จ่าต้อยโร่มอบตัว ปัดร่วมแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่ อ้างแค่รับงานอารักขา

“จ่าต้อย” โร่มอบตัวอีกราย พัวพันแก๊ง “พล.ต.” อุ้มรีดค่าไถ่ชาวจีนเจ้าของสายการบิน อ้างรับงานว่าจ้างให้อารักขาบุคคล ซ้ำฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่องปัดเกี่ยวข้องเหตุจับนักธุรกิจดังเรียกค่าไถ่

จากกรณีที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.หรือตำรวจ 191 พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.สปพ.ร่วมกับตำรวจ สน.โคกคราม จับกุม พล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา สารวัตร (สอบสวน) กก.5 บก.ปอศ. นายโอภาส ศรียา นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ และทหารกรมสารวัตรทหารเรือ 4 ราย ประกอบด้วย จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี และ จ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม ภายหลังทั้งหมดร่วมกันอุ้มรีดค่าไถ่ นายสุรชัย แซ่ย่าง ประธานบริษัท คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสายการบิน และ นายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการบริษัทฯ เป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ญาติขอต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท โอนเงินไปให้แก๊งคนร้าย ก่อนที่นายสุรชัย จะถูกปล่อยตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ต่อมา พนักงานสอบสวนให้ประกันตัว พล.ต.จรูญ และทหารกรมสารวัตรทหารเรือ 4 ราย ขณะที่ศาลให้ประกันตัว พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ และนายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ส่วนนายโอภาส ไม่มีหลักทรัพย์ประกันตัว จึงถูกคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 2 คน คือ นายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา โดยอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี นั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ สน.โคกคราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฐิติกร ชื่นอุรา หรือจ่าต้อย อายุ 38 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ได้เดินทางมอบตัวกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ และ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม พร้อมคณะ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นายฐิติกร ได้ประสานขอเข้ามอบตัวกับตำรวจเอง สำหรับนายอุทิศ ก่อแก้ว หรือจ่ายักษ์ ได้ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว แต่จะเดินทางเข้ามอบตัวหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่รอ และคงจะต้องติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ อย่างไรก็ดี การแจ้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร นั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 1-2 วันนี้ โดยขึ้นอยู่ที่พนักงานสอบสวนจะยื่นต่อศาล เพื่อให้พิจารณา ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า พล.ต.จรูญ ปล่อยกู้เงินนอกระบบ ที่ย่านดอนเมือง นั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลดังกล่าว


ด้าน นายฐิติกร ให้การว่า รู้จักกับนายอุทิศ ประมาณ 1-2 เดือน ก่อนถูกชักชวนและว่าจ้างให้ไปที่บริษัทของนักธุรกิจรายดังกล่าว โดยไปอารักขาคนของนายอุทิศ ที่จะไปรับนักธุรกิจชาวจีน เพื่อไปพบกับพล.ต.จรูญ ที่โรงเรียนย่านดอนเมือง ซึ่งตนเคยเป็นทหารสังกัด พล.ร.9 และรับงานกับพวก รวม 5 คน โดยตนเป็นหัวหน้าทีม ได้รับเงินค่าจ้าง 2,000 บาท ส่วนลูกน้องได้คนละ 1,500 บาท แต่ตนกับพวกทำหน้าที่เดินตามอารักขาเพียงอย่างเดียว ไม่ทราบเรื่องที่คนของนายอุทิศ เข้าไปพูดคุยกับชาวจีนภายในห้อง

นายฐิติกร ให้การอีกว่า ตลอดทางมีการพูดคุยกันเป็นภาษาจีน ตนไม่เข้าใจจึงไม่ทราบว่าเป็นการอุ้มตัวไปรีดทรัพย์ หลังจากเสร็จงานรับเงินแล้วก็เดินทางไปงานศพญาติ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไม่นานก็ทราบว่าลูกน้องมีปัญหา จึงโทรศัพท์ไปขอให้นายอุทิศ ช่วยเคลียร์ แต่ติดต่อได้เพียง 2 ครั้ง แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีก กระทั่งมาทราบผ่านทางสื่อโซเชียล ว่าถูกออกหมายจับ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ สำหรับผู้ต้องหาใส่หมวกสีเขียวที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ทราบว่าชื่อเสี่ยหนุ่ม ซึ่งเป็นคนของจ่ายักษ์

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากนายฐิติกร เดินทางเข้ามอบตัว โดยมีการตั้งหลักทรัพย์ในการประกันตัวไว้ที่ 100,000 บาท แต่ทางนายฐิติกร มีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงไม่ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน

มีรายงานข่าวว่า สำหรับนายฐิติกร นั้น เป็นสารวัตรทหาร (สห.) นอกราชการ สังกัดกรมทหารพราน ได้รับค่าจ้าง 2,000บาท โดยอ้างว่ารับงานอารักขาทั่วไป อาทิ งานคอนเสิร์ต งานวัดต่างๆ


ที่มา:  naewna