างตัวเองแล้วดีถือว่าเป็นธรรม อะไรที่ตัดสินแล้วมีความผิดต้องไปแก้คดี กลายเป็นว่าไม่เป็นธรรมเป็นการไล่ล่าหรือ มันไม่ถูกต้องอย่าคิดแบบนี้ ให้กฎหมายว่าไปผิดคือผิด ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีหลักฐานไม่ผิด จะลงโทษได้อย่างไร อย่ามาลากพันกันไปมา เดี๋ยวจะเดือดร้อนไปทั้งประเทศ ใครจะรับผิดชอบได้ไหม “ขอประกาศไว้เลยว่าใครที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายเดือดร้อน จากนี้ไปต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมาไม่ค่อยรับผิดชอบกันอยู่แล้ว ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย ตามระเบียบวินัย ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ทุกคนทุกพวกทุกพรรค เจตนาดีหรือไม่ไปพิสูจน์กันในศาล ตนตัดสินให้ไม่ได้”
กวักมือเรียก “ทักษิณ” กลับมาก่อน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ พ.ต.ท.ทักษิณยื่นข้อเสนอพร้อมพูดคุยเรื่องปรองดอง ยังเป็นไปตามที่นายกฯระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเรามีกฎหมาย ต้องทำตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่มองว่าหากไม่คุยแล้วจะปรองดองกันไม่ได้นั้น นายกฯพูดแล้วว่าเรื่องคุยกับเรื่องปรองดองเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องคดีต้องแยกจากเรื่องปรองดอง นำมารวมกันได้อย่างไร ทางเราก็อยากให้ปรองดอง และต้องทำทุกอย่างให้เกิดความปรองดองในชาติ
“บิ๊กป๊อก” ยันรัฐบาลไม่ใช่คู่กรณี
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นคู่กรณีกับใคร รัฐบาลเข้ามาเพื่อหยุดสถานการณ์ที่ทำให้ประเทศไม่สามารถเดินหน้าให้เดินหน้าต่อไปได้ เรื่องของความขัดแย้งรัฐบาลต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ขณะที่การบริหารราชการแผ่นดินก็บริหารตามปกติ และเดินหน้าปฏิรูปไปตามโรดแม็ป เมื่อถามถึงกรณีที่ สปช.ด้านท้องถิ่นเสนอให้จัดตั้งสภาท้องถิ่นแห่งชาติ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ให้เป็นเรื่องของ สปช.ดำเนินการ หากเกิดผลดีต่อท้องถิ่นก็ถือว่าเป็นข้อยุติที่ลงตัว
“วันชัย” แจงไม่มีวาระซ่อนเร้น
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปช. โพสต์ลงเฟซบุ๊กชี้แจงว่า กรณีที่เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีคนวิจารณ์ด่าทอสารพัดว่ากินยาผิดซอง มีวาระซ่อนเร้นหรือเปล่า อยากบอกว่าเป็นการอธิบายรายละเอียดเรื่องปรองดอง ถ้าฟังโดยละเอียดจะเข้าใจถึงเนื้อหาที่พูด ไม่ต้องมาวิจารณ์แบบผิดๆถูกๆ หรือด่ากันเสียๆหายๆ สิ่งที่พูดไม่ได้คิดผิด แต่มาจากเจตนาบริสุทธิ์ ขอเรียนว่าจุดยืนยังเหมือนเดิม และจะเข้มข้นมากขึ้น เป็นนายวันชัยคนเดิม ไม่ผิดคิวไม่ผิดซอง จะปฏิรูปประเทศให้เลิศหรู จะร่างรัฐธรรมนูญให้วิเศษอย่างไร ก็ไม่มีทางทำให้ประเทศเดินได้ ถ้าคนในชาติไม่ปรองดองกัน การปรองดองไม่ใช่แค่หยุดทะเลาะเบาะแว้งแล้วจบ ไม่ใช่แค่เอาตำรวจทหารไปร้องเพลงให้ชาวบ้านดู แล้วคิดว่าปรองดองทำให้คนรักกัน ที่จริงยังไม่ใช่
ไม่ทำตอนนี้ถือว่าเสียของ
นายวันชัยระบุอีกว่า ต้องเริ่มด้วยการพูดคุยเจรจากับกลุ่มคู่ขัดแย้งตัวหลัก คนที่มีอำนาจในการเจรจา คือผู้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ขณะนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกนั้นไม่มีพลัง ต้องเจรจากับแกนนำที่เป็นคู่ขัดแย้งทั้งหมด พรรคการเมืองทุกพรรค แกนนำทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองที่สำคัญก็ต้องคุย ส่วนจะคุยแบบไหน ต่อหน้าลับหลังกับใคร เป็นเรื่องของผู้นำ และศิลปะที่จะพูดคุย แล้วนำมาบอกเล่าให้ประชาชนฟัง ว่าอะไรทำได้และทำทันที เป็นการแสดงความจริงใจ และเริ่มต้นปรองดอง ใครจะมีพลังมีอำนาจเท่าชุดนี้ สถานการณ์อย่างนี้ ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ถือว่าน่าเสียดาย เสียโอกาส เสียเวลาและเสียของ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ต้องการให้ประเทศสามัคคี ปรองดอง อย่าหยิบคำพูดบางวรรคบางตอนมาปะติดปะต่อแล้วใส่ร้ายป้ายสี ยืนยันยังเป็นวันชัยคนเดิม จุดยืนเหมือนเดิม หนักแน่น มั่นคง
