นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ปัญหา Brexit ที่จะส่งผลกระทบไปทั้งโลกและอาจจะทำให้อียูมีปัญหาถึงขั้นแตกออกได้ แต่จะไม่มีผลกระทบกับการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ตามที่หลายฝ่ายกังวล ทั้งนี้เพราะเออีซีและอียูมีรูปแบบการรวมตัวที่ต่างกัน โดยประเทศในกลุ่มเออีซี ไม่ได้มีการใช้เงินสกุลเดียวกันเหมือนอียูที่ใช้เงินยูโร และ เออีซีเป็นเขตการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก โดยประเทศต่างๆมีการเจริญเติบโตที่สูงไม่เหมือนอียูที่มีหลายประเทศมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ยกเว้นประเทศไทยที่มีการเจริญเติบโตที่ต่ำที่สุดในอาเซียนจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ถึงขนาดที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่าไทยกลายเป็นตัวถ่วงของเออีซีไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเพราะประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำของอาเซียนได้ จากที่ไทยมีการพัฒนาที่มากกว่าและมีตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสม อีกทั้งโดยส่วนตัวแล้วอยากเห็นเงินบาทเป็นเงินสกุลหลักของภูมิภาคซึ่งจะทำให้ไทยเป็นผู้นำของอาเซียนได้อย่างแท้จริง โดยแต่ละประเทศก็มีเงินสุกลของตัวเอง แต่อิงกับค่าเงินบาท เพราะปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านก็ใช้เงินบาทกันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ไทยได้ประโยชน์อย่างมาก
ทั้งนี้การที่ประเทศไทยจะเป็นผู้นำอาเซียน ประเทศไทยจะต้องมีบรรทัดฐานสากลเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ โดยต้องเร่งกลับสู่ระบอบการปกครองที่ประชาคมโลกยอมรับ ซึ่งต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นสากล และต้องมีการป้องกันการทุจริตที่ผู้รับผิดชอบต้องลาออกทันทีที่มีปัญหาเช่นเรื่อง GT 200 และ อุทยานราชภักดิ์ที่ประชาชนยังสงสัย เป็นต้น อีกทั้งต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนจนยูเอ็นและนานาชาติต้องตำหนิ แต่โฆษก คสช. กลับกล้าออกมายืนยันว่ารัฐบาล คสช. ไม่เคยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และหากประชามติไม่ผ่านนายกรัฐมนตรีก็ควรจะต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากรัฐบาลและ คสช. เป็นผู้ตั้ง กรธ. เอง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบรรทัดฐานสากลเป็นที่ยอมรับของนานาชาติและจะทำให้เป็นผู้นำของอาเซียนได้
ที่มา: voicetv
0 comments:
Post a Comment