Sunday, August 7, 2016

Tagged Under:

โศกนาฏกรรมรัก หนุ่มช้ำใจผูกคอตาย เซลฟี่ส่งให้แฟนดู

By: news media On: 12:56 AM
  • Share The Gag
  • หนุ่มน้อยใจรัก แฟนสาวย้ายไปเรียนที่อื่น-พบชายคนใหม่ ซดเหล้าตัดพ้อกับเพื่อน ก่อนเซลฟี่ตัวเองกำลังฆ่าตัวตาย ส่งให้แฟนสาวดูทางเฟซบุ๊ก แม่เปิดประตูมาดูแทบช็อก

    (7 ส.ค.) ร.ต.อ.สนิท คำชมภู รอง.สว.(สอบสวน) สภ.บึงโขงหลง ได้รับแจ้งเหตุผูกคอตายที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฐาประวิชญ์ อินทะนนท์ ผกก.พ.ต.ท.สมชาย อาจนุการ รอง ผกก.สส.พญ.พรสวรรค์ วิชชุเวช แพทย์เวร รพ.บึงโขงหลง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลจุดบึงโขงหลง


    จุดเกิดเหตุ บริเวณห้องนอนของบ้านชั้นเดียว พบศพ นายเอกพล อายุ 26 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน สภาพศพใส่กางเกงยีนขาวยาว เสื้อแขนยาวสีฟ้า สวมทับเสื้อยืดลายม้าลาย ด้านในแขนซ้ายมีรอยกรีดด้วยมีดโกนเป็นทางยาว มีเลือดไหลเปื้อนที่นอนและมีดโกนตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    ส่วนที่ขาตั้งราวแขวนเสื้อผ้าข้างผนังห้องนอน พบสายลำโพงสีแดงมัดเป็นบ่วงผูกติดอยู่ ซึ่งผู้เสียชีวิตใช้ผูกคอฆ่าตัวตาย ขณะที่ในโทรศัพท์มือถือพบภาพถ่ายผู้เสียชีวิตกำลังนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า โดยมีสายลำโพงสีแดงรัดคออยู่ และโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กไปถึงแฟนสาวนักศึกษา เพื่อให้ทราบว่ากำลังจะฆ่าตัวตาย เพราะผิดหวัง

    นอกจากนี้ยังมีคำต่อว่าแฟนสาวเป็นเชิงน้อยใจเช่น "เธอจากไปโดยที่ไม่มีวันกลับมา..ทำไมๆๆๆ" "กูไม่ได้ฝันไปใช่ไหม มันคือเรื่องจริงใช่ไหม ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้ ไหนมึงบอกว่ามึงรักกูไง"

    จากการสอบสวน แม่ของผู้เสียชีวิต ให้การว่า เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ (6 ส.ค.) ลูกชายได้ตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนที่บ้านและได้โทรศัพท์หาแฟนสาว เป็นคนที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงกัน และเพิ่งย้ายไปเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม ก่อนจะเกิดปัญหาทะเลาะกัน จึงบ่นและเล่าความน้อยใจให้เพื่อนฟัง

    หลังจากเพื่อนๆ แยกย้ายกันกลับผู้ตายได้เข้าไปในห้องนอน ประมาณ 20 นาที เพื่อนลูกