
ตร.คุมตัว “ไมไรลี ยูซุฟู” ผู้ต้องหาคดีวางระเบิด ทำแผนประกอบคำรับสารภาพวันที่ 2 อีก 4 แห่ง 12 จุด เป็นจุดส่งเป้ระเบิดที่หัวลำโพง จุดวางบึ้มราชประสงค์ จุดดูผลและถ่ายภาพส่งงาน และจุดควง “อิซาน” กดโอนเงินที่รามคำแหง 22 ท่ามกลางกำลังคุ้มกันอย่างหนาแน่น ก่อนส่งตัวขอฝากขังต่อศาลจังหวัดมีนบุรี ด้าน “สมยศ” ไม่ปักใจเชื่อ “อิซาน” ตัวการใหญ่ เชื่อน่าจะมีคนบางการก่อเหตุ ขอเวลาสืบสวนหาหลักฐานให้แน่นหนา ส่วนการสั่งฟ้องโยนอัยการชี้ขาดฟ้องศาลทหารหรือศาลพลเรือน ไม่รู้ “วรรณา” อยู่ที่ไหน โบ้ยสภาทนายความหาทนายให้ ทางด้าน “จักรทิพย์” เผยการข่าวชี้ “อีซาน” หัวหน้าใหญ่สั่งบึ้ม กบดานบังกลาเทศ ประสานอินเตอร์โพลล่า พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงินถูกส่งมาสนับสนุนจากต่างประเทศหรือไม่ ส่วนชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดยังมั่นใจว่าจะจับตัวได้ เพราะมีหลักฐานที่ทำมากับมือ
คุม “ยูซุฟู” ทำแผนวันที่ 2
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 9 ก.ย.58 ที่ สน.มีนบุรี พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี ช่วยราชการ บก.น.3 พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชูพันธ์ รอง ผกก.ป.สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.มีนบุรี จำนวน 20 นาย พร้อมกำลังหน่วยอรินทราช 26 จำนวน 10 นาย อาวุธหนักครบมือ ควบคุมตัว นายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาคดีระเบิด ออกจากห้องควบคุม สน.มีนบุรี ขึ้นรถยนต์ตู้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ชุดอรินทราชนั่งประกบ โดยมีรถสายตรวจจำนวน 5 คัน ติดตามคุ้มกัน เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรอการทำแผนชี้จุดต่อจากเมื่อวานที่ไปชี้จุดทำแผนที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก โดยนายยูซุฟูอยู่ในชุดเสื้อยืดสีเหลือง ชุดเดียวกับที่ใส่เมื่อวานนี้ คลุมทับด้วยเสื้อเกราะ ซึ่งผู้ต้องหามีหน้าตาอิดโรย อ่อนล้า
ต่อมาเวลา 06.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจอรินทราชและทหารกว่า 100 นาย นำตัวนายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์และสะพานท่าเรือสาทรนำตัวไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ทั้งหมด 4 แห่งจำนวน 12 จุด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว ให้เว้นระยะห่างจากผู้ต้องหา 15-20 เมตร
ชี้จุดวางบึ้มราชประสงค์
สถานที่แรกบริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จุดที่ 1 เริ่มที่หน้าวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นจุดที่นายไมไรลีนั่งรถสามล้อมาจากหัวลำโพง และลงเดินเท้าต่อเลียบทางประตูหลังห้าง Zen กระทั่งถึงประตูหน้าห้าง Zen เพื่อชี้จุดวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ อย่างไรก็ตามในระหว่างนำตัวนายไมไรลีไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพเกิดเหตุวุ่นวายเมื่อมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่แสดงบัตรผู้สื่อข่าวในการทำข่าว ทำให้ตำรวจต้องนำตัวไปค้นตัวบริเวณด้านนอกการชี้จุดและเกิดปากเสียงกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อย แต่เมื่อค้นตัวผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็พบบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่จึงตักเตือนและบอกให้แสดงบัตรระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง
ต่อมาเมื่อถึงจุดที่ 5 ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณลานน้ำพุ นายไมไรลีมาเพื่อรอถ่ายรูประหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุซึ่งนายไมไรลีอ้างว่าไม่ได้ถ่ายรูปเนื่องจากตอม่อบังอยู่ จากนั้นนายไมไรลีจึงเดินมาบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ตรงข้ามบิ๊กซี ราชดำริ เพื่อเรียกแท็กซี่ไปลงห้างประตูน้ำเซ็นเตอร์ สถานที่ที่ 2 ห้างประตูน้ำเซ็นเตอร์ คือจุดที่ 7 บริเวณหน้าห้างประตูน้ำเซ็นเตอร์เป็นจุดที่นายไมไรลีเรียกรถแท็กซี่ไปรามคำแหง เพื่อไปต่อรถเมล์กลับมีนบุรี สถานที่ที่ 3 สถานีรถไฟหัวลำโพงคือบริเวณสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษมข้างสถานีรถไฟหัวลำโพง บริเวณสะพานหนึ่งข้างสถานีหัวลำโพงเป็นจุดที่ชายเสื้อเหลืองมายืนรอนายไมไรลี และจุดต่อมาบริเวณม้านั่งระหว่างสะพานหนึ่งกับสะพานสองข้างสถานีหัวลำโพง เป็นจุดที่นายไมไรลีวางสับเปลี่ยนกระเป๋าให้ชายเสื้อเหลือง หลังจากนั้นนายไมไรลีและชายเสื้อเหลืองแยกย้ายกันหน้าสะพานที่สองข้างหัวลำโพงโดย นายไมไรลีนั่งสามล้อไปลงยังวัดปทุมวนาราม
ปัดถ่ายรูปส่งผลงาน
พล.ต.ท.ประวุฒิ เปิดเผยหลังนำตัวนายไมไรลีชี้จุดที่หัวลำโพง ซึ่งเป็นจุดที่แยกย้ายกับชายเสื้อเหลืองหลังแลกกระเป๋า ว่า ในจุดนี้เป็นจุดที่นายไมไรลีระบุว่าเป็นจุดที่ทั้ง 2 คน นัดพบกันเพื่อสลับกระเป๋าเป้ที่คาดว่าบรรจุระเบิด โดยนายไมไรลีให้การว่าในกระเป๋าใบที่นำมาให้ชายเสื้อเหลืองนั้นมีน้ำหนักประมาณ 3-4 กิโลกรัม ซึ่งนำมาจากย่านหนองจอก จึงคาดว่าน่าจะมีระเบิดอยู่ภายใน ก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกัน โดยชายเสื้อเหลืองแยกไปขึ้นรถสามล้อไปแยกราชประสงค์ ขณะที่นายไมไรลีแยกไปขึ้นรถสามล้อไปวัดปทุมวนาราม ก่อนจะเดินต่อไปยังหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องจากได้รับคำสั่งให้ถ่ายรูปหลังเกิดระเบิด แต่นายไมไรลีอ้างว่ามีตอม่อบัง จึงไม่สามารถถ่ายรูปได้ ก่อนจะไปยังประตูน้ำ ซึ่งคำรับสารภาพนั้นมีความสอดคล้องกับหลักฐาน และคำให้การของพยาน ทั้งนี้นายไมไรลียังไม่ได้รับสารภาพถึงขั้นว่าเป็นผู้ประกอบระเบิดแต่อย่างใด
สถานที่สุดท้ายซอยรามคำแหง 22 คือจุดที่สิบสอง ซึ่งเป็นจุดที่นายไมไรลีนั่งแท็กซี่จากหน้าห้างประตูน้ำเซ็นเตอร์มายังหน้าธนาคารกรุงเทพสาขาหัวหมาก ซอยรามคำแหง 22 ซึ่งจุดดังกล่าวจากแนวทางการสืบสวนเชิงลึกประกอบกับภาพวงจรปิดในวันที่ 5 ส.ค. พบว่านายไมไรลีและนายอิซานที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้ว่าจ้างเดินทางมายังธนาคารเพียงแค่ 2 คน เพื่อมาทำธุรกรรมทางการเงิน โดยการโอนเงินจำนวนหนึ่ง
ฝากขังศาลมีนฯ ผลัดแรก