ถ้าผู้มีอำนาจตั้งใจจริงสำเร็จแน่
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าแนวทางที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะบัญญัติให้ตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถือเป็นข้อเสนอที่ดีและเห็นด้วย เพราะบ้านเมืองเราขัดแย้งมานานหลายปีแล้ว ส่วนจะใช้วิธีการหรือรูปแบบใดขอให้ผู้มีอำนาจช่วยกันคิดช่วยกันทำ โดยต้องยึดประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ที่สำคัญต้องมีความจริงใจและตั้งใจที่จะปรองดองอย่างแท้จริง การแสวงหาความปรองดองต้องพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์มาเริ่มพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณก่อน ตามข้อเสนอของสมาชิก สปช. หากเริ่มต้นพูดกันแค่เพียงฝ่ายเดียวจะไม่สะเด็ดน้ำ แต่ถ้าผู้มีอำนาจตั้งใจความปรองดองคงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก รัฐบาลต้องเป็นผู้อยู่ตรงกลาง ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้ตกผลึก ส่วนข้อเสนอเรื่องการนิรโทษกรรมนั้นมองว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการปรองดอง
“นิพิฏฐ์” เป็นปลื้มวงเจรจาแท้ง
ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่มีสมาชิก สปช.หลายคนประโคมข่าวต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนติดตามข่าวนี้อย่างระทึกใจ แต่พอฟังการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านไม่มีอะไรเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ และขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินไป ทำให้ตนโล่งใจ และแอบชมอยู่ในใจ
พท.คอนเฟิร์ม “ปู” พร้อมสู้คดี
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีบางฝ่ายพยายามสร้างกระแสว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะหนีคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า การปล่อยข่าวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะลี้ภัยไปสหรัฐอเมริกา ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจใช้ได้ผล แต่วันนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนรู้ทันขบวนการดังกล่าว ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้สหรัฐฯเข้าใจว่ามีขบวนการจะเอาผิดให้ได้กับผู้นำประเทศที่ทำตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็นสิ่งที่อารยะประเทศรับไม่ได้ ขอยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่หนีไปไหนแน่นอน
ไม่ไปศาลฯวันส่งฟ้องไม่เสียหาย
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าว กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่จำเป็นต้องไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ. ที่อัยการสูงสุดส่งฟ้องคดีรับจำนำข้าว เนื่องจากเป็นเพียงวันนำตัวไปส่งฟ้อง กฎหมายไม่ได้ระบุว่าต้องเดินทางไปรายงานตัว แต่ต้องรอการตัดสินใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกครั้ง ซึ่งทีมทนายความจะสรุปข้อเท็จจริงให้ทราบ หากไม่เดินทางไปรายงานตัววันที่ 19 ก.พ.ก็ไม่มีผลเสียต่อรูปคดี เพราะข้อกฎหมายไม่ได้บังคับไว้ว่าต้องไป แต่หลังจากที่ศาลฎีกาฯรับฟ้องและนัดให้ไปขึ้นศาลนัดแรก ก็จำเป็นต้องเดินทางไป ถ้าไม่ไปอาจมีผลเสียได้ ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมต่อสู้คดีแน่นอน ไม่คิดหลบหนี หรือขอลี้ภัยแต่อย่างใด
“ยิ่งลักษณ์” โพสต์อวยพรตรุษจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ประชุมหารือกับทีมทนายความเตรียมสู้คดีโครงการรับจำนำข้าว ในประเด็นว่าต้องเดินทางไปยังศาลฎีกาฯวันที่ 19 ก.พ.หรือไม่ โดยจะมีการประเมินและตัดสินใจขั้นสุดท้าย วันที่ 18 ก.พ. ต่อมาช่วงเย็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กในชุดสีแดงฉากหลังเป็นคำอวยพร ตัวอักษรสีแดงในเทศกาลตรุษจีนว่า “ซินเหนียนไคว่เล่อ กงสี่ฟาไฉ” มีความหมาย “สุขสันต์วันตรุษจีน ขอให้ร่ำรวย” โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ให้กำลังใจในการต่อสู้คดีความที่เผชิญอยู่
