เปรียบดั่งพรหมลิขิตเมื่อเธอได้พบกับ “เอ็ดเวิร์ด เดวิด แฮร์ริส” หนุ่มแคนาดา วัย 42 ปี นักบินสายการบินแห่งหนึ่งของแคนาดา ที่หลงทางภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จึงถามทางสาวไทยผิวสีน้ำผึ้งนามว่า “เฟิร์น” ที่บังเอิญเดินผ่านมาพอดี กลายเป็นจุดเริ่มต้นการพูดคุย ก่อนกลายเป็นหลุมรัก ภายในจิตใจของหนุ่มโสดตาน้ำข้าวโดยที่เธอไม่รู้ตัว หลังจากนั้นที่เดิมเวลาเดิม หนุ่มคนเดิมก็มาดักรอเพื่อถามทางสาวไทยคนเดิมต่อเนื่องอีกถึง 2 วัน กระทั่งสาวเฟิร์นไม่กล้าจะเดินผ่านเส้นทางเดิมเพราะไม่รู้ชายฝรั่งคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
แต่หลังจากนั้นไม่นานสาวเฟิร์นก็ได้รับสายโทรศัพท์ลึกลับไม่คุ้นเบอร์สำเนียงฝรั่งโทรมาหาโดยไม่เปิดเผยว่าได้เบอร์โทรมาอย่างไร โทรข้ามซีกโลกมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยทุกวันไม่เคยขาด และมีการแอดเฟซบุ๊กเพื่อติดต่อหาเฟิร์นอีกหนึ่งช่องทาง ขณะที่นักบินหนุ่มแคนาเดียนที่รู้ใจตัวเองว่าตกหลุมรักสาวไทยอย่างหัวปักหัวปำ ยอมเปลี่ยนตำแหน่งย้ายมาทำงานนั่งโต๊ะในตำแหน่งเทียบเท่าผู้จัดการเพื่อจะสามารถจัดสรรเวลามาเที่ยวเมืองไทยได้บ่อยๆ เป้าหมายหลัก คือมาหาหญิงที่เขารักและสานสัมพันธ์ทุก 1-2 เดือน
แรกเริ่มนั้น เอ็ดเวิร์ดใช้ยุทธวิธีบอกสาวเฟิร์นว่าชอบเมืองไทย อยากมาเที่ยวเมืองไทยบ่อยๆ ขอให้เฟิร์นช่วยเป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัวให้ เฟิร์นก็ยอมเป็นคนนำเที่ยวทำให้ขยับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น ขณะที่เธอเองก็เริ่มประทับใจหลังจากพบว่าชายต่างชาติมีความคิดเป็นผู้ใหญ่และเป็นห่วงเธอเหมือนมีพ่อเพิ่มอีกหนึ่งคน เมื่อเอ็ดเวิร์ดต้องเดินทางกลับถิ่นฐานก็พบว่าเธอเริ่มคิดถึงบ่าวฝรั่งเช่นกัน
ด้วยนิสัยเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติและมีความเป็นผู้ใหญ่ ที่สำคัญมีความโรแมนติก จะมีดอกไม้ส่งมาให้ทุกเทศกาล ไม่เว้นแม้แต่ลอยกระทงหรือสงกรานต์ ทำให้เฟิร์นใจอ่อนยอมรับรักจากหนุ่มแคนาดากระทั่งพาไปพบผู้ใหญ่ในครอบครัว หลังจากเริ่มคบกันได้ 2-3 เดือน ทั้งยังเป็นคนอัธยาศัยดีเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในครอบครัวสาวไทยทำให้พ่อที่เคยหวงลูกสาวคนสุดท้องคนนี้มากยังยอมสยบ เมื่อเอ็ดเวิร์ดเอ่ยปากอยากขอดูแลลูกสาวคนนี้ตราบนี้ไปจนตลอดชีวิต
เฟิร์นบอกว่า แม้จะอยู่คนละซีกโลกและเส้นแบ่งเวลาที่แตกต่างแต่ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ได้คุยกัน หากไม่คุยผ่านวิดีโอคอลแบบเห็นหน้า เอ็ดเวิร์ดก็จะโทรศัพท์ข้ามทวีปมา ขอเพียงได้ยินเสียงทุกวันแม้เพียงสั้นๆ ให้รู้ว่าผู้หญิงของเขาปลอดภัยดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยลดลง มีแต่ความห่วงใยที่เพิ่มขึ้น กระทั่งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งสองตัดสินใจแต่งงานกันภายหลังคบหาดูใจกัน 1 ปี 2 เดือน โดยจัดพิธีตามประเพณีไทยเต็มรูปแบบ โดยพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเดินทางมาร่วมพิธีแห่ขบวนขันหมาก ขณะเดียวกันมีการวางแผนจะจัดงานแต่งแบบฝรั่งอีกครั้งในช่วงพฤษภาคมปีหน้าที่ประเทศแคนาดาบ้านเกิดของฝ่ายชายบ้าง
ขณะที่เอ็ดเวิร์ดครั้งหนึ่งเคยบอกกับภรรยาว่า เฟิร์นคือรักแรกพบอย่างแท้จริง เป็นความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยความเป็นคนน่ารัก เป็นตัวของตัวเอง ไม่ห่วงสวย เหมือนผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ และสำหรับเอ็ดเวิร์ดแล้ว นี่แหละคือนางฟ้าเดินดินของเขา ทำให้หลังจากที่เจอกันหนุ่มแคนาดาก็พยายามหาทุกวิธีเพื่อที่จะชนะใจสาวไทยและไม่อาจมองสาวคนไหน หรือเผลอใจให้ใครได้อีก จะรักและดูแลผู้หญิงคนนี้คนเดียวจนถึงวินาทีสุดท้าย
เฟิร์นบอกว่า ทุกวันนี้ก็สงสารสามีที่ต้องบินไปมาระหว่างแคนาดากับไทยทุกเดือน ซึ่งเป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานและทุกครั้งที่เอ็ดเวิร์ดมาหา แม้จะไม่บอกแต่เธอก็สัมผัสได้ว่ามีความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและใช้เวลาด้วยกันเพียงไม่กี่วันก็ต้องกลับไปที่แคนาดาอีก มีหลายครั้งที่เป็นห่วงและบอกกับสามีว่าไม่จำเป็นต้องมาทุกเดือนเพราะก็วิดีโอคอลเห็นหน้ากันประจำอยู่แล้ว นอกจากการเดินทางจะเสียเวลา เสียสุขภาพแล้ว ยังเสียดายเงินด้วย แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยืนยันว่าจะคงมาหาทุกเดือนจนกว่าเฟิร์นจะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในประเทศแคนาดา
แม้ว่าจะแต่งงานมาแล้วกว่าครึ่งปีแต่เฟิร์นก็ยังอาศัยอยู่เมืองไทย โดยปัจจุบันทำงานบริษัทจัดซื้อสินค้าต่างประเทศแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ เนื่องจากยังอยากใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและอยู่ในแผ่นดินเกิดให้นานที่สุดก่อนผันตัวไปอยู่กับสามียังถิ่นไกล เพราะส่วนตัวแล้วค่อนข้างเป็นคนติดครอบครัว ทั้งยังไม่เคยไปประเทศแคนาดาอาจต้องมีการปรับตัวอีกมาก ส่วนการวางแผนอนาคตนั้น เฟิร์นและสามีก็อยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกหลายๆ คนไว้สืบทอดวงศ์ตระกูล และดูแลตนยามแก่เฒ่า โดยมีการตรวจสุขภาพหลายครั้งแม้จะพบว่าเฟิร์นมีปัญหาสุขภาพอาจมีบุตรค่อนข้างยาก แต่ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ทุกวิถีทางเพื่อเติมเต็มชีวิตต่อไป
ที่มา:komchadluek
0 comments:
Post a Comment