Tuesday, September 1, 2015

Tagged Under:

จยย.รับจ้างยืนยัน ตัวมือบึม ที่โดนจับชายแดน เบื้องต้นรับเป็น 'อุยกูร์'

By: news media On: 5:11 PM
  • Share The Gag

  • กองกำลังบูรพารวบชาวต่างชาติต้องสงสัย เป็นมือระเบิดแยก ขณะลัดเลาะไปตามป่าละเมาะหนีเข้าเขมรทางช่องทางธรรมชาติ ชายแดนสระแก้ว ผบ.กกล.บูรพา รุดสอบเอง เพราะลักษณะรูปพรรณคล้ายมือบึมเสื้อเหลืองที่ถูกออกหมายจับ ซ้ำยังพบกางเกงสามส่วนแบบเดียวกับที่คนร้ายใส่ในวันก่อเหตุด้วย “บิ๊กตู่” บอกได้รับรายงานแล้ว สั่ง จักรทิพย์บินรับตัวกลับมาสอบเข้ม มีรายงานเบื้องต้นรับแล้วเป็นชาวอุยกูร์ อยู่แยกราชประสงค์ในวันเกิดเหตุ แหล่งข่าวบอกผู้ต้องสงสัยไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ขณะที่โฆษก ตร.อุบ ยังอยู่ในขั้นตอนสอบสวน รายละเอียดจะแถลงอีกครั้ง ยันเป็นข่าวดีแน่นอน วันเดียวกัน ศาลอนุมัติหมายจับแก๊งบึมอีก 3 คน รวมยอดแก๊งบึมถูกออกหมายจับขณะนี้ 7 คนแล้ว ด้านนครบาลย้ายตำรวจหนองจอก-มีนบุรี กราวรูด 16 นาย เซ่นคดีบึม ตั้งแต่ ผกก.ยัน ผบ.หมู่ ขณะที่ ผบ.ตร.บอกเหตุผลย้าย 6 ตม.สระแก้ว เพราะปล่อยให้มีชาวต่างชาติ และแรงงานผิดกฎหมายเข้าประเทศ

    หลังจากตำรวจชุดคลี่คลายคดีระเบิด เปิดฉากจับกุมนายบิลา มูฮัมหมัด หรือชื่อในหนังสือเดินทางประเทศตุรกีที่คาดว่าเป็นของปลอมว่า นายอาเดม การาดัค 1 ในแก๊งบึมได้ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก พร้อมอุปกรณ์ทำระเบิดจำนวนมาก รวมทั้งพาสปอร์ตปลอมมากกว่า 250 เล่ม โดยชุดสืบสวนอีกชุด บุกตรวจค้นห้องพักในไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยบุญยะบา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี พบสารตั้งต้นทำระเบิดอีกจำนวนหนึ่ง ตรวจสอบของกลางที่พบทั้ง 2 แห่ง เชื่อว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดทั้งที่แยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทร เมื่อวันที่ 17-18 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายบิลา ไปสอบปากคำเค้นหาผู้ร่วมขบวนการที่เชื่อว่ามีมากกว่า 10 คน ล่าสุดพนักงานสอบสวนออกหมายจับแก๊งบึมเพิ่มอีก 2 คน คือ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ อายุ 26 ปี สาวจังหวัดพังงา ผู้เช่าห้องพักที่ไมมูณา การ์เด้นโฮม และชายตามภาพสเกตช์อีก 1 คน ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.สั่งย้าย ผกก.ตม.สระแก้ว มาช่วยราชการประจำศปก.ตร.โดยไม่มีกำหนด หลังพบว่าเหตุระเบิดมีความเกี่ยวพันขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ โดยมีข้อมูลลับตำรวจ ตม.สระแก้ว มีส่วนช่วยเหลือสนับสนุน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังคงตามล่าหาตัวชายวัยรุ่นคล้ายแขกขาว สวมเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงขาสามส่วน มือวางระเบิดท้าวศาลมหาพรหมอย่างต่อเนื่อง

    รวบมือบึมขณะเผ่นข้ามเขมร

    ล่าสุดทหารดักรวบผู้ต้องสงสัยมือระเบิดศาลท้าวมหาพรหมได้แล้ว โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.ย. พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) สั่งการให้ พ.อ.ปรมาธร บุนนาค ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพาและ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201 ประสาน พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังลาดตระเวนไปตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณทิศเหนือตลาดโรงเกลือห่างจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประมาณ 3 กม. เพื่อสกัดกั้นการหลบหนีออกนอกประเทศของกลุ่มผู้ก่อเหตุวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อลาดตระเวนมาตามถนนศรีเพ็ญ มาถึงบริเวณป่าละเมาะริมชายแดน เขตพื้นที่บ้านดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบชายต้องสงสัยลากกระเป๋าเดินทางสีดำ เดินผ่านป่าละเมาะมุ่งหน้าสู่เขตแดนประเทศกัมพูชา จนท.จึงนำกำลังเข้าสกัดจับไว้ได้ เบื้องต้นพบเป็นชายชาวต่างชาติ ใบหน้าและลักษณะคล้ายภาพสเกตช์ผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่ลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ และศาลได้ออกหมายจับตามภาพวงจรปิด จนท.จึงรีบรายงานให้ พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ทราบเป็นการด่วน

    จักรทิพย์ บินรับตัวเข้ากรุงเทพฯ

    ต่อมา พล.ต.ศรีศักดิ์ ได้รุดเดินทางมาสอบสวนด้วยตัวเอง พบชายคนดังกล่าวมีใบหน้าและลักษณะคล้ายผู้ต้องสงสัยวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ จึงควบคุมตัวมาไว้ที่กองร้อยทหารพรานคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมทั้งตรวจค้นภายในกระเป๋าเดินทาง พบเสื้อผ้า และกางเกงขาสามส่วน ลักษณะคล้ายกางเกงที่ผู้ต้องหาใส่ในวันก่อเหตุ โดย พล.ต.ศรีศักดิ์ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ทบ.ทราบเป็นการด่วน ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.หลังรับการประสาน ได้ขึ้น เฮลิคอปเตอร์ จาก กทม.มารับตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ที่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปสอบสวนต่อที่ กทม. ทันที โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆแต่อย่างใด