ป.ป.ช.จี้คลังเรียกค่าเจ๊งข้าว “ปู”
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังในฐานะผู้ค้ำประกัน เพื่อเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ที่ต้องรับผิดชอบโครงการดังกล่าว โดยกระทรวงการคลังจะไปพิจารณาว่ามีใครต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ ส่วนจะเรียกค่าเสียหายจำนวนเท่าใด เป็นเรื่องของกระ-ทรวงการคลังที่มีข้อมูลอยู่แล้ว จากตัวเลขปิดบัญชีของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่ระบุว่ามีความเสียหาย 6 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมค่าเสื่อมสภาพข้าวอีก ตามสำนวนการไต่สวนที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดไป ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่ทำตามที่กฎหมายกำหนด
“บิ๊กป้อม” ฉุนสื่อจี้ถามปม “ตั๊น”
อีกเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ภาพ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ “ตั๊น” อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส.และพวก แต่งกายคล้ายชุดทหารร่วมงานสังสรรค์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่มีภาพนานแล้ว ต้องไปถามเจ้าตัว เมื่อถามย้ำว่าในฐานะที่ดูแลกองทัพคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า เขามีสิทธิแต่งหรือไม่ เช่น นักแสดง ที่ผ่านมามีการแต่งชุดทหารและตำรวจ อย่างนั้นต้องเอาผิดนักแสดงใช่หรือไม่ เมื่อถามว่าทางนักแสดงทำเรื่องขออนุญาต แต่กรณีนี้ไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ตอนนั้นยังไม่ได้มาทำหน้าที่ รมว.กลาโหม ตนเพิ่งเข้ามา 3-4 เดือน “ก็มันเป็นเรื่องเก่าสื่อจะเอาอย่างไร เขาทำผิดและเป็นคดีหรือไม่ ทำไมไม่ไปแจ้งความ”
ว้ากไล่ไปฟ้องแต่งเลียนแบบทหาร
เมื่อถามว่าแต่ รมว.กลาโหมเป็นผู้ดูรับผิดชอบกองทัพในภาพรวม พล.อ.ประวิตรตอบว่า ใช่ ตอนนี้ตนดูแลกองทัพอยู่ เมื่อถามย้ำว่าภาพดังกล่าวเพิ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “คุณก็ต้องไปถามเขาสิ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีย้อนหลังหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า “คุณก็ไปแจ้งสิ ที่ผมไม่ไปแจ้งความเพราะยังไม่เห็นภาพ อยากให้ถามเรื่องงานและการบริหารราชการแผ่นดิน อย่าถามเรื่องส่วนบุคคล”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการสัมภาษณ์ พล.อ. ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้ขอดูภาพดังกล่าวจากผู้สื่อข่าว เมื่อได้เห็นภาพ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวขึ้นสั้นๆว่า สามารถเอาผิดได้ เพราะผิด พ.ร.บ.เครื่องแบบทหาร
“วินธัย” ออกตัวแค่เฮฮาหมู่เพื่อน
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด เท่าที่ได้รับข้อมูลเหมือนเป็นภาพเก่าในอดีต ที่สังสรรค์กันในงานเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูงภายในสถานที่ส่วนบุคคล เหมือนผู้จัดงานกำหนดให้ผู้ร่วมงานแต่งกายในแนวตรีมเดียวกัน เหมือนเพียงต้องการสร้างสีสันในมุมแนวบันเทิง ส่วนจะกระทบเรื่องทางกฎระเบียบใดหรือไม่ ทางหน่วยต้องไปดูรายละเอียดก่อน สำหรับประเด็นทางกฎหมาย ที่ผ่านมาเคยดำเนินการกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ทหารแล้วไปแต่งกายคล้ายทหาร ซึ่งส่วนใหญ่มีเจตนาชัดเจนไปล่อลวงหรือทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าผู้นั้นเป็นทหารจริง เพื่อหวังผลการหนึ่งการใด ส่วนกรณีนี้ต้องดูเจตนาหรือรายละเอียดมากกว่านี้
ปัด รธน.ใหม่ทำพรรคอ่อนแอ
วันเดียวกันที่รัฐสภา นายสุจิต บุญบงการ รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะอนุ กมธ.พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 3 ระบบผู้แทนที่ดีและผู้นำการเมืองที่ดี รัฐสภา และคณะรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าหลักการเกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ตามที่ตัวแทนพรรค การเมืองแสดงความเป็นห่วง เพราะในรายละเอียดเชิงลึกจะมีประเด็นการพัฒนาพรรคการเมือง เพื่อสร้างระบบพรรคการเมืองที่ดี ผู้แทนการเมืองที่ดีที่ต้องมีกระบวนการพัฒนาด้วยตัวของพรรคการเมืองและภาคประชาชน ส่วนกรณีที่ กมธ.ยกร่างฯปรับหลักการเกี่ยวกับการนับคะแนนเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ส.นั้น เหตุผลสำคัญเพื่อกำจัดการผูกขาดรัฐสภาโดยเสียงข้างมาก หรือที่เรียกว่าเผด็จการรัฐสภา
