แต่ไม่ใช่หมายความว่า ใครจะอ้างสิทธิมนุษยชนเพื่อจะรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายอย่างพร่ำเพรื่อ
1. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ้างสิทธิส่วนบุคคล ถูกละเมิด
ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร คอยติดตาม
ฝ่ายรัฐบาลชี้แจงว่า เพื่อไปดูแลความปลอดภัย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่ารัฐบาลจะตกเป็นจำเลย
แม้รัฐบาลจะไม่พูดว่า ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามเพราะกลัวว่ายิ่งลักษณ์จะหลบหนี แต่คนในสังคมจำนวนมากก็คิดเห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องกังวลในเรื่องนี้ไปแล้ว
ต้องไม่ลืมว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็น “จำเลยคดีอาญา” ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลกำหนดว่าการไต่สวนกำลังจะเสร็จสิ้นในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้
พูดง่ายๆ ใกล้จะมีคำพิพากษาออกมาแล้ว
ถ้ารอด ก็คือรอด
ถ้าคุก ก็คือคุก
แล้วยังมีกรณีเรียกค่าเสียหายกว่า 35,000 ล้านบาท อีกต่างหาก
ยังไม่นับคดีที่ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.อีกหลายกรณี
เวลานี้ ยิ่งลักษณ์ออกมาเดินเหินได้ มิใช่จะมีเสรีเต็มร้อยเหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่อยู่ในเงื่อนไขประกันตัวที่ศาลฎีกาฯ อนุญาตไว้ เช่น จะเดินทางออกนอกประเทศต้องขออนุญาตศาล (เหมือนกับผู้ต้องคดีคนอื่นๆ) เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ พี่ชายของยิ่งลักษณ์ คือ นายทักษิณ ก็เคยอ้างสิทธิ ขอเดินทางออกนอกประเทศก่อนที่ศาลฎีกาฯจะตัดสินคดี แล้วหนีไปเลย ไม่ยอมกลับมาตามคำมั่นสัญญามาก่อนแล้ว
ตัวยิ่งลักษณ์ก็ยังติดต่อกับทักษิณ นับว่ามีช่องทาง มีศักยภาพ จึงไม่แปลกหากเจ้าหน้าที่จะต้องกันไว้ก่อน
แถมที่ผ่านมา คนในเครือข่ายเสื้อแดง มักนำไปอ้างแบบมั่วๆ ว่า ที่ทักษิณหนีคดีไป เพราะทางการไทยเปิดทางให้หนี ยิ่งทำให้ทางการไทยต้องระมัดระวังกว่าเดิมมิฉะนั้น จะเกิดความเสียหายต่อระบบยุติธรรมส่วนรวม
ปรากฏว่า พวกพ้อง ยังพยายามอ้างอาการป่วย อ้างสิทธิผู้ป่วย
จะขอออกไปอยู่โรงพยาบาลนอกคุก
จริงๆ แล้ว ทุกอย่างมีขั้นตอนปฏิบัติ แต่จะต้องป่วยหนักจริงๆ
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การรักษาผู้ต้องขังนั้นมีขั้นมีตอน หากเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ให้รักษาตัวในสถานพยาบาลของทางราชทัณฑ์ หากเจ็บป่วยเกินขีดความสามารถของทางแพทย์กรมราชทัณฑ์ อาทิ ต้องใช้หมอเฉพาะทางหรือเครื่องไม้เครื่องมือไม่พอ ก็จะทำการประสานโรงพยาบาลจากภายนอกที่มีความสามารถรักษาอาการได้ โดยในเคสของนายจตุพร ล่าสุด อาการดีขึ้นแล้ว ก็มีพยาบาลเป็นคนคอยตรวจ ถ้าดูแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ก็จะส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลของทางกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง หากเเพทย์วินิจฉัยอาการแล้วต้องการเครื่องมือ หรือแพทย์เฉพาะทาง ก็จะส่งต่อออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกได้ ซึ่งอาการล่าสุดที่ได้รับรายงานมา ทราบว่าอาการของนายจตุพรดีขึ้นแล้ว โดยแพทย์ยืนยันว่าไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว เดินเหินได้ พูดจาดี นอนหลับ ปลอดภัยอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว
การอ้างป่วย มิใช่ใบเบิกทางไปสู่การอยู่เหนือกฎหมาย
การอ้างว่าป่วย แต่ถูกจับได้ว่าใบรับรองแพทย์ออกมาโดยแอบอ้างโรงพยาบาลรัฐ
แพทยสภาจะขอตรวจพิสูจน์ว่าป่วยหนักจริงหรือไม่ ก็ไม่ยอมให้ตรวจ
แบบนี้ คนธรรมดาที่ยังพอมีสามัญสำนึก ย่อมจะดูออกว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า ต้องดำเนินคดีกันต่อไป เพราะเป็นคดีความไปแล้ว วันนี้ออกมานอกวัดไม่ได้ เพราะออกมาก็โดนจับ แต่ถ้าอยู่ในวัด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็เข้าไปจับ
เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะถ้าปล่อยให้อยู่เหนือกฎหมาย โดยอ้างเช่นนี้ ต่อไป ใครป่วย ก็ไม่ต้องขึ้นศาล ไม่ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์จากข้อกล่าวหาตามระบบยุติธรรมของประเทศ
4. ระบบยุติธรรมมิใช่ระบบสมัครใจ
มิใช่ว่า ใครสมัครใจเท่านั้น จึงจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
มิใช่ว่า จะอ้างสิทธิส่วนบุคคลพร่ำเพรื่อ โดยไม่สนใจบริบทของกฎหมาย ว่าตนเองอยู่ในสถานะใด
สำคัญที่สุด คือ ประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ถ้าเช่นนั้น คนรวยก็ไม่ต้องเข้าคุก คนป่วยก็ไม่ต้องขึ้นศาล
จะมีแต่คนจนและคนที่เคารพกติกาเท่านั้น ที่ต้องก้มหน้าเดินเข้าต่อสู้คดีตามระบบยุติธรรม
เลิกอ้างสิทธิพร่ำเพรื่อเรี่ยราด
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment