Tuesday, June 14, 2016

Tagged Under:

ถก3ฝ่ายเหลวอีก ลอยแพ ‘ธัมมี่’

By: news media On: 4:55 PM
  • Share The Gag
  • ถก3ฝ่ายเหลวอีก ลอยแพ ‘ธัมมี่’  เจ้าคณะปทุมซิ่งถอนตัว
    ชี้เป็นเรื่องของทางโลก DSI ขู่อีกใช้แผน 5 ขั้นจับ ชง ปปง.สอบทรัพย์วัด

    ประชุม 3 ฝ่ายครั้งสุดท้าย เจรจาให้ “ธัมมชโย” มอบตัวคดี “ฟอกเงิน-รับของโจร” เหลว เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีลอยแพ “ธัมมี่” ชี้เป็นเรื่องทางโลกไม่เกี่ยวสงฆ์ พร้อมยุติบทบาททีมเจรจา ด้านดีเอสไอขู่ฟ่อเดินหน้าแผน 5 ขั้น ชี้ผู้ต้องหามีแค่ 2 ทางเลือก “เข้ามอบตัวหรือถูกจับ” จ่อชง ป.ป.ง.ลุยตรวจสอบทรัพย์สินวัดธรรมกายด้วย คาดเดือนหน้าสรุปคดีฟอกเงินได้เพิ่มอีก 2-3 คดี ส่วน รมว.ยุติธรรมขอเวลาอัยการดูสำนวนคดีพระธัมมชโย 1 เดือนก่อนส่งฟ้อง ย้ำดีเอสไอทำทุกอย่างตามขั้นตอน กันครหาสองมาตรฐาน ขณะที่วัดธรรมกายออกแถลงการณ์ 8 ประเด็น อ้างขาดความเชื่อมั่นการสอบสวนดีเอสไอคดี “ธัมมชโย” พร้อมร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการตามขั้นตอน


    ดีเอสไอถกอัยการสำนวน “ธัมมชโย”

             
    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มิ.ย.59 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 และคณะพนักงานสอบสวน ร่วมประชุมความคืบหน้าคดีผู้ต้องหาในคดีสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กรณีเป็นผู้รับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น หลังการเจรจาเงื่อนไข 3 ฝ่ายยังไม่ได้ข้อยุติ
             
    พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวภายหลังการประชุมว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปให้อัยการเรียบร้อยแล้ว 13 แฟ้ม จำนวน 10,000 กว่าหน้า ส่วนการเจรจา 3 ฝ่ายในวันนี้คณะชุดเจรจาได้เดินทางไปวัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินการทางสงฆ์ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งการดำเนินการตามหมายจับ พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามหลังศาลอนุมัติเรียบร้อยแล้ว

    พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ส่วนทางวัดพระธรรมกายได้ส่งเอกสารเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พิจารณารายละเอียด ซึ่งข้อคิดเห็นทางวัดพระธรรมกายที่เปลี่ยนพนักงานสอบสวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแต่เป็นรายละเอียดการสอบสวน ทั้งนี้ดีเอสไอได้ดูพยานข้อเท็จจริงเป็นหลักเนื่องจากมีหลักฐานเส้นทางการเงิน

    ชง ป.ป.ง.ตรวจทรัพย์สินวัดธรรมกาย
             
    พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบทรัพย์สินทางวัดพระธรรมกายเป็นระเบียบตามสำนักงานนายกรัฐมนตรี ในคดีความผิดมูลฐานเตรียมส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เพื่อดำเนินการทางแพ่ง นอกจากนี้การวางแผนบุกจับพระธัมมชโยนั้น ดีเอสไอขอเรียนว่ามีแผนปฏิบัติ 5 ขั้นตอนและเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามหมายจับ แต่ต้องรอดูสถานการณ์ความเหมาะสมก็พร้อมดำเนินการ
             
    “ดีเอสไอส่งสำนวนสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ น.ส.ศรันยา มานหมัด อดีตเจ้าหน้าที่การเงินสหกรณ์ นางทองพิณ กันล้อม อดีตรองประธานสหกรณ์ ซึ่งดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนอีก 2 คนได้แก่ พระธัมมชโย และ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ได้แนบหมายจับไปให้อัยการแล้ว ซึ่งการดำเนินการตามหมายจับไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนวนการสอบสวน ทั้งนี้ หากถึงวันที่ 13 ก.ค. อัยการมีผลทางคดีก็จะมีหนังสือแจ้งมาให้นำตัวผู้ที่ออกหมายจับไปพบนั้น ในขั้นตอนนี้ดีเอสไอมีการดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนกรณีพระธัมมชโยคงต้องรอวันนัดหมายเสียก่อนถึงจะให้คำตอบ”
             
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความผู้ประสาน 3 ฝ่าย บอกวันนี้จะร่วมเจรจาเป็นครั้งสุดท้ายเพราะไม่อยากให้เกิดการยืดเยื้ออาจทำให้เป็นการสร้างเงื่อนไขนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวปิดท้ายว่า ต้องรอดูท่าทีสถานการณ์ และขึ้นอยู่กับชุดเจรจาว่ามีประเด็นต้องพูดคุยกันต่อหรือไม่ รวมทั้งไม่ได้มอบอะไรเป็นพิเศษให้กับชุดเจรจา พร้อมยืนยันทำตามขั้นตอนกฎหมายมาตลอด

    ขอเวลาอัยการดูสำนวนก่อนส่งฟ้อง
             
    ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในข้อหารับของโจรจากเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นสำนวนต่ออัยการแล้ว คงต้องรอเวลาอีก 1 เดือน ให้อัยการพิจารณาสำนวนก่อนว่าสำนวนจะมีปัญหาหรือไม่ ทั้งนี้ที่ผ่านมาดีเอสไอทำงานเต็มที่ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการกับพระธัมมชโยเพียงคนเดียว แต่ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 4-5 คน เพื่อที่จะหาตัวผู้กระทำความผิดนำเงินที่ถูกยักยอกไปอย่างไม่ถูกต้องกลับมาให้กับผู้เสียหาย ให้ได้มากที่สุด และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร จำเลยที่ 1 ของคดี ก็ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
             
    “เราทำทุกขั้นตอนอย่างเป็นธรรม ไม่ให้เป็นสองมาตรฐานหรือให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย เพราะต้องเห็นใจผู้ที่เสียหายด้วย บางคนถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว ส่วนการประชุมร่วมกันของตัวแทน 3 ฝ่ายเพื่อหาแนวทางให้พระธัมมชโยเข้ามอบตัว ได้บอกไปหลายครั้งแล้วว่าการจะทำอะไร เอาตัวแทนมาคุยกันได้ แต่ต้องให้ผู้ต้องหายอมรับผลที่ออกมาด้วย เพราะหากลงนามใดๆ สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ หากผู้ต้องหาไม่ยอมรับก็เปล่าประโยชน์ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ให้ความสำคัญกับอาการอาพาธของพระธัมมชโย เพียงแต่ผู้ต้องหาไม่เคยออกมาทำให้เกิดความชัดเจนด้วยตนเองว่าอาพาธจริงหรือไม่” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

    ธรรมกายโวยแถลง 8 ข้อ
             
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายแถลงการณ์วัดพระธรรมกาย แถลงการณ์กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับคดี พระธัมมชโยไปยังอัยการเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.59 ดังนี้ 1.เนื้อหาในคดีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษ ที่ 146/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่อาจที่จะแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 ทั้งนี้ เทียบเคียงตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 9/2481 และเรื่องเสร็จที่ 776/2546 บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกระทำดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
             
    2.การที่พนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนีมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนแล้วเผยแพร่ไปยังประชาชนโดยทั่วไป ก่อนที่จะนำหมายเรียกดังกล่าวมาส่งให้แก่พระเทพญาณมหามุนี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนอาจมีอคติต่อพระเทพญาณมหามุนี และวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้นายมโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและมีความขัดแย้งกับพระเทพญาณมหามุนี เข้าร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวน ชี้นำวิธีการจัดการกับพระเทพญาณมหามุนี การกระทำดังกล่าวทำให้ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขาดความไว้วางใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้

    อัดดีเอสไอเร่งรีบสรุปคดี
             
    3.กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่ง ที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.59 ขอความร่วมมือจากพระเดชพระคุณพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานในคดีดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการ และวิธีประสานงาน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4.คณะกรรมการชุดนี้ได้ประชุมที่วัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.59 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.59 โดย ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ได้ประสานงานกับทางวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด และการเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีโดยลำดับ เหลือเพียงประเด็นการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แนะนำให้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมและขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนีก็ได้ดำเนินการตามคำแนะนำเรียบร้อย และมีการนัดประชุมของคณะกรรมการครั้งที่ 3 ในวันอังคารที่ 14 มิ.ย.59 5.แต่แล้วในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.59 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิ.ย. ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติ ทั้งการออกหมายจับและการสั่งฟ้องคดีนี้ ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว 6.วัดพระธรรมกายรู้สึกเสียใจและขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ไม่รักษาข้อตกลง ไม่ให้เกียรติสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและการคณะสงฆ์ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าอาจมีเล่ห์กลอุบายยันรับบริจาคเงินมาอย่างสุจริต
             