    อีก 500 เมตรจะพ้นแดน

    พล.ต.ศรีศักดิ์กล่าวถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กำลังจุดตรวจความมั่นคงทหารและตำรวจ พื้นที่บ้านป่าไร่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา 500 เมตร ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติท่าทางมีพิรุธพร้อมลากกระเป๋า เดินทาง สวมเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีครีม สวมแว่นตาดำและหมวกแก๊ป ลักษณะคล้ายแขกขาว ไม่ใช้เส้นทางตามปกติ เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวและสอบถามรายละเอียด แต่ชายคนดังกล่าวไม่ให้ความร่วมมือ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อรัญประเทศ ให้เข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า ชายคนดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัย พร้อมประสานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะเดินทางมาสอบสวนด้วยตนเอง และนำตัวชายคนดังกล่าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจกลับ กทม. เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป

    นายกฯตู่รับจับได้แล้ว

    เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แถลงหลังการประชุม ครม.ถึงความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องสงสัยวางระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า จับได้ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะกำลังจะหนี และกำลังสอบสวนอยู่ ถ้าสอบสวนได้ก็จะดี เพราะจะได้รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนทำอะไร ใครสั่ง แต่อย่าเพิ่งไปพูดว่าเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และหากเป็นเรื่องจริงจะได้ขอความร่วมมือจากเขาเพื่อวันหน้าจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้หากโทษกันไปมาก็จะไม่ได้เรื่องอะไรขึ้นมา

    ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็ได้ทั้งยวง

    “ยืนยันว่าจับตัวผู้ชายได้ 1 คน ที่บ้านป่าไร่ จ.สระแก้ว มีลักษณะใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงได้จับมา เพราะสั่งการให้ตั้งด่านตรวจสกัด เมื่อพบบุคคลต้องสงสัยเขาก็จับมา คงใกล้เคียงแล้วต้องเอามาพิสูจน์ลายนิ้วมือ พิสูจน์อะไรอีกมากมาย ถ้าใช่ก็คือใช่ ก็กำลังหามือวางระเบิดหาตัวคนสั่งการ คนใช้โทรศัพท์อีก ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็มาทั้งยวง หลังจากที่จับได้ที่แฟลตเมื่อวันก่อนแล้วก็ส่วนหนึ่งวันนี้จับได้อีกคนหนึ่ง และคนนี้น่าจะสำคัญหน่อย ที่จับได้ไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่คนจีน เป็นคนต่างชาติแต่จะเป็นคนอะไรต้องไปดูอีกครั้ง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

    ประสานตุรกีตลอดเวลา

    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประสานงานอย่างเป็นทางการไปยังประเทศตุรกีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า มีการพูดคุยไปแล้ว สถานทูตได้พูดคุยมาโดยตลอด เขายืนยันว่าไม่น่าจะเป็นคนของเขาทำ แต่อย่างไรก็ตาม ความน่าจะเป็นไปได้ก็สูงทุกอย่างเหมือนบ้านเราที่ไม่สามารถคุมคนได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่ใช่ก็ดี เพราะไม่อยากให้มีผลกระทบมากเพราะเมื่อมีการเสนอข่าวแล้วถ้าไม่ใช่ก็จะไปกันใหญ่ แต่ถ้าใช่ก็ต้องแก้กัน ตนอยากให้มองว่าไม่มีอะไรร้ายแรงเกินกว่าที่เราจะแก้ไขได้หากเราช่วยกัน ขอให้จำประเด็นนี้ไว้ดังนั้นเราต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน

    ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ

    เมื่อถามว่า จับกุมชายคนดังกล่าวได้เมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จับได้เมื่อเช้าเป็นผู้ชาย กำลังนำตัวมากรุงเทพฯเพื่อสอบสวนต่อ คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถ้าไม่เกี่ยวคงไม่จับ มีหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ ถ้าได้ตัวคนนี้มาจะสามารถสอบเชื่อมโยงไปได้ทั้งหมด เพราะจะสามารถต่อจิ๊กซอว์กับคนที่จับมาได้ก่อนหน้านี้ แล้วจะได้ไปต่อได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เป็นใคร อย่างไร เจ้าหน้าที่ได้ข่าวเมื่อคืนก็ไปติดตามจับกุม และดักจับตัวเอาไว้ได้เมื่อเช้า และรายงานตนมาเมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ขณะนี้กำลังดำเนินการส่งตัวกลับมาสอบต่อที่กรุงเทพฯ

    วันนี้ควรใช้วิกฤติเป็นโอกาส

    เมื่อถามถึงกรณีเรื่องการย้ายตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ จ.สระแก้ว นายกรัฐมนตรีตอบว่า มีการย้ายเพื่อให้มีการสอบสวนดำเนินการฐานปล่อยปละละเลย หากมีหลักฐานชัดเจนก็ต้องปลดออก สั่งการไปแล้วว่าถ้ามีคดีความใดในพื้นที่ แล้วปล่อยปละละเลยก็ต้องถูกย้ายออกมาเพื่อสอบสวน หากสอบสวนแล้วไม่ผิดหรือมีความชัดเจนว่าผิดก็ต้องถูกลงโทษ แล้วต้องไม่กลับไปอยู่ในพื้นที่เดิมอีก ได้สั่งการผ่านรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ถึงวันนี้เราควรจะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส หลังจากที่มีระเบิดเพราะจะเห็นได้ว่าหลังจากวันที่ 17 ส.ค.เป็นต้นมา ความร่วมมือของประชาชนมีมากขึ้น กล่าวโทษเจ้าหน้าที่น้อยลง เจ้าหน้าที่เร่งทำงานกันแล้ว และคงมีข่าวดีไปเรื่อยๆ ขออย่าเพิ่งตัดสินว่าเป็นเรื่องอะไร ยืนยันว่าไม่ได้ปกปิด อีกทั้งความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านเขาก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ขออย่าไปกล่าวอ้างเขา เพราะเกรงจะมีปัญหา ต้องแก้ไขปัญหาของเราเองให้ได้ด้วยความร่วมมือของทุกประเทศในโลกนี้

