


เมื่อคืนที่ผ่านมา แฟนๆ ของผลิตภัณฑ์แอปเปิลทั่วโลก ก็คงจะได้ติดตามการถ่ายทอดสดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ส่งท้ายปีของแอปเปิลกันไปแล้ว เช้านี้จะขอสรุปผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวและไฮไลท์สำคัญที่เกิดขึ้นมาได้ทราบกัน
Apple Watch ที่เพิ่มสี Rose Gold หรือทองอมชมพูในรุ่นสปอร์ต และสายรัดแบบหนังของแอร์แมส ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของ Apple Watch อยู่แล้วสามารถอัพเกรตระบบปฏิบัติการใหม่เป็น Watch OS 2 ได้วันที่ 16 กันยายนนี้
iPad Pro แท็บเล็ตหน้าจอ 12.9 นิ้ว ซึ่งถือว่าหน้าจอใหญ่ที่สุดที่แอปเปิลเคยผลิตมา หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นหมายถึงฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจาก iPad รุ่นเดิมด้วย นั่นก็คือการรองรับสมาร์ทคีย์บอร์ด ที่ทำหน้าที่เป็นสมาร์ทคัฟเวอร์ ขาตั้งเครื่อง และคีย์บอร์ดในตัว อุปกรณ์เสริมชิ้นที่สองก็คือ Apple Pencil สไตลัสรูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับกลไกภายในที่รับรู้ได้ว่าผู้ใช้งานออกแรงกดที่บริเวณส่วนไหนของด้าม ทำให้เส้นที่ตวัดลงไปบนหน้าจอมีความหนาบางตามส่วนของปลายที่กดไป คล้ายๆ กับการใช้ดินสอแรเงา
iPad Pro ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์ หรือประมาณ 27,000 บาท วางจำหน่ายเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนอุปกรณ์เสริมสองชิ้นที่ใช้งานร่วมกับ iPad Pro จำหน่ายแยกต่างหาก โดย Apple Pencil ราคาอยู่ที่ 99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,400 บาท ส่วน Smart Keyboard ราคา 169 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5,700 บาท
Apple TV รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ tvOS ความสามารถของระบบปฏิบัติการนี้ก็คือร้านค้า App Store ที่ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปเกม โซเชียลมีเดีย และแอปอื่นๆ ตามต้องการได้เช่นเดียวกันกับดีไวซ์อื่นๆ ของแอปเปิล ขณะที่รีโมตของ Apple TV รุ่นใหม่ก็มาพร้อมกับคำสั่งที่ทำได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทัชแพดที่ใช้เลื่อนคำสั่งขึ้น ลง ซ้าย ขวา ปุ่มไมโครโฟนสำหรับป้อนคำสั่งเสียงผ่าน Siri ขณะที่ตัวรีโมทก็มาพร้อมกับเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว ซึ่งในงานแอปเปิลได้สาธิตการเล่นเกมที่ใช้ไม้เบสบอลหวดลูกบอลไปยังคู่ต่อสู้ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่จับรีโมทและตวัดข้อมือ ส่วนฟีเจอร์เรื่องการดูหนัง ฟังเพลง และชมคอนเทนต์แบบสตรีมมิ่งก็จัดเต็มเหมือนเช่นเคย
Apple TV รุ่นใหม่ราคาเริ่มต้นที่ 149 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5,000 บาท พร้อมจำหน่ายปลายเดือนหน้า
iPhone 6S และ 6S Plus สมาร์ทโฟนสองรุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ 3D Touch ที่สามารถแยกแยะความหนักเบาในการสัมผัสหน้าจอในการแสดงคำสั่งที่แตกต่างกัน กล้องหลัง iSight ที่เพิ่มความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์จับภาพที่รวดเร็วขึ้น สามารถถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียดเพิ่มเป็น 5 ล้านพิกเซล โดยในโหมดเซลฟี ผู้ใช้งานสามารถเปิดให้หน้าจอทำหน้าที่เหมือนแฟลช เมื่อกดถ่ายภาพ จอก็จะเปล่งแสงออกมาให้สว่างกว่าปกติ 3 เท่า ช่วยให้การถ่ายเซลฟีในที่มืดนั้นชัดเจนขึ้น ไม่ต้องพึ่งไฟจากสมาร์ตโฟนเครื่องอื่นอีกต่อไป
ที่มา:news.voicetv
0 comments:
Post a Comment