อุตุฯเตือนให้คนไทยรับมือ อาจทะลุ44องศาเท่าปี2503

อากาศร้อนจัดวันเดียวช็อกตายหลายศพ หนุ่มสวนยางชาวบึงกาฬออกกรีดยางตอนเช้ามืดโรคหัวใจกำเริบดับสลด จ่าทหารเรือนอนเปิดพัดลม 2 ตัวเอาไม่อยู่ เสียชีวิตคาบ้านพักในฐานทัพเรือสัตหีบ ส่วนที่นครปฐม หนุ่มใหญ่ชาวนครพนมเดินหางานทำกลางแดดระอุ เข้าไปหลบร้อนในดงกระถินหน้ามืดล้มวูบสิ้นใจ ส่วนพ่อเฒ่าชาวสุพรรณโรคความดันต่ำกำเริบล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิตคาบ้าน อธิบดีกรมอุตุฯชี้ช่วงนี้อากาศร้อนจัดเพราะดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับประเทศไทย อุณหภูมิทะลุ 44 องศา ใกล้เคียงกับเมื่อปี 2503 เตือนประชาชนเลี่ยงออกที่โล่งแจ้ง แนะให้ดื่มน้ำบ่อยๆ ลดความร้อนในร่างกาย ช่วงปลายเดือนระวังพายุ ฤดูร้อน ลูกเห็บซัดถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ-อีสาน-ตะวันออก

สภาพอากาศที่ร้อนระอุทั่วประเทศส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย รายแรกเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 เม.ย. พ.ต.ต.กุศล วังสะพันธ์ สว. (สอบสวน) สภ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ พร้อมแพทย์เวร รพ.ศรีวิไล ไปตรวจสอบเหตุคนเสียชีวิตในสวนยางพาราบ้านหนองบัวเงิน หมู่ 6 ต.นาสะแบง พบศพนายทองสุข สายตา อายุ 50 ปี สวมเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้น มีโคมไฟส่องสว่างติดอยู่ที่หน้าผาก และมีดกรีดยางตกอยู่ข้างศพ ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชม. สอบถามเพื่อนชาวสวนยางทราบว่า ช่วงเช้ามืดตื่นมากรีดยางพร้อมกัน พอใกล้สว่างเห็นแสงโคมไฟของผู้ตายหยุดอยู่กับที่คล้ายคนนั่งพักผ่อน ก็ไม่ได้เอะใจเพราะทราบอยู่ว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคหัวใจตีบ คงเหนื่อยและนั่งพักผ่อน จนรุ่งเช้าผ่านไปพบเป็นศพแล้ว คาดว่าอากาศร้อนอบอ้าวทำให้โรคหัวใจกำเริบเสียชีวิต

รายที่สองช่วงเช้าวันเดียวกัน ร.ต.อ.นเรศ บุญที รอง สว. (สอบสวน) สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปตรวจ สอบเหตุคนเสียชีวิตในบ้านพักข้าราชการฐานทัพเรือสัตหีบ เลขที่ 2250/117 หมู่ 2 ต.สัตหีบ พบศพ พ.จ.อ.วรงค์ ปัญญาธรักษ์ อายุ 48 ปี สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.)นอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ใส่เสื้อยืดสีม่วง นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน มีพัดลม 2 ตัว ตั้งอยู่ที่ปลายเท้าเปิดเบอร์ 3 โกรกลมใส่ตัว สอบถาม พ.จ.อ.จงสุรินทร์ วงค์จ้อย อายุ 51 ปี เพื่อนเล่าว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาอากาศร้อนอบอ้าว ประกอบกับผู้ตายร่างกายไม่แข็งแรง อาจเป็นสาเหตุให้ช็อกหัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิต

รายที่สาม ร.ต.ท.สราวุธ วรรณะ รอง สว. (สอบสวน) สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม ไปตรวจสอบเหตุมีผู้เสียชีวิตในป่าหญ้าข้างถนนพุทธมณฑลสาย 5 หมู่ 11 ต.ไร่ขิง ในดงกระถินห่างจากถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร พบศพนายประยูรณ์ ท่อป้องขวา อายุ 44 ปี ชาว จ.นครพนม นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีดำ ไม่สวมเสื้อ นอนคว่ำหน้า ตามร่างกายไม่มีบาดแผล คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. ใกล้ศพพบกระเป๋าสตางค์มีบัตรประชาชน แต่ไม่มีเงิน และกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ สอบถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียงไม่มีใครรู้จัก เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายมาหางานทำแต่ยังไม่ได้ เดินเข้าไปหลบร้อนในดงกระถิน แล้วเกิดอาการหน้ามืดล้มวูบเสียชีวิต

รายที่สี่เมื่อเวลา 12.30 น. ร.ต.ท.หญิงชนกกานต์ แขวงนคร รอง สว. (สอบสวน) สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ไปตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตในบ้านเลขที่ 83 หมู่ 3 ต.ต้นตาล พบศพนายสนาน ไสวสุวรรณวงศ์ อายุ 77 ปี นอนหงายเสียชีวิตบริเวณประตูหน้าบ้าน สภาพศพนุ่งกางเกงขาก๊วย ไม่สวมเสื้อ มีเลือดไหลออกทางปาก ตามร่างกายไม่มีบาดแผล คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10 ชม. ข้างศพพบฟันปลอม กระบอกน้ำ และแม่กุญแจตกอยู่ สอบสวนนางกัญญา เมฆฉา อายุ 57 ปี หลานสาวให้การว่า ลุงพักอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง ป่วยเป็นโรคความดันต่ำมักจะเป็นลมประจำ คาดว่าอากาศช่วงนี้ร้อนจัดทำให้โรคกำเริบ เกิดหน้ามืดเป็นลมล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต

ด้านนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. จนถึงต้นเดือน พ.ค.เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตั้งฉากตรงกับประเทศไทย จะมีอุณหภูมิร้อนจัดบางพื้นที่สูง 43-44 องศาขึ้นไป โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา และภาคเหนือตอนล่าง จ.อุตรดิตถ์ พิษณุโลก ลำปาง ตาก ปีนี้ถือว่าร้อนจัดมากเพราะหลายพื้นที่มีความแห้งแล้งรุนแรง และน้ำมีน้อย พื้นดินขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ไม่มีเมฆก่อตัว ประกอบกับช่วงวันที่ 12-16 เม.ย.ที่ผ่านมาจะเกิดฝนตกทุกปี แต่ปีนี้กลับไม่มีฝน ทำให้อากาศร้อนจัด ใกล้เคียงกับปี 2503 มีอุณหภูมิร้อนสุด 44.5 องศา ขอเตือนประชาชน โดยเฉพาะเด็กและคนชรา ไม่ควรอยู่ที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน และคอยดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย

นายวันชัยกล่าวอีกว่า ช่วงวันที่ 28-30 เม.ย. บริเวณด้านตะวันออกของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ มีลักษณะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บ เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน บริเวณ จ.หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี และวันที่ 29-30 เม.ย. บริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง

ที่มา: thairath