    นำตัวถึง พล.ม.2 สนามเป้า

    ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเจ้าหน้าที่ ตร.และทหาร ที่ประจำด่านที่ ต.บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีระเบิดที่ราชประสงค์ได้ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. และชุดทำงาน ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัว และลงที่ พล.ม.2รอ. เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ก่อนส่งมอบให้กับทางทหารไปสอบสวน

    สมยศชี้ ตร.จับได้เพราะกดดันตัวเอง

    ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับการจับกุม เจ้าหน้าที่ตรวจยึดสิ่งใดได้บ้างนั้น รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ต้องรอให้การสอบสวนเสร็จสิ้นเสียก่อน ทั้งนี้เป็นความคืบหน้า และเป็นข่าวดีแน่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงข่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม การจับกุมครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากผลการที่ตำรวจทุกหน่วยเร่งรัด กดดันตัวเอง ทั้ง บช.ก. บช.น. บช.ส. และชุดทำงานของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ การจับกุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือของทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ดี ถือว่าคดีมีความคืบหน้าได้คลี่คลายคดีไปมาก จะเห็นได้จากการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในวันนี้ 3-4 ราย

    ยอมรับเป็นชาวอุยกูร์

    มีรายงานว่า ชุดสืบสวนกองปราบปรามเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ ที่มีหมายจับเป็นภาพชายคล้ายชาวต่างชาติสวมเสื้อสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีดำ จับกุมได้ที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ไปรับตัวจาก จ.สระแก้ว เข้ามาที่ พล.ม.2 สนามเป้า พร้อมนำพยานคนขี่ จยย.รับจ้างที่รับตัวมือระเบิดชี้ยืนยันผู้ต้องสงสัย เบื้องต้นผลตรวจเปรียบเทียบลายนิ้วมือผู้ต้องสงสัยรายนี้ตรงกับลายนิ้วมือแฝงที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บได้จากห้องพัก 414 พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก มีรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนได้ตรวจค้นในตัวผู้ต้องสงสัย พบสูตรการประกอบระเบิดชนิดเดียวกับที่ก่อเหตุ และสมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม ระบุชื่อนายมิราลลี่ ยูสูฟู อายุ 26 ปี เบื้องต้นรับว่าเป็นชาวอุยกูร์ โดยวันเกิดเหตุอยู่ที่แยกราชประสงค์จริง แต่ไม่รับว่าเป็นผู้นำระเบิดมาวาง และตลอดเวลานายมิราลลี่ไม่ได้แสดงอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด

    โฆษก ตร.แถลงใช้ ม.44 ควบคุมตัว

    ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร.แถลงว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ไม่ทราบสัญชาติ ลักษณะคล้ายภาพสเกตช์คนร้ายเสื้อเหลือง ที่มีหมายจับลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ ขณะหลบหนีช่องทางธรรมชาติ แนวชายแดนไทยกัมพูชา โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. และ ผบ.พล.ม.2 ได้เดินทางไปรับตัวที่ จ.สระแก้ว เข้ามาสอบสวนต่อที่กรุงเทพฯ โดยยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดกับผู้ต้องสงสัย นอกจากข้อหาพยายามหนีออกนอกประเทศ และใช้อำนาจควบคุมตามมาตรา 44 โดยอยู่ระหว่างสอบสวน รายละเอียดยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องรอผลการยืนยันของพยาน และหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน

    ยันหน้าคล้ายมือบึมเสื้อเหลือง

    พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ในชั้นนี้ยืนยันได้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนสำคัญ มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่กลุ่มที่จับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์ย่านมีนบุรีและหนองจอก มีส่วนเกี่ยวข้องวางระเบิดแยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทร คนร้ายมีรูปพรรณคล้ายคนร้ายเสื้อเหลืองที่มีหมายจับคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์มาก ขณะนี้ต้องรอพยานชี้ตัวยืนยันทั้งพยานก่อนและหลังเกิดเหตุ พยานชีวภาพ มีผลตรวจเปรียบเทียบลายนิ้วมือแฝงที่ห้องพัก ดีเอ็นเอเสื้อผ้าในห้องพักที่มีนบุรีและหนอง– จอก และคนขับรถแท็กซี่ที่รับมือระเบิด คาดว่าพรุ่งนี้จะแถลงผลคืบหน้า เชื่อว่าเป็นข่าวดี ขอให้พยานชี้ยืนยัน ขณะนี้เร็วไปที่จะตอบ แต่เท่าที่ทราบผู้ต้องสงสัยคล้ายภาพผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิด โดย ผบ.ตร.ได้รายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว

    ใช้อังกฤษคุยกับผู้ต้องสงสัย

    เมื่อสอบถามถึงเรื่องพยานชี้ตัว พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดถึงพยานเดี๋ยวพยานจะเป็นอันตราย ส่วนผู้ต้องสงสัยจะไปยังไงมายังไง ต้องตรวจสอบอีกครั้ง เท่าที่ได้พูดคุย ผู้ต้องสงสัยใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนหลักฐานก็ต้องดูดีเอ็นเอที่เป้ด้วยและเสื้อผ้าที่อยู่ในห้องพัก รวมทั้งลายนิ้วมือด้วย ส่วนพาสปอร์ตเล่มสีเหลืองของประเทศจีนที่อ้างเป็นของผู้ต้องสงสัย พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เป็นภาพที่อยู่ในสื่อโซเชียล ไม่ทราบใครเอามา ไม่ใช่เอกสารที่ออกมาจากทางราชการ ของผู้ต้องสงสัยทางเจ้าหน้าที่ไม่มี เห็นแต่ภาพที่นำมาแชร์กันเองในโลกโซเชียล หลังสอบสวนชัดเจนจะแถลงอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าเป็นข่าวดีแน่นอน ที่นำมาแถลงตอนนี้ เพียงให้ทราบในขั้นแรกก่อน ส่วนรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบพรุ่งนี้แน่นอน

    เปิดชื่อตามหมายจับแก๊งบึมอีก 3

    โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า วันนี้ศาลมีนบุรีได้อนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 คน ได้แก่นายอาริ โจรัน นายอาเหม็ด โบซองแลนด์ และชายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีข้อมูลว่าเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ใน วันที่ 7 ก.ย. ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ตม. เพิ่มความเข้มในการสกัดกั้นบุคคลหลบหนีเข้าเมืองและเครือข่ายค้ามนุษย์ เนื่องจากข้อมูลสืบสวนพบข้อมูลการเดินทางเข้ามาของชาวอุยกูร์และผู้ต้องหา หลบหนีเข้าเมืองทางด่าน ตม.จำนวนมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการเรียกรับผลประโยชน์ชาวต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย

    เที่ยวบิน นทท.ยอดจองยังปกติ

    วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานว่า จำนวนการจองเที่ยวบินจากต่างประเทศมายังประเทศ ไทยยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติทั้ง 14 รายนั้น ได้ให้ความช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายศพกลับประเทศและประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว

    ยอดหมายจับผู้ต้องหา 7 ราย

    โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในคดีนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารของกองกำลังบูรพา สามารถตรวจพบและจับกุมบุคคลที่มีลักษณะคล้ายผู้ต้องหา ชายสวมเสื้อสีเหลืองในคดีเหตุการณ์ราชประสงค์ตามหมายจับของศาล ได้ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปัจจุบันได้ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนนำตัวไปดำเนินการตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนั้น วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขออนุมัติให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 3 ราย โดยขณะนี้มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับรวมทั้งสิ้น 7 ราย ทั้งนี้ การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องมีขั้นตอนและมีความรอบคอบในการดำเนินการ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมที่สามารถจะเปิดเผยได้ จะแจ้งให้ประชาชนรับทราบเป็นระยะๆ ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและให้เวลากับเจ้าหน้าที่ หากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป

    ย้าย ตม.สระแก้ว เหตุไม่เอาใจใส่

    ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์–ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.สระแก้ว ด้วยเหตุผลเรื่องการปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ปล่อยให้มีชาวต่างชาติ และแรงงานผิดกฎหมายเล็ดลอดเข้ามาในประเทศ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์หรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวน แต่ในเบื้องต้นมีข้อมูลจากการสืบสวน และจากการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว ปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดความเสียหาย จำเป็นให้ผู้ที่รับผิดชอบเข้ามาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. แต่ถ้ามีหลักฐานว่ามีส่วนรู้เห็น เป็นใจช่วยเหลือ หรือมีผลประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์จำเป็นต้องย้ายออกนอกพื้นที่ ส่วนประเด็นเรื่องรับสินบน ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้จนกว่าจะมีการสอบสวนตรวจสอบให้ชัดเจนเสียก่อน ว่ามีการกระทำอย่างนั้นหรือไม่

    “ไมซาเลาะห์” ติดต่อมอบตัว

    พล.ต.อ.สมยศยังกล่าวถึงประเด็น น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่ม โดยเป็นผู้เปิดห้องพักที่ไมมูณา การ์เด้นโฮม และขณะนี้เดินทางไปประเทศตุรกีนั้นว่า ได้รับรายงานมีการติดต่อจาก น.ส.วรรณา มาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะเข้ามอบตัว ขณะนี้ได้รับรายงานเพียงเท่านี้ ทั้งนี้ตามที่ น.ส.วรรณามีการบอกผ่านสื่อต่างประเทศว่า ขอให้จัดส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เพื่อที่จะเดินทางเข้ามอบตัว มองว่า น.ส.วรรณาควรจะติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง ไม่เช่นนั้นทางเจ้าหน้าที่คงต้องจัดหาตั๋วให้ผู้ต้องหาทั้งหมด

    รับดาบนายกฯฟัน ตร.รู้เห็น

    ผบ.ตร.กลา่าวด้วยว่า ได้รับนโยบายและข้อกำชับจากนายกรัฐมนตรี ว่า ถ้ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะสังกัดหน่วยใด ถ้ามีส่วนเข้าไปรู้เห็นเป็นใจ ช่วยเหลือสนับสนุน หรือรับผลประโยชน์ ปล่อยปละละเลย ให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น ตนจะดำเนินการทันที ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 20 กว่าวัน พร้อมที่จะดำเนินการออกคำสั่งให้มาช่วยราชการ หรือแม้แต่สั่งย้าย ถ้ามีข้อมูลก็ พร้อมที่จะมีคำสั่ง จะทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด แต่จะไม่กลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีเอากันตรงๆ ทุกอย่างว่ากันไปตามหลักฐานข้อมูล