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้คุมตัวนายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหา “ร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุวางระเบิดสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มาขอฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ผลัดแรก 12 วัน หลังจากการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 12 จุด 4 สถานที่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอรินทราช 26 ได้ควบคุมตัวนายไมไรลี ไปทำพิธีละหมาดตามศาสนา ท่ามกลางการควบคุมอย่างเข้มงวด พร้อมนำเสื้อเกราะให้ผู้ต้องหาใส่ หลังจากเสร็จจากทำพิธีละหมาด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรี อย่างไรก็ตาม นายยูซุฟู มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่เครียด พร้อมทั้งพูดขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่ดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของการอำนวยความสะดวก และเรื่องอาหาร
“สมยศ” ย้ำคดีบึ้มเหตุก่อความรุนแรง
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์จะสามารถจบลงที่นายอิซานเป็นคนสุดท้ายหรือไม่ ว่า การพูดถึงผู้บงการเป็นเรื่องยากที่จะให้ยืนยันตอนนี้ เพราะหลายอย่างที่เป็นข่าวก็ไม่ทราบที่มา เช่น ข่าวการจับผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมได้ที่ชายแดนภาคใต้อีก 2 คน ขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมจะให้พูดอย่างไร ตนจะตอบหรือยืนยันอะไรได้ก็ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน
ส่วนคดีนี้เป็นคดีก่อการร้ายหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า มันไม่ใช่ก่อการร้ายข้ามชาติ มันเป็นเหตุก่อความรุนแรง แต่ไม่เชื่อมโยงก่อการร้ายข้ามชาติ การก่อการร้ายข้ามชาติ จะมีประเด็น หรือเงื่อนไขที่บอกว่าเป็นก่อการร้ายข้ามชาติ จะต้องมีองค์กรและขบวนการ
เมื่อถามอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อกับประเทศของนายอิซานที่ถูกนายไมไรลีซัดทอดแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าเป็นชนชาติใดจะติดต่อประเทศไหน พวกที่ก่อเหตุบางครั้งไม่รู้จักกัน หรืออาจจะคุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักว่าเป็นใคร ชื่ออะไร หรือแม้แต่ตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวสามารถยึดพาสปอร์ตได้ ก็เป็นของปลอม สิ่งที่พูดว่าเป็นชาตินั้นชาตินี้ จริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ ถ้าไม่มีพยานหลักฐาน หรืออะไรมัดตัวได้จนปฏิเสธไม่ได้ เขาจะไม่พูด
ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ
“สิ่งที่ผู้ต้องสงสัยพูดอย่าเพิ่งเชื่อ อย่าใช้ความเร็วในการนำเสนอข่าว บางครั้งไม่ตรงกับความเป็นจริง อย่างแท็กซี่ที่เป็นพยานคนไทย วันหนึ่งพูดอย่าง วันหนึ่งพูดอีกอย่าง พอซักหนักเข้าบอกมึนจำอะไรไม่ได้ แล้วทีนี้ชาวต่างชาติบางทีไม่รู้จักด้วยว่าตรงนั้นชื่ออะไร ต้องเอาตัวไปสอบสวนให้ยืนยันว่าตรงนี้ใช่ไหม มันถึงต้องใช้เวลา การดำเนินคดี หรือการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ใช่แต่เพียงคำให้การหรือคำบอกเล่า แล้วเป็นที่ยุติ มันจะต้องมีพยานหลักฐานหลายๆ อย่างมาประกอบกัน สิ่งที่ผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย หรือพยานพูด บางครั้งเชื่อได้บ้าง เชื่อไม่ได้บ้าง อย่ารีบด่วนสรุป มันเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกลับซับซ้อน” ผบ.ตร.กล่าว
