ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งส่วนตัวขอยืนยันเกิดจากความบริสุทธิ์ใจ ที่อยากมีส่วนในการทำหน้าที่ตำรวจ หรือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่คอยดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุข ใกล้ชิดพี่น้องประชาชนอีกทาง ซึ่งตำรวจเป็นอาชีพทรงเกียรติ เสียสละ ทำงานหนัก เป็นผู้รักษากฎหมาย เพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับประชาชน
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาส่วนตัวได้ทำงานร่วมกับตำรวจบางสถานการณ์รับรู้ความทุกข์ยาก โดยเฉพาะตำรวจชั้นประทวน ทำให้มีความเข้าใจและอยากมีส่วนร่วมในการศึกษากระบวนการทำงานของตำรวจ เพราะตำรวจยังขาดแคลนบุคลากรและงบประมาณ ซึ่งถ้ามีโอกาสส่วนตัวไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมเป็นตำรวจ
“การเปิดรับสมัครตำรวจมีประจำทุกปี ต้องผ่านการคัดเลือกตามระเบียบของสำนำงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และดิฉันได้ดำเนินการตามปกติ ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ ซึ่งยืนยันว่าดิฉันยังไม่ได้รับบรรจุเป็นยศ ร.ต.ต.ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ และปัจจุบันยังไม่ทราว่าจะสอบผ่านการคัดเลือกหรือไม่”น.ส.จิตภัสร์ กล่าว
นองจากนี้ การชุมนุมที่ผ่านมา แม้ส่วนตัวมีบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา แต่ไม่มีเจตนาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพี่น้องตำรวจ แต่ได้แสดงออกอยากให้ตำรวจเป็นที่พึ่งแท้จริงของประชาชน แม้ในสถานการณ์การชุมนุมได้เจอกับตำรวจ ต่างมีน้ำจิตน้ำใจไม่ตรีต่อกัน เพราะเข้าใจว่าต่างคนดำเนินการไปตามหน้าที่
ส่วนกรณีมีภาพปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งทำลายป้าย สตช. และต่อมามีการนำภาพดังกล่าวตัดต่อว่าเป็นตนเอง ยืนยันไม่เป็นความจริง รวมถึงการให้สัมภาษณ์ในช่วงชุมนุมที่เป็นภาษาอังกฤษ มีการบิดเบือน ซึ่งไม่เป็นความจริง
“ทุกวันนี้น่าเป็นห่วงมาก มีการทำสงครามข่าวสาร โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงแต่ละเหตุการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยในปัจจุบันจมปรักในความขัดแย่ง ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ดังนั้น เพื่อไม่ให้กรณีของดิฉัน ที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องเกิดความไม่สบายใจและถกเถียงกัน โดยเฉพาะแวดวงข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้น อันจะทำให้กลายเป็นความไม่สงบสุขในองค์กรตำรวจ หรือขยายผลไปเป็นความขัดแย้งในสังคม ดิฉันจึงตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อไปตามขั้นการคัดเลือกเป็นข้าราชการตำรวจ”น.ส.จิตภัสร์ กล่าวและว่า ท้ายที่สุดขอบคุณทุกกำลังใจ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่คงไม่มีวาสนาเข้ามาทำงานตำรวจ สวมเครื่องแบบในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และพร้อมนำคำติมาพัฒนาตัวเอง และรับใช้ประชาชน ในฐานะผู้หญิงที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อทำประโยชน์ให้ทุกคนอย่างไม่ย่อท้อ และอยากเห็นคนไทยมอบความรักให้กัน แทนความเกลียดชังบนความขัดแย้งแตกแยก เพื่อเดินหน้าประเทศไทยอย่างแข็งแกร่งยังยืนต่อไป
น.ส.จิตภัสร์ กล่าวยืนยันด้วยว่า การตัดสินใจเข้าเป็นตำรวจ เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ปรึกษา ซึ่งพอเกิดกระแสสังคมทุกคนในบ้านให้กำลังใจทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ไม่ว่าอยู่จุดไหนก็ตาม จะมีตำแหน่งหรือไม่มีก็ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศต่อไป จากนี้ ส่วนตัวก็จะทำงานด้านภาคประชาชนต่อไป ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศ ขณะที่งานด้านการเมืองให้ถือเป็นเรื่องของอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศระหว่างการแถลงข่าวนั้น น.ส.จิตภัสร์ มีน้ำเสียงสั่นเครือและสีหน้าคล้ายกับจะร้องไห้ โดยเฉพาะเมื่อระบุถึงการตัดสินถอนตัวและจะไม่ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนการรับราชการตำรวจ และหลังจากแถลงข่าวเสร็จได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพียงเล็กน้อย ก่อนลุกออกจากห้องแถลงข่าวไปทันที
นอกจากนี้ ยังมีจดหมายเปิดผนึกของ น.ส.จิตภัสร์ ถึง ด.ต.ธีรเดช เล็กภู ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บการเตะระเบิดช่วงระหว่างการชุมนุม กปปส. โดยมีเนื้อหาระบุตอนหนึ่งว่า “แม้เราจะทำหน้าที่ต่างกัน แต่ตั๊นขอกราบคาราวะในการเสียสละของท่าน ที่มีให้เพื่อนพ้องของท่าน จิตใจนักสู้ของท่านเหนือสิ่งอื่นใด ขอนับถือในการเสียสละของตัวท่านเอง เพื่อปกป้องเพื่อนพ้องของท่าน ไม่งั้นคงมีพี่น้องตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หาได้ยากกับการเสียสละยิ่งใหญ่ขนาดนี้”
ที่มา:manager
0 comments:
Post a Comment