ปรับระบบกันพวก “ศรีธนญชัย”
ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า เหตุผลที่ปรับให้ผู้สมัคร ส.ส.สังกัดพรรคการเมือง และไม่ให้ ส.ส.แบบพรรคการเมืองควบรวมกับ ส.ส.แบบกลุ่มการเมือง เพื่อป้องกันนักการเมืองจำพวกศรีธนญชัย หาช่องให้ได้ ส.ส.โดยไม่เป็นไปตามหลักการ อาจมีช่องทางให้บางพรรคส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นนอมินีลงสมัครแบบอิสระในเขตเลือกตั้ง และส่งนักการเมืองสังกัดพรรคลงแบบเขต หลังการเลือกตั้งเสร็จก็นำ ส.ส.ที่ได้มารวมกัน จึงเป็นการอุดช่องว่างดังกล่าว ขณะที่การแบ่งการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็น 6 ภาค จากเดิมมี 8 ภาค เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้แทนที่ตนเองรู้จัก ขณะที่บัญชีรายชื่อ กลุ่มภาคใต้ซึ่งรวมจังหวัดเพชรบุรีเข้าไปด้วยนั้น มีหลักเกณฑ์คือเพื่อให้สัดส่วนประชากรที่เท่ากันในบัญชีรายภาค ซึ่งข้อทักท้วงของตัวแทนพรรคการเมือง กมธ.จะนำมาพิจารณาและปรับปรุง
ปฏิรูป สธ.ให้ทั่วถึง-มีประสิทธิภาพ
นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าการพิจารณารัฐธรรมนูญรายมาตราในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง หมวด 2 การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ว่า ในส่วนที่ 15 การปฏิรูปด้านสาธารณสุข ได้วางหลักปฏิรูป คือ เร่งพัฒนาระบบสุขภาพให้ความสำคัญมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นำไปสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนของสังคม โดยให้ชุมชนและองค์การบริหารท้องถิ่นมีส่วนร่วม และปฏิรูปการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพ รวมถึงการเงินการคลังของกองทุนสุขภาพ ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน เสมอภาคและเป็นธรรม คำนึงถึงความทั่วถึง มีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ
ผุดประมวล ก.ม.ยกระดับการศึกษา
ด้านนายอมรวิชช์ นาครทรรพ สปช.ด้านการศึกษา กล่าวว่า ส่วนที่ 7 การปฏิรูปด้านการศึกษา กำหนดให้มีการพัฒนาคนให้เป็นพลเมืองดี มีความรู้ความสามารถ ยึดหลักกระจายอำนาจ ลดบทบาทของรัฐ จากที่เป็นผู้จัดการศึกษา ให้เป็นผู้จัดให้มีการศึกษา ส่งเสริมให้สถานศึกษาบริหารจัดการได้อิสระ โดยให้เอกชน ชุมชน และองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม ปรับปรุงระบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ปรับปรุงอาชีวศึกษา พัฒนาระบบการเรียนรู้โดยเน้นกระบวนการคิด ใช้เหตุผล เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ และให้จัดทำประมวลกฎหมายการศึกษา
กะเหรี่ยงขอ รธน.ลดเหลื่อมล้ำ
ทางด้านกลุ่มขบวนการกะเหรี่ยงเพื่อฟื้นฟูวิถีวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ นำโดยนายพฤ โอ่โด่เชา เข้ายื่นหนังสือต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เรียกร้องกรณีได้รับผลกระทบ จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2553 เกี่ยวกับนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และขอให้ คสช.ออกประกาศโดยนำหลักการมีส่วนร่วมและหลักสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญปี 50 ในมาตรา 66 และ 67 ตลอดจนเรียกร้องให้ กมธ.ยกร่างฯบัญญัติเรื่องสิทธิชุมชนชาติพันธุ์ชนเผ่าพื้นเมืองไว้ในรัฐธรรมนูญ และปรับปรุงกฎหมายที่ส่งผลเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และชนเผ่าชาติ พันธุ์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยนายบวรศักดิ์กล่าวว่า จะนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้ กมธ.ยกร่างฯ พิจารณา แต่ข้อเสนอทั้งหลายคงเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งหมดไม่ได้ ส่วนเรื่องอัตลักษณ์ และชุมชนต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
รัฐบาลเข็นงบฯลงทุนให้ถึงเป้า
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ภายหลังการประชุมนายสุวพันธุ์กล่าวว่า ที่ประชุมเร่งรัด 3 เรื่องด่วน คือ 1.แก้ปัญหาภัยแล้ง 2.กระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ เบิกจ่ายงบฯ โดย เฉพาะสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในพื้นที่เข้าถึงยาก และ 3.เร่งรัดหน่วยราชการจัดทำคู่มือตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ แจกจ่ายประชาชน ส่วนการประชุม ครม. วันที่ 18 ก.พ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว. กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช. จะเสนอแผนเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯโครงการที่ต้องทำสัญญาในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ปัญหางบฯส่วนใหญ่เป็นงบฯลงทุนไม่เข้าเป้า ติดขั้นตอนราชการ
แนะรัฐแก้ ศก.ตามจริงอย่ามโน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยคาดการณ์แนวโน้มปีนี้เศรษฐกิจไม่น่าจะดีนัก จึงอยากให้รัฐบาลเปิดใจรับฟังความเห็นทุกด้าน อย่าปิดกั้น อยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลวิเคราะห์เศรษฐกิจตามจริง ไม่เช่นนั้นจะทำให้เศรษฐกิจทรุดกว่าเดิมได้ อยากให้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่อย่าแจกเงินอย่างเดียว ต้องสร้างรายได้ในอนาคตด้วย ที่สำคัญต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจตรงจุดที่สุด โดย เฉพาะหากเป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นว่า อาจจะมีเลือกตั้งในปลายปีนี้ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วอย่างแน่นอน
นายกฯบินเชียงใหม่ประชุม กปส.
วันเดียวกันเวลา 08.00 น. ที่สนามบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเครื่องบินแอมแบร์ของกองทัพบก ไปยังกองบิน 41 จ.เชียงใหม่ จากนั้นเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ไปยังสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2558 เพื่อพิจารณากำหนดแผนนโยบายและแนวทางการดำเนินงานหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง โดยมี ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี รองประธานฯ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการ กปส. นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ราชเลขาธิการ และนาย จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการมูลนิธิโครงการหลวง ร่วมประชุม
เร่งขับเคลื่อนแนวทางพระราชดำริ
ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะประธาน กปส. เป็นประธานการประชุม กปส. โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างประชุมว่า การประชุมวันนี้เพื่อร่วมกันเสนอแนะแนวทางพัฒนาโครงการหลวงให้เจริญก้าวหน้า ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สร้างความเป็นอยู่ที่ดีมีอาชีพสุจริต โดยต้องอาศัยยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่มีคุณภาพทุกด้าน ทั้งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสร้างคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงแผนการตลาดจัดจำหน่ายให้ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม การเกษตรยังมีปัญหาเรื่องระบบชลประทาน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องการเพาะปลูก จำเป็นอย่างยิ่งต้องนำแนวทางพระ ราชดำริมาเป็นแนวทางขับเคลื่อน โดยเฉพาะการทำโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและพื้นที่
