
นายอารีย์ ชวลิตชีวินกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรีจินอล เอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอสซีจี เชื่อมั่นในศักยภาพของอาเซียน และคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนจะขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี ในไตรมาสที่ผ่านมา ความต้องการปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่จากโครงการก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และที่อยู่อาศัยที่เติบโตสูงขึ้น จากการขยายตัวของลูกค้ากลุ่มที่มีระดับรายได้ปานกลาง ซึ่งมีความต้องการสร้างบ้านสูงขึ้น รวมถึงการสนับสนุนของภาครัฐในด้านการลงทุน การท่องเที่ยว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภค โดยปูนซีเมนต์ของเอสซีจีเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูง จึงมีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขัน และมีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอสซีจีจึงมุ่งเน้นการส่งออกไปยังอาเซียน โดยครึ่งปีแรกของปี 2558 เอสซีจีมีรายได้จากการส่งออกสินค้าปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างไปยังกัมพูชาร้อยละ 15 ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมด รายได้จากฐานการผลิตของเอสซีจีในกัมพูชาร้อยละ 16 ของรายได้จากฐานการผลิตทั้งหมดในอาเซียน (นอกเหนือประเทศไทย) นอกจากนี้ เอสซีจียังเดินหน้าโครงการลงทุนต่อเนื่องตามแผน โดยโรงงานปูนซีเมนต์ไลน์การผลิตที่สองในประเทศกัมพูชาจะเริ่มผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้ภายในปีนี้
ขณะเดียวกัน เอสซีจีมีการลงทุนโรงงานผลิตปูนซีเมนต์นอกประเทศแห่งแรกในกัมพูชา ล่าสุดกำลังจะเปิดไลน์ผลิตที่ 2 ทำให้มีกำลังผลิตรวมกัน 2 ล้านตัน/ปี ภายในระยะเวลา 5 ปี บริษัทจึงได้เตรียมวางแผนจะใช้เงินลงทุนราว 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายกำลังการผลิตสายที่ 3 ในประเทศกัมพูชา รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จอีกเท่าตัวอีกด้วย
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกในภูมิภาคอาเซียนเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 3-5% แบ่งเป็นธุรกิจที่ส่งออกมาจากไทยราว 13% และธุรกิจนอกประเทศราว 10% ของยอดขายรวมเอสซีจี หรือเมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวมในอาเซียนประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยตลาดในกัมพูชาถือว่ามีศักยภาพอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีการขยายตัวทางภาคของที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ซึ่งยอดขายในกัมพูชารวมแล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท
ด้านนายสมหวัง แม้นพิมลชัย Country Director-Cambodia กล่าวว่า เอสซีจีดำเนินธุรกิจในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2550 โดยเริ่มจากการส่งออกสินค้าปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกในกัมพูชา ด้วยกำลังการผลิต 1.0 ล้านตันต่อปี จากนั้นขยายกำลังผลิตโดยจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ไลน์การผลิตที่สอง กำลังการผลิต 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งกำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 2 ล้านตัน นอกจากนี้ เอสซีจียังผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ CPAC Ready Mixed Concrete by SCG และหลังคาคอนกรีต รวมถึงพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีคุณภาพ
“ในขณะนี้เริ่มมีนักลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาขยายการผลิตปูนซิเมนต์ในประเทศกัมพูชามากขึ้น โดยในส่วนของเอสซีจีได้เข้ามาทำตลาดก่อนหน้านี้แล้ว และเรียกว่าสามารถขึ้นเป็นผู้นำได้แล้ว แต่กระนั้นก็ได้รับผลกระทบจากสินค้าผู้ผลิตชาวจีนเช่นกัน เพราะผู้ประกอบการได้เน้นการแข่งขันด้านราคามากกว่า หรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าราว 10% เชื่อว่าผู้เล่นรายอื่นก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยนี้ด้วยเหมือนกัน”
นอกจากนี้ กลยุทธ์ที่เอสซีจีจะใช้ในกัมพูชาเพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดได้นั้น มองว่าคงเน้นเรื่องคุณภาพที่เอสซีจีมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในส่วนนี้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ครองใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนานมากกว่าลงไปแข่งขันด้านราคา ขณะเดียวกันยังจะสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีเซ็กเมนต์ที่หลากหลาย เพื่อสามารถเข้าถึงลูกค้าและตอบโจทย์ได้หลากหลาย
“บริษัท กัมปอตซิเมนต์ จำกัด ในเอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ถือเป็นโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกของเอสซีจีในต่างประเทศ ผลิตปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์และปูนซีเมนต์สำหรับก่อฉาบเท ภายใต้ตราสินค้า “K Cement” เรามีแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำระบบบำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ในอุตสาหกรรมการผลิต หรือ Total Productive Maintenance (TPM) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Semi-open Cut Mining เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ รวมถึงดำเนินกิจกรรมดูแลสังคมและชุมชนโดยรอบโรงงานด้วยความจริงใจ เพื่ออุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน” นายสมหวัง กล่าว
ปัจจุบัน เอสซีจีมีพนักงานในกัมพูชา (International Staff) จำนวน 31 คน และ SCG Staff จำนวน 461 คน โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมให้พนักงานเอสซีจีในกัมพูชาอย่างจริงจัง ทั้งการฝึกอบรมทักษะด้านภาษาอังกฤษ และภาษาท้องถิ่น รวมถึงพัฒนาให้มีจิตสำนึกเรื่องการทำงานในต่างประเทศ และความสามารถในการถ่ายทอดเพื่อช่วยพัฒนาพนักงานท้องถิ่นได้ด้วย เพื่อสร้าง SCG Staff ที่เป็นคนกัมพูชาให้มีความพร้อมและสามารถขึ้นเป็นผู้บริหารในประเทศนั้นๆ ได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนในกัมพูชา เอสซีจี จึงจัดโครงการ SCG Sharing the Dream อย่างต่อเนื่อง โดยริเริ่มโครงการในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2014 ในปีนี้ เอสซีจีได้มอบทุนการศึกษาให้กับน้องๆ เยาวชนชาวกัมพูชารวม 150 ทุน อุปกรณ์การศึกษาและให้คำปรึกษาทางด้านการศึกษา รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ปัจจุบันเอสซีจีได้มอบทุนการศึกษาภายใต้โครงการ SCG Sharing the Dream ปีละกว่า 5,000 ทุน ในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมา ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา และประเทศไทย
ที่มา,banmuang.co.th
0 comments:
Post a Comment