    ให้ผู้นำหน่วยจัดสรรเงินรางวัล

    เมื่อสอบถามประเด็นเรื่องเงินรางวัลนำจับจะจัดสรรอย่างไร พล.ต.อ.สมยศเผยว่า ตนตั้งใจที่จะนำเงินของตนและเพื่อนนักธุรกิจมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงาน ที่สามารถจับกุมติดตามคนร้าย คงไม่สามารถระบุได้ว่าจะให้ใครอย่างไร จะต้องให้ผ่านทางผู้บังคับ บัญชาในแต่ละหน่วยเพื่อจัดสรรต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า การติดตามจับกุมคนร้ายในครั้งนี้เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแท้จริง เนื่องจากตนเห็นการทำงาน ความทุ่มเทมาโดยตลอด แต่ถึงแม้ไม่มีเงินรางวัลนำจับเจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันอยู่แล้ว รางวัลนี้ตนให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานเท่านั้น

    แฉ ตม.สระแก้วพันค้ามนุษย์

    ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร.กล่าวว่า ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ ผกก.ตม.สระแก้ว 1 ตำแหน่ง รอง ผกก.2 ตำแหน่ง และ สว.3 ตำแหน่ง รวม 6 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.โดยไม่มีกำหนด และจะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงแต่งตั้งประจำปี เนื่องจากมีข้อมูลตำรวจ ตม.สระแก้ว เรียกรับผลประโยชน์พัวพันขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ เป็นต้นเหตุให้มีชาวต่างชาติหลบหนีเข้าไทย มีการปลอมแปลงเอกสารเดินทางเพื่อส่งชาวต่างชาติไปประเทศที่ 3 และประเทศตุรกี เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในเรื่องการค้ามนุษย์ และคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ได้มีคำสั่งให้ตำรวจภูธร และตำรวจด่าน ตม. ตรวจสอบการเข้าเมือง และการค้ามนุษย์ไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ หากมีชุดพิเศษไม่ว่า จเรตำรวจ และ บช.ก. เข้าจับกุม ตำรวจภูธร และ ด่าน ตม.ในพื้นที่ต้องร่วมรับผิดชอบ

    สั่ง น.เช็กข้อบกพร่อง 2 สน.

    นอกจากนี้ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ ผบช.น.พิจารณาข้อบกพร่อง ผกก.สน.มีนบุรี และ สน.หนองจอก เนื่องจากในช่วงที่เกิดเหตุได้มีคำสั่งให้สำรวจห้องพักอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติเป้าหมายเข้าพัก แต่รายงานกลับไม่มีที่พักชาวต่างชาติในพื้นที่ ขัดกับผลสืบสวนพบแหล่งกบดานชาวต่างชาติในพื้นที่ สน.หนองจอกและ สน.มีนบุรี

    เปิดคำสั่งเด้ง ตม.สระแก้ว

    มีรายงานด้วยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 484/2558 ลงวันที่ 1 ก.ย.58 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ 6 ราย รายชื่อปรากฏตามเอกสารแนบท้ายคำสั่งนี้ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปฏิบัติราชการตามที่ รอง ผบ.ตร. (งานศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) มอบหมายจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2558 เป็นต้นไป โดยให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเวลา 17.00 น. และให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด พิจารณาสั่งการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ตามความจำเป็นและเหมาะสม สั่ง ณ วันที่ 1 ก.ย.2558

    นที อดีตนักบอลทีมชาติโดนด้วย

    สำหรับรายชื่อข้าราชการตำรวจแนบท้ายคำสั่ง ตร.ที่ 484/2558 ประกอบไปด้วย 1.พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.สระแก้ว 2.พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว 3.พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ทองคำ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว 4.พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ สว.ตม.สระแก้ว 5.พ.ต.ท.ญาณกวี ประสัติภักดี สว.ตม.จ.สระแก้ว และ 6.พ.ต.ต.นที ทองสุกแก้ว สว.ตม.สระแก้ว อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยชื่อดัง

    ย้าย 16 ตร.มีนบุรี–หนองจอก

    ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 มีคำสั่งที่ 129/2558 ลงวันที่ 31 ส.ค.58 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรับราชการแทน 18 ราย ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 58 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ตำรวจที่มีรายชื่อต่อไปนี้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.บก.น.3 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี 2.พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.หนองจอก 3.พ.ต.ท.เด่นโดม ลาภานันต์ รอง ผกก.ป.สน.หนองจอก 4.พ.ต.ท.ธนาพันธ์ ผดุงการ รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี 5.พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข สว.ป.สน.หนองจอก 6.พ.ต.ท.สมคิด ประเชิญสุข สว.สส.สน.มีนบุรี 7.ร.ต.ท.ครรชิต พรมศรี รอง สว.สส.สน.มีนบุรี 8.ร.ต.ท.ปณตชัย ประทุมเลิศ รอง สว.ป.สน.มีนบุรี 9.ร.ต.ท.วีระพันธ์ เหล่าเมืองกลาง รอง สว.ป.สน.หนองจอก 10.ร.ต.ต.ขจร เครือละม้าย รอง สว.สส.สน.หนองจอก 11.ด.ต.จักรกฤษ เรืองเกศา ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี 12.ด.ต.อารีย์ พุ่มพวง ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี 13.ด.ต.สำรวล ภูผะกา ผบ.หมู่ สส. สน.มีนบุรี 14.ด.ต.ประพฤติ เกษศรี ผบ.หมู่ สส.สน.หนองจอก 15.จ.ส.ต.อำนาจ สมพงษ์ ผบ.หมู่ ป. สน.หนองจอก 16.ส.ต.อ.อุทัย สคุณา ผบ.หมู่ จร.สน.มีนบุรี

    โดยให้ พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รอง ผบก.น.3 ไป รรท.ผกก.สน.หนองจอก และ พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 ไป รรท.ผกก.สน.มีนบุรี