โยนอัยการชี้สั่งฟ้องศาลทหาร-พลเรือน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะดำเนินคดีดังกล่าวในศาลทหาร พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นายกฯ ก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องขึ้นศาลทหาร แต่หากมันเข้าหลักเกณฑ์ของศาลทหารก็ต้องขึ้น เพราะเป็นกรณีก่อเหตุรุนแรง ใช้วัตถุระเบิดอาวุธสงคราม ตนก็ไม่กล้าที่จะสรุป เพราะคนที่จะสรุปว่าจะขึ้นศาลไหนไม่ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต้องดูสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งไปยังอัยการ แล้วอัยการจะเป็นผู้ชี้ว่าต้องขึ้นศาลไหน เมื่อถามว่า การขึ้นศาลทหารจะดีกว่าหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เลือกไม่ได้ว่าขึ้นศาลอะไรดีกว่ากันสุดท้ายต้องอยู่ที่กฎเกณฑ์กติกา ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าผู้ต้องสงสัยจะต้องขึ้นศาลไหน และไม่ทราบว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่เพราะกระบวนสอบสวนยังไม่ได้ข้อยุติ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 11 ราย และจับกุมได้ 2 ราย จะสามารถสรุปสาเหตุได้หรือยัง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต้องให้ชัดเจนก่อน และต้องสอบปากคำทุกคนแล้วเอาพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกันว่าจะเป็นเรื่องใดก่อนถึงจะสรุป เพราะถ้ารีบด่วนสรุปอาจจะเสียหายผิดทาง ซึ่งหากผิดทางจะกระทบกับประเทศที่เราไปพูดถึงเพราะพาสปอร์ตก็ปลอม และไม่สามารถตรวจสอบจากประเทศต้นทางได้เพราะเขาไม่เกี่ยว
เมื่อถามว่า ติดต่อ น.ส.วรรณา สวนสัน ได้หรือยัง พล.ต.สมยศ กล่าวว่า ตอนแรกบอกว่าอยู่ประเทศตุรกี ตอนนี้ก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน ตนก็อยากรู้ ส่วนจะต้องมีการจัดทนายความให้กับผู้ต้องสงสัย หรือไม่นั้น แล้วแต่ว่าเขาจะร้องขอมาหรือไม่ แต่คดีร้ายแรงต้องมีการจัดหาทนายให้ซึ่งสภาทนายความจะเป็นผู้ดำเนินการ
“อิซาน” เผ่นกบดานบังกลาเทศ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ว่า จากการซักถามผู้ต้องหาในขบวนการนี้ทราบว่า นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรือ อิซาน เป็นระดับหัวหน้าขบวนการที่เชื่อว่าใหญ่สุดในการก่อเหตุระเบิดศาล ซึ่งตำรวจกำลังตามแกะรอยเบาะแสหลังมีข่าวว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยจะให้ตำรวจสากลประสานไปที่ประเทศบังกลาเทศหลังมีข่าวว่านายอิซานเดินทางไปจริง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินที่พบว่าถูกโอนมาจากต่างประเทศว่ามีการนำมาสนับสนุนในการก่อเหตุหรือไม่ ส่วนคำให้การของผู้ต้องหาในขบวนการนี้ให้การเป็นประโยชน์ สำหรับชายเสื้อเหลืองที่เป็นมือระเบิดนั้นยังมั่นใจว่าจะจับกุมตัวได้เพราะมีพยานหลักฐานที่ตนทำกับมือ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการควบคุมตัวแต่อย่างใด
ที่มา:banmuang.co.th
0 comments:
Post a Comment