อัด 900 ล้านหนุนโครงการหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กปส.มีมติเห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์ แผนงาน และคำของบ ประมาณปี 2559 เพื่อสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 38 แห่ง วงเงิน 547,300,028 บาท และโครงการขยายผลโครงการหลวง 29 แห่ง วงเงิน 356,692,115 บาท รวมทั้งมีมติเห็นชอบการขอเพิกถอนพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์กรมหาชน) ออกจากเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย นอกจากนี้ยังเห็นชอบอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการพัฒนาและติดตั้งระบบงาน ERP ระยะที่ 2 ของมูลนิธิโครงการหลวง 35 ล้านบาท จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์นำคณะเยี่ยมชมฐานปฏิบัติงานบ้านนอแล แปลงสตรอเบอรี่ อาคารคัดบรรจุผลผลิต และแปลงวิจัยไม้ผลเขตหนาว ของสถานีวิจัยเกษตรหลวงอ่างขางด้วยความสนใจ
พปส.บี้ “ตู่” เฉ่ง กทม.สอบห้างดัง
วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อทวงถามคำตอบหลังจากที่เคยเรียกร้องให้นายกฯเข้ามาตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสะพานลอยเชื่อมอาคารของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านชิดลม ที่สร้างคล่อมถนนและคลองสาธารณะ ประเด็นนี้เคยทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม. 2 ครั้ง แต่ยังไม่มีคำตอบ ถือเป็นพฤติกรรมที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าการอนุมัติก่อสร้างสะพานไม่มีความโปร่งใส หากยังไม่มีคำตอบใดจากผู้ว่าฯ กทม.และนายกฯ ทั้งที่ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม ก็จะทำเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ท.ท.) และยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
ร้องจับ จนท.รัฐทุจริตต่อหน้าที่
ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ จ.ขอนแก่น ทุจริตต่อหน้าที่กรณีคุ้มกันรถบรรทุกขนาดใหญ่ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ขนวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือขุดเจาะปิโตรเลียมในพื้นที่ ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า กรณีดังกล่าวคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีคำสั่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชะลอการโครงการไว้ก่อน แต่ กอ.รมน.ขอนแก่นให้ทุกฝ่ายเดินหน้าต่อ โดยบอกว่าจะใช้กฎอัยการศึกกับชาวบ้านหากขัดขวาง จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เล็งพักราชการ ผวจ.คดีจัดซื้อปุ๋ย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบและพบความผิดปกติในการจัดซื้อปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ที่แพงเกินจริงในพื้นที่หลายจังหวัด ที่มี ผวจ.บางจังหวัดเกี่ยวข้องว่า ขณะนี้ สตง.ส่งหนังสือไปยัง ป.ป.ช.แล้ว เท่าที่ทราบเรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตเป็นจำนวนมากและมีหลายกระทรวงที่ต้องร่วมตรวจสอบ ส่วนกรณีที่ ก.พ.ไม่อนุมัติตำแหน่งพิเศษ เพื่อรองรับข้าราชการระดับสูงที่เข้าข่ายกระทำความผิด ตามที่กระทรวงมหาดไทยขอไปนั้น ทาง ก.พ.ให้แนวคิดโดยเสนอวิธีเช่นให้พักราชการ
ตีปาก ตร.ชี้คดีบึมโยงก่อการร้าย
อีกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าผู้ก่อเหตุวางระเบิดไปป์บอมบ์ที่ทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและห้างสยามพารากอน อาจไม่ใช่คนไทยจะโยงไปถึงเรื่องการก่อการร้ายว่า “ประเทศไหนใครทำก็ว่ากันไป แต่อย่าชักศึกเข้าบ้าน อยู่เฉยๆ พอแล้ว ในประเทศก็ตีกันจะตายแล้ว จะไปลากใครเข้ามาอีก จะคิดอะไร ฝากคิดอีกมุมว่าการเสนอแบบนี้จะมีผลกระทบอะไรกับอย่างอื่นไหม ไม่ใช่คิดเอาประเมินเอาแล้วเสนอไป มันไม่ใช่ ไปหามาถ้าเป็นต่างชาติ เขาจะมาทำเพื่ออะไร อย่าไปลากศึกนอกบ้านเข้ามาอีก”
“ประวุฒิ” ปัดไม่เคยพูดซักแอะ
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่เคยให้ข่าวในลักษณะดังกล่าว ขอยืนยันว่าพยานที่เป็นคนขับรถแท็กซี่ให้การว่า ผู้ก่อเหตุพูดภาษาไทยชัดเจน ส่วนจะเป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย จนสามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจนหรือไม่ คงต้องรอจับตัวผู้ต้องสงสัยให้ได้เสียก่อน ส่วนการสืบสวนคดีนี้ ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย สอบสวนผู้ที่ต้องสงสัยมากกว่า 100 คน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวได้ว่า ผู้ก่อเหตุเป็นใคร ยอมรับว่าคดีลักษณะนี้มีความยากในการสืบสวน แต่จะพยายามที่ติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนประเด็นการก่อเหตุยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง แต่ยืนยันได้ไม่ใช่ การก่อการร้ายสากล
กสม.เรียกถกปมแก้ ก.ม.ศาลทหาร
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า วันที่ 19 ก.พ. ได้เชิญนายทหารพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย คณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เข้าให้ข้อมูลกรณีการแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเพิ่มอำนาจให้กองทัพ และกังวลว่าจะกระทบกับสิทธิมนุษยชน ซึ่ง กสม.จะรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ให้ประกันมือโพสต์แถลงการณ์เก๊
เวลา 10.00 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) กล่าวว่า ได้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวนายกฤษณา บุดดีจีน ผู้ต้องหาคดีโพสต์แถลงการณ์ปลอม โดยนำหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท พร้อมยื่นคำร้องต่อศาลทหารกรุงเทพฯ นายวิญญัติกล่าวว่า ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้ว เมื่อพนักงานสอบสวนไม่คัดค้าน และหลักประกันที่ผู้ขอประกันยื่นต่อศาลน่าเชื่อถือ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ศาลสืบพยาน “ปู” ฟ้องคดีโฟร์ซีชั่น
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีใส่ความอดีตนายกฯมีพฤติการณ์และความประพฤติผิดจริยธรรม โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ให้นายสมหมาย กู้ทรัพย์ ผู้รับมอบอำนาจแทน นำตัว พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผู้ช่วยนายเวร (สบ 4) รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ธวัชชัย บุญเฟื่อง อดีตรองเลขาธิการนายกฯ มาเบิกความพยานโจทก์ โดยก่อนสืบพยาน น.ส.ยิ่งลักษณ์มอบให้ทนายยื่นคำแถลงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ติดใจสืบพยาน ขณะที่ พ.ต.อ.วทัญญูเบิกความสรุปว่า หลังโจทก์ร่วมปฏิบัติภารกิจเสร็จที่ทำเนียบรัฐบาล ได้แจ้งว่าจะไปปฏิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น เมื่อไปถึงก็ขึ้นลิฟต์พร้อมพยานและคนอื่นรวม 6 คน เพื่อไปประชุมชั้น 7 ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและ รมว.คลัง อยู่บริเวณชั้น 7 และเดินเข้าห้องประชุมพร้อมกัน ทั้งนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์อีกครั้งวันที่ 18 ก.พ.
นศ.ขึ้นป้ายหยุดคุกคามเสรีภาพ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่เห็นต่างกับ คสช. เมื่อเวลา 10.00 น. มีการติดป้ายผ้าข้อความว่า “หยุดคุกคามนักศึกษา” บนสะพานลอย ถนนพหลโยธิน หน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต สร้างความฮือฮาให้ประชาชนและนักศึกษาที่ผ่านไปมา และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยขึ้นไปปลดออกทันควัน จากนั้นมีผู้นำภาพดังกล่าวเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียและเริ่มมีการแชร์ต่อๆกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะมีการเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก เพจของกลุ่มนักศึกษาที่ต้านการรัฐประหาร กลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย หรือแอลแอลทีดี จากการสอบถามนายณัชชชา กองอุดม นักศึกษานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หนึ่งในนักศึกษาที่เคยถูกตำรวจจับขณะชูสามนิ้วหน้าโรงภาพยนตร์สยามพารากอน ยอมรับว่า ป้ายผ้าดังกล่าวเป็นฝีมือของทางกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ใช้ชื่อว่า “bpd.” ที่ร่วมกันทำขึ้นมา เพื่อเรียกร้องให้ทหารยุติการใช้กำลังคุกคามสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง และทางกลุ่มยืนยันจะเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ที่มา,http://www.thairath.co.th/
0 comments:
Post a Comment