    น.1 ฉุน บกพร่องร้ายแรง

    พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ สน. หนองจอก และ สน.มีนบุรี ว่า ที่มีการโยกย้ายทั้ง 2 สน.น่าจะเป็นการรายงานชาวต่างชาติพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่ หลังจากที่มีการโยกย้าย ตนได้สั่งการด้วยว่า ถ้าพบข้อบกพร่องเรื่องการตรวจสอบแหล่งอพาร์ตเมนต์ หรือที่พัก ให้ดำเนินการทางวินัย หากมีพื้นที่อื่นอีก จะดำเนินการคาดโทษอีก ถ้าตำรวจขี้เกียจจะดำเนินการทางวินัย เพราะถือว่าเป็นความสงบสุขของบ้านเมือง ถามว่าจะมีการสั่งให้เข้มงวดมากขึ้นหรือไม่นั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่ใช่เข้มงวดมากขึ้น แต่ได้สั่งการให้การตรวจสอบต้องเข้มงวด 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปฏิบัติไม่ได้ตามสั่งก็ลงทัณฑ์ไป กรณีดังกล่าวถือว่าบกพร่องอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ไม่อยากจะไปลงโทษใคร เพราะเป็นเรื่องความสงบสุขของบ้านเมือง ทางกองทัพได้เข้มงวดมีมาตรการอยู่ ตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติก็ต้องรับมาปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติก็ว่ากันไปตามระเบียบ

    รายงานไม่ตรงข้อเท็จจริง

    มีรายงานว่า สาเหตุการย้ายตำรวจทั้ง 2 สน.เข้าช่วยราชการ ศปก.บก.น.3 ครั้งนี้เป็นเพราะ บช.น. และ บก.น.3 ได้กำหนดมาตรการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค. โดยให้แต่ละ สน.ตรวจสอบบุคคลชาวต่างชาติตามเป้าหมาย และตรวจหาอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิดในพื้นที่ที่มี แมนชั่น อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า ห้องเช่า ห้องพักที่ชาวต่างชาติพักอาศัย เมื่อเช้ามืดวันที่ 23 ส.ค. ภายใต้ยุทธการ “ปิดเมือง ค้นรังโจร” แต่ต่อมาวันที่ 29 ส.ค. หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการข่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าตรวจค้น พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 147 ถนนเชื่อมสัมพันธ์ แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก พื้นที่รับผิดชอบ สน.หนองจอก และอาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ถนนราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี พื้นที่รับผิดชอบ สน.มีนบุรี พบชาวต่างชาติพักอาศัย และอุปกรณ์ในการประกอบวัตถุระเบิดไม่ตรงกับรายงานผลการตรวจของทั้ง 2 สน. ที่ระบุไม่พบชาวต่างชาติ และอุปกรณ์ในการทำระเบิด ทำให้ผู้บังคับบัญชาใน บช.น.ถึงกับฉุนขาด สั่งตรวจสอบหนังสือรายงานการตรวจค้น เป็นที่มาคำสั่งเด้งตำรวจที่มีรายชื่อทั้งหมดเข้ากรุอย่างไม่มีกำหนด

    ออกหมายจับแก๊งบึมเพิ่มอีก 3

    มีรายงานว่า วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนสน.หนองจอก ได้รวบรวมพยานหลักฐานนำสำนวนคดีไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรี ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 3 คน ที่พักอยู่กับนายบิลา ได้แก่ ชายชาวต่างชาติยังไม่ระบุสัญชาติเป็นคนเช่าห้องพัก มีหลักฐานสำเนาหนังสือเดินทางที่ใช้เช่าห้อง ส่วนอีก 2 คน ที่ขอหมายจับเป็นชาวต่างชาติเช่นกัน แต่ออกหมายจับตามภาพสเกตช์จากการสอบปากคำพยานที่พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมีวัตถุระเบิด นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ไว้ในครอบครอง ล่าสุดศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนแล้ว รวมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทรออกหมายจับไปทั้งสิ้น 7 คน

    ประวุฒิคุยห้างรองรับอุปกรณ์ไฮเทค

    วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสัมฤทธิ์ ชั้น 32 ตึก ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น. ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการสมาคมศูนย์การค้าไทย เพื่อขอความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยในสถานการณ์ปัจจุบัน และให้คำแนะนำในการใช้กล้องวงจรปิด โดย พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เป็นการร่วมประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและศูนย์การค้ารายใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร ในเรื่องการดูแลความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ทางห้างจำเป็นต้องมีอุปกรณ์รองรับไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของกล้องและระบบต่างๆ เช่น เฟสสเปกคอนดิชั่น เป็นระบบเมทริค แต่ใช้เฉพาะตรวจจับใบหน้า ส่วนเรื่องของการจับวัตถุ การจับสิ่งของต้องสงสัย จะใช้โปรแกรมที่เรียกว่า วีดิโอเซเวอร์แลนส์คาเมร่า หรือสมาร์ทคาเมร่า ร่วมกับวีดิโออนาไลท์ติกส์ กล้องจะทำงานเองโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจหาความผิดปกติแล้วจะแจ้งมายังศูนย์สั่งการ จากนั้นเจ้าหน้าที่ภาคพื้นจะไปตรวจดู ถ้าทางศูนย์การค้า มีระบบเหล่านี้จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ว่าจะมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

    ต้องสืบสวนทำคดีเป็นทางลับ

    พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่า น.ส.วรรณา สวนสัน หรือนางไมซาเลาห์ะ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาครอบครองยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนจะออกไปตั้งแต่เมื่อใดหรือออกไปโดยเส้นทางใดนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ส่วนคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว ทั้ง 6 คนนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) แต่สาเหตุต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง อาจมีความไม่รอบคอบในการทำงานเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ ต้องรอตรวจสอบข้อมูลจาก ผบ.ตร.ก่อน ส่วนจะตรวจสอบไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่านี้หรือไม่ ต้องตรวจสอบเช่นกัน โฆษก ตร.กล่าวและว่า ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องหาเพื่อขยายผลสู่เครือข่ายก่อเหตุระเบิด จากนี้ต้องทำในชั้นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ เนื่องจากอาจเกิดความไม่ปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

    ขอให้ฟังโฆษก ตร.กันสับสน

    เมื่อถามว่า น.ส.วรรณาได้ติดต่อขอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่หรือยัง พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังติดต่ออยู่ ถามว่าจะขยายผลในประเด็นการขนย้ายแรงงานหรือการค้ามนุษย์หรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า กำลังขยายผลเรื่องนี้อยู่ สำหรับชายอีกคนตามภาพสเกตช์ ตรวจสอบเบื้องต้นไม่น่าจะใช่สามี น.ส.วรรณา แต่ยืนยันได้ว่าบุคคลทั้ง 2 ที่ถูกออกหมายจับล่าสุดเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว เนื่องจากพบการติดต่อเชื่อมโยงถึงกัน ยืนยันว่าเป็นการออกหมายจับถูกกลุ่มถูกตัวแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทางญาติของ น.ส.วรรณา บอกว่า เจ้าตัวไม่อยู่ ไปต่างประเทศ อาจไปอยู่กับสามี ตอนนี้กำลังประสานให้มาพบเจ้าหน้าที่ต่อไป

    “ทุกอย่างตอนนี้อยู่ในช่วงของการทำงานทางลับ ถ้าผมยังไม่นำข้อมูลมาเปิดเผยขอให้สังคมอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเกิดความสับสนขึ้นในสังคม หากผมไม่นำข้อมูลมาเปิดเผย โปรดอย่าเพิ่งหลงเชื่อข้อมูลเหล่านั้น” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

    ญาติไมซาเลาะห์เครียดข่าวพันบึม

    ด้าน จ.พังงา บ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคุระบุรี จ.พังงา เชิญนายอิบรอเหม คมขำ ผญบ.หมู่ 6 บ้านห้วยทรัพย์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา และนายอีฉา สวนสัน พี่ชาย น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมบริเวณที่ว่าการอำเภอคุระบุรี โดยนายอิบรอเหม ซึ่งเป็นญาติของ น.ส.วรรณาได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว วอนขอให้รอเจ้าตัวได้มาพิสูจน์ตนเองก่อนที่จะสรุปใดๆ สำหรับบรรยากาศที่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 6 บ้าน ห้วยทรัพย์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เต็มไปด้วยบรรดาญาติๆทั้งพ่อแม่และพี่ๆของ น.ส.วรรณาได้มาพูดคุยปรึกษาด้วยความวิตกกังวลและอาการเคร่งเครียดจากเหตุการณ์ออกหมายจับของศาลมีนบุรี ในข้อกล่าวหาครอบครองยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เชื่อว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์

    ญาติพี่น้องไม่เชื่อมีส่วนรู้เห็น

    สำหรับประวัติ น.ส.วรรณา เกิดเมื่อ 16 ม.ค. 2531 เป็นบุตรสาวคนสุดท้อง มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 9 คน เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านคำพรวน จบมัธยมตอนปลายที่โรงเรียนสุขสำราญรังสรรค์ ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย รามคำแหง หลังจบปริญญาตรีได้ออกมาค้าขายสินค้าระหว่างประเทศ และได้แต่งงานกับชายชาวตุรกีจนได้บุตรชายอายุ 7 เดือน มีนิสัยเรียบร้อย เคร่งศาสนา เป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่ ญาติๆและเพื่อนฝูง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายในพื้นที่ที่รู้จักนิสัยใจคอ ไม่เชื่อว่า น.ส.วรรณาจะมีส่วนรู้เห็นหรือร่วมขบวนการก่อเหตุดังกล่าว โดยเฉพาะนายอีฉา สวนสัน พี่ชาย น.ส.วรรณาเปิดเผยว่า ครอบครัวรู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อยากขอความเป็นธรรมให้กับน้องสาวอย่าเพิ่งด่วนตัดสินสรุปว่าน้องสาวตนเองร่วมกับผู้ก่อการร้ายอยากให้รอเจ้าตัวกลับมาพิสูจน์ขอเท็จจริงพร้อมกับขอให้ทางภาครัฐช่วยออกค่าเดินทางในการกลับมาเมืองไทยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของน้องสาวตนเองด้วย

    ไมซาเลาะห์ปัดไม่เกี่ยวบึม

    ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจไทยเผยชื่อผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันคดีวางระเบิดพระพรหมเพิ่มเติม โดยผู้สื่อข่าวเอเอฟพีได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังสตรีรายหนึ่งอ้างตัวว่าเป็น น.ส. วรรณา สวนสัน หรือ “ไมซาเลาะห์” ผู้ต้องสงสัย 1 ใน 2 ราย ที่ตำรวจไทยเปิดเผยชื่อผ่านสื่อ โดยสตรีที่รับโทรศัพท์พูดภาษาไทยได้ และยอมรับว่าเป็นน.ส.วรรณา ยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิด ทั้งยังระบุด้วยว่า ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. โดยตำรวจระบุว่าไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