    7.พระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อสร้างศาสนสถานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน เพราะไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเลย ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยชัดเจนและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น มีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ที่ได้รับบริจาค คณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกายยังได้ตั้งกองทุนเยียวยาแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนครบจำนวน และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงได้มีหนังสือขอบคุณและแสดงเจตนารมณ์ ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับสมาชิกสหกรณ์ และ 8.การดำเนินคดีนี้กับพระเทพญาณมหามุนี จะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีว่าเป็นการรับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ท้ายแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า วัดพระธรรมกายเคารพในกระบวนการยุติธรรม และจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป


    เจรจา 3 ฝ่ายครั้งสุดท้ายเหลว
             
    บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. ได้มีการประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ซึ่งเป็นคนกลางในการประสานให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยอมรับทราบข้อกล่าวหา กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดี เป็นหัวหน้าชุดเจรจา และนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะ โดยไม่มีตัวแทนจากวัดพระธรรมกายเหมือนเช่นเคย ภายหลังการหารือทั้งหมดได้ร่วมแถลง
             
    พระเทพรัตนสุธี อ่านบันทึกข้อความยืนยันได้ทำหน้าที่ประสานงานกับพระธัมมชโยให้มามอบตัว ตามที่ดีเอสไอขอให้ร่วมเป็นคณะทำงานแล้ว โดยมีการประชุม 3 ครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเมื่อดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว อาตมาและนายสมศักดิ์จึงขอยุติการทำหน้าที่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวอีกว่า คดีนี้ ไม่ใช่คดีทางสงฆ์ ไม่ได้กล่าวโทษในฝ่ายคณะสงฆ์ เป็นคดีทางกฎหมายบ้านเมืองซึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ดำเนินการไป เป็นคนละฝ่ายแยกกัน ส่วนกรณีพระพุทธะอิสระฟ้องร้องอาตมา ก็เป็นสิทธิของท่าน

    ย้ำ 2 ทางเลือกไม่มอบตัวก็ถูกจับ
             
    พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงผลการเจรจาระหว่างเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีและดีเอสไอเพื่อขอให้พระธัมมชโยเข้ามอบตัว รับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจรที่ยุติลง และผลไม่สำเร็จ ว่า เมื่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีแถลงยุติบทบาทการทำหน้าที่เจรจาในเรื่องดังกล่าว ดีเอสไอจะไม่ดำเนินการในทางคณะปกครองสงฆ์อื่นอีกเพราะที่ผ่านมาได้ทำหนังสือแจ้งหน่วยงานทางสงฆ์ทุกลำดับแล้ว ทั้งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และมหาเถรสมาคม รวมถึงเจ้าคณะปกครอง หลังจากนี้จะดำเนินการตามมาตรการอื่นๆ ต่อไปตามที่แถลงไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ 5 มาตรการ ประกอบด้วย 1.การทำแผนปฏิบัติการตามหมายจับ 2.มอบหมายจับให้ตำรวจและฝ่ายปกครอง ช่วยจับกุม 3.ทำหนังสือถึงฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ทุกระดับ 4.ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) มาตรา 189 เอาผิดกับผู้ให้ที่พักพิงหรือช่วยเหลือก็จะถูกดำเนินคดี และ 5.เร่งรัดการดำเนินคดีให้เสร็จโดยเร็ว
             
    อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า การดำเนินการตามหมายจับจะทำตามสถานการณ์เหมาะสม ส่วนที่สงฆ์ไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้นั้น ขณะนี้ก็มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ส่วนดีเอสไอการประสานงานทางสงฆ์ ยุติแล้ว
             
    ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า เมื่อคณะทำงานชุดนี้ยุติแล้ว ข้อตกลงและเงื่อนไขทุกเรื่องก่อนหน้านี้ถือว่ายุติลงด้วยต่อไปเป็นขั้นตอนตามหมายจับ ซึ่งมี 2 วิธี คือพระธัมมชโยขอมอบตัวเองที่ชั้นศาลโดยประสานอัยการ หรือ ดีเอสไอเข้าจับกุม คณะทำงานนี้ เป็น 1ใน 5 แนวทางที่ดีเอสไอดำเนินการเมื่อแนวทางนี้ยุติ แนวทางอื่นยังเดินต่อ หมายจับมีอายุ 15 ปีในการติดตามตัว หากอัยการมีความส่งฟ้องเมื่อใด แม้ยังจับไม่ได้ ก็จะส่งฟ้องผู้ต้องหาที่ได้ตัวแล้วไป 3 รายก่อน

    ด้าน ผอ.สำนักเลขาฯ มส. กล่าวว่า ตามกฎนิคหกรรม หากพระถูกร้องทุกข์กล่าวโทษทางกฎหมาย คณะสงฆ์จะยุติการพิจารณาโทษก่อน จนกว่า ผลทางกฎหมายจะแล้วเสร็จจึงนำมาพิจารณาทางพระธรรมวินัยว่ามีความผิดหรือไม่ภายหลัง


    ที่มา: banmuang

    0 comments:

    Post a Comment