
ก. ค. ไทยส่งออกรถทะลุแสนคัน เพิ่มขึ้นกว่า 11% โกยเงินเฉียด 5 หมื่นล้านบาท จากการส่งรถกระบะรุ่นใหม่ขายทั่วโลก รวมทั้งอีโคคาร์ เมด อินไทยแลนด์ มียอดสั่งซื้อต่อเนื่อง แต่ตลาดในประเทศยังฟุบ ยอดขายแค่ 6 หมื่นคัน วูบกว่า 12% เหตุกำลังซื้อหดตัว คนระวังการใช้จ่าย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือนกรกฎาคม 2558 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 102,359 คัน เพิ่มขึ้น 11.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการส่งออกรถกระบะรุ่นใหม่ และการส่งออกรถอีโคคาร์ยังเติบโตดี โดยมีมูลค่าการส่งออก 49,458.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,506.24 ล้านบาท ลดลง 2.45% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 18,275.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.86% อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,224.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.58% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ เดือนกรกฎาคม 2558 มีมูลค่า 72,464.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.61%
เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2558 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 678,432 คัน เพิ่มขึ้น 4.08% มีมูลค่าการส่งออก 314,122.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.86% เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 16,637.99 ล้านบาท ลดลง 8.54% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 115,991.15 ล้านบาท ลดลง 2.4% อะไหล่รถยนต์มีมูลค่าการส่งออก 13,073.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.76% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2558 มีมูลค่า 459,824.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.45 %
ส่วนรถจักรยานยนต์เดือนกรกฎาคม 2558 มีจำนวนส่งออก 65,960 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลง 7.49% โดยมีมูลค่า 3,082.13 ล้านบาท ลดลง 19.57% ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 200.31 ล้านบาท ลดลง 38.27% อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 115.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.78% รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนกรกฎาคม 2558 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 3,398.21 ล้านบาท ลดลง 20.25 %
เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2558 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 569,227 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้น11.95% โดยมีมูลค่า 29,622.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.07% ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,982.57 ล้านบาท ลดลง 35% อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 757.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.86% รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2558 มีทั้งสิ้น 32,361.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.29%
รายงานจากส.อ.ท. ระบุว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2558 มีทั้งสิ้น 165,863 คัน เพิ่มขึ้น 9.6% เนื่องจากเริ่มผลิตรถกระบะรุ่นใหม่แล้วและผลิตรถอีโคคาร์เพื่อส่งออกได้มากขึ้น ในจำนวนนี้ แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง ผลิตได้ 65,005 คัน เพิ่มขึ้น 10.81% เนื่องจากผลิตเพื่อการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 19.19% รถยนต์โดยสารขนาดตํ่ากว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตันขึ้นไป ผลิตได้ 48 คัน ลดลง 22.58% รถยนต์รถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตได้ทั้งหมด 98,545 คัน เพิ่มขึ้น 8.42% รถบรรทุกขนาดตํ่ากว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนกรกฎาคม 2558 ผลิตได้ 2,265 คัน เพิ่มขึ้น 31.99 %
ส่วนจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,101,114 คัน ลดลง 0.21% แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 461,729 คัน เพิ่มขึ้น 7.32% รถยนต์โดยสารขนาดตํ่ากว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ผลิตได้ 313 คัน ลดลง 8.21% รถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตได้ทั้งสิ้น 623,181 คัน ลดลง 5.88 % รถบรรทุกขนาดตํ่ากว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน ผลิตได้ 15,891 คัน เพิ่มขึ้น 48.14%
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2558 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 60,863 คัน ลดลง 12.5% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 22,229 คัน ลดลง 25.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 38,634 คัน ลดลง 3.1% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนต์นี้ จำนวน 31,604 คัน ลดลง 3.9%
“ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม มีปริมาณการขาย 60,863 คัน ลดลง 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 25.1% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 3.1% สืบเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรที่ยังทรงตัวในระดับตํ่า และภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำลังซื้อยังไม่ขยายตัว ทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือน มีปริมาณการขาย 429,972 คัน ลดลง 15.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 20.8% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 12.2% สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศยังคงฟื้นตัวช้า ส่งผลทางจิตวิทยาต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนซึ่งมีผลถึงตลาดรถยนต์”
นายวุฒิกรกล่าวต่อไปว่า ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคม แนวโน้มทรงตัว จากการเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุนจากภาครัฐ ที่ส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ จากค่ายรถยนต์ต่างๆ ตลอดจนการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แกรนด์ มอเตอร์ เซลส์ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ดีดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ส่งผลให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคมยังอยู่ในภาวะทรงตัว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3083 วันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน พ.ศ. 2558
ที่มา,thansettakij.com
0 comments:
Post a Comment