    รับเปิดห้องให้เพื่อนสามีพัก

    เอเอฟพีรายงานต่อว่า ทั้งนี้สตรีผู้อ้างตัวเป็นน.ส.วรรณาระบุว่า ปัจจุบันพำนักอยู่กับสามีที่เมืองไคเซรี ภาคกลางของประเทศตุรกี หลังกลับจากไทยเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าสามีมีชื่ออะไรหรือมีสัญชาติใด โดย น.ส.วรรณาเผยว่า ได้รับแจ้งจากเพื่อนว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันคดีวางระเบิด ตอนแรกคิดว่าเพื่อนล้อเล่น ก่อนจะรู้สึกตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ความจริง แต่ยอมรับว่า ได้ให้เช่าช่วงห้องพักดังกล่าวให้กับเพื่อนสามีจริง แต่ไม่ทราบว่าห้องดังกล่าวมีผู้พำนักอยู่ทั้งหมดกี่คน และตนไม่ได้เดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวเป็นเวลานานเกือบปี ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวเอเอฟพีติดต่อโทรศัพท์อีกครั้ง สตรีที่อ้างตัวเป็น น.ส.วรรณา ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเตือน อย่าเพิ่งพูดคุยกับสื่อ

    อ้างแหล่งข่าวกลับไทยสู้คดี

    นอกจากนี้ นายโทมัส ฟูลเลอร์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส สื่อของสหรัฐอเมริกา รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายอิบรอฮิม คมขำ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.พังงา ซึ่งครอบครัวของ น.ส.วรรณาอาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยนายอิบรอฮิมระบุว่า น.ส.วรรณาได้โทรศัพท์ติดต่อตนเมื่อทราบข่าวตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีวางระเบิด และ น.ส.วรรณาต้องการกลับมายังประเทศไทยเพื่อพิสูจน์ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ยืนยันว่าพร้อมมอบตัวได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะที่ครอบครัว น.ส.วรรณาเผยว่า น.ส.วรรณาแต่งงานกับชาวเติร์ก และได้ติดตามสามีไปอาศัยอยู่ที่ประเทศตุรกี โดย น.ส.วรรณากลับมาประเทศไทย และได้พบกับครอบครัวครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

    เอพีตีเละ สมยศมอบเงิน 3 ล.

    ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.มอบเงินรางวัลนำจับ 3 ล้านบาทให้แก่ตำรวจชุดสอบสวนที่จับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมถึงสื่อมวลชนในประเทศไทยตั้งข้อสงสัยว่าการมอบเงินรางวัลนำจับให้แก่ตำรวจเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ เพราะยังไม่อาจบอกได้ชัดเจนว่าผู้ถูกจับกุมมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุระเบิดอย่างไร ทั้งยังไม่อาจระบุแรงจูงใจในการก่อเหตุได้ ขณะที่ตำรวจไทยในอดีตเคยมีประวัติเกี่ยวพันกับการทุจริตและบังคับให้ผู้ต้องหารับสารภาพด้วย

    สื่อเทศระบุไทยจับแก๊งบึมรายที่ 2

    ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซีของอังกฤษ เกาะติดข่าวเหตุระเบิดศาลพระพรหมกลางกรุงเทพฯตั้งแต่ 17 ส.ค.อย่างใกล้ชิด โดยรายงานเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ระบุทางการไทยจับกุมชายผู้ต้องสงสัยวางระเบิดได้รายที่ 2 ในเขต จ.สระแก้ว ส่วนผู้ต้องสงสัยชายวัย 28 ปี ซึ่งยังไม่ถูกเปิดเผยชื่อและสัญชาติรายก่อนหน้านี้ ถูกจับกุมในเขตกรุงเทพฯเมื่อวันเสาร์ 29 ส.ค.ขณะที่มูลเหตุจูงใจมือระเบิดก่อการครั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด

    “วีรชน” เตือนสื่อระวังโยงประเทศที่ 3


    ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาเหตุระเบิดราชประสงค์ ที่อาจมีประเด็นเกี่ยวโยงกับขบวนการขนชาวอุยกูร์ว่า ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออกไป แม้มองว่าน้ำหนักดูจะเอียงไปทางใดทางหนึ่ง แต่ตำรวจยังมีหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมที่ยังไม่เปิดเผยสู่สาธารณชน ขอให้เวลาสักระยะน่าจะชัดเจน ยังไม่อยากให้สื่อมวลชนหรือสังคมปักใจและชี้ระบุไปในทางใดทางหนึ่ง และต้องระวังในการไปพาดพิงบุคคลที่สามหรือประเทศที่สาม อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

    อย่าเพิ่งสรุปตุรกีมีเอี่ยว

    เมื่อถามว่าทางประเทศตุรกีปฏิเสธว่าผู้ต้องหาที่จับกุมเป็นชาวตุรกี ต้องมีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.วีรชนตอบว่า เรามีการพูดคุยอยู่แล้ว แม้จะมีหลักฐานเชื่อมโยงไปประเทศใด ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง ทั้งนี้ มีประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย เสนอตัวมาช่วยไทยตรวจสอบ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นในรูปแบบใด ขณะที่การประสานงานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ก็มีการพูดคุยและช่องทางประสานงานอยู่แล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเพียงที่ใดที่หนึ่ง แต่เป็นเรื่องข้ามชาติ ดังนั้น ธรรมชาติของการก่อเหตุในลักษณะนี้ต้องมีการประสานงานกันอยู่แล้ว

    “บิ๊กตู่” ถกปินส์จับมือต้านก่อการร้าย

    วันเดียวกัน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ว่า นายกฯได้เล่าถึงการเดินทางเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ที่นอกจากจะได้หารือถึงการสานต่อความร่วมมือด้านต่างๆ ยังได้หารือกันถึงเรื่องความมั่นคง เพราะภัยคุกคามที่ทุกประเทศเผชิญอยู่นั้นเป็นความท้าทายที่ไม่เฉพาะต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง แต่เป็นความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน การ
    ต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งนายกฯได้แนะนำว่าทุกประเทศควรฝึกร่วมกัน โดยเฉพาะการบริหารจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    ที่มา,thairath.co.th

    0 comments:

    Post a Comment