Monday, March 2, 2015

Tagged Under:

ไทยพบหวัดสายพันธุ์ H3N2 ระบาด สธ.ชี้ไม่รุนแรง-เร่งฉีดวัคซีนเร็วกว่าเดิม

By: news media On: 3:54 AM
  • Share The Gag
  • เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่กรมควบคุมโรค (คร.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข่าวการพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 (H3N2) ในฮ่องกงจำนวน 383 เสียชีวิต 283 ราย และพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ็ช 1 เอ็น 1 (H1N1) หรือไข้หวัด 2009 ที่ประเทศอินเดียมีผู้ป่วยสะสมจำนวน 16,235 ราย เสียชีวิต 926 ราย ซึ่งทำให้ประชาชนวิตกกังวลนั้น ขณะนี้พบว่าสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ตั้งแต่ 1 ม.ค.-23 ก.พ.จำนวน 10,032 ราย เสียชีวิต 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1 ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยใน จ.นครราชสีมา 7 ราย ลำพูน 1 ราย แต่ทั้งหมดเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 มีผู้เสียชีวิต 24 ราย ถือว่าสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา แต่ที่กังวลและต้องจับตาคือการเกิดลักษณะเป็นกลุ่มก้อนในรพ. โรงเรียนที่เชียงใหม่ กทม. และค่ายทหาร

     ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการตรวจหาเชื้อไข้หวัดใหญ่เพื่อแยกสายพันธุ์ ปัจจุบันจะทำการส่งเชื้อไป 3 หน่วย คือ สำนักระบาดวิทยา คร. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสถาบันวิจัยทางทหารของสหรัฐอเมริกา โดยจะทำหน้าที่แยกเชื้อแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งในปี 2558 พบว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่พบมากที่สุด คือสายพันธุ์เอ เอช 3 เอ็น 2  ประมาณร้อยละ 68 รองลงมาคือ สายพันธุ์บี (B) ร้อยละ 24 และสายพันธุ์เอ เอช 1 เอ็น 1 (A/H1N1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 มีประมาณร้อยละ 4 ทั้งนี้ สำหรับสายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 ที่พบการระบาดหนักในฮ่องกง เป็นสายพันธุ์ ที่เรียกว่า เอ สวิสเซอร์แลนด์ (A/Switzerland (H3N2)-like virus) ซึ่งจะแตกต่างจากสายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 ที่ไทยเคยพบเมื่อปีที่ผ่านมา

     นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบสายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 ที่พบกว่าร้อยละ 68 เมื่อแยกชนิดลงไปจะพบว่าเป็นสายพันธุ์เอ สวิสเซอร์แลนด์ที่พบในฮ่องกงเกือบร้อยละ 90 ทั้งนี้ หากคิดง่ายๆ คือ ขณะนี้มีผู้ป่วยอยู่กว่า 10,000 ราย พบว่าเป็นสายพันธุ์ชนิดเดียวกับฮ่องกงร้อยละ 50 ซึ่งยังไม่มาก ที่สำคัญเชื้อนี้ในไทยยังไม่รุนแรง ไม่มีการกลายพันธุ์ และไม่พบว่าเชื้อเกิดการดื้อยา จึงไม่ต้องกังวล ส่วนที่ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตมาก พบว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่สำคัญกลุ่มที่เสียชีวิตไม่พบการฉีดวัคซีนป้องกัน ขณะที่ไทยไม่ประมาท แม้จะพบผู้ป่วย แต่สามารถควบคุมโรคได้ รวมทั้งสธ.มีมาตรการในการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ ในเดือนเมษายนนี้จะมีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นวัคซีนใหม่กว่า 3.5 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเสี่ยงต่างๆ ก่อน ทั้งเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด ปอดบวม ไตวาย มะเร็ง ฯลฯ

     “แต่ละปีวัคซีนจะหมุนเวียนสายพันธุ์ไปตามที่คาดการณ์ว่าจะเกิดการระบาด โดยวัคซีน 3 สายพันธุ์ปีนี้ ประกอบด้วย 1.เอช 1 เอ็น 1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดิมกับปี 2557 2.สายพันธุ์บี ปีนี้เป็นสายพันธุ์จากภูเก็ต โดยนำไปพัฒนาเป็นวัคซีน เนื่องจากพบว่ามีภูมิคุ้มกันมากกว่าสายพันธุ์ชนิดเท็กซัส (Taxas) และสายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 สวิสเซอร์แลนด์ โดยจะฉีดวัคซีนเร็วขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 เป็นต้นไป จากเดิมจะเริ่มฉีดให้ช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน”นพ.โอภาส กล่าว

    ที่มา,http://www.khaosod.co.th/

    0 comments:

    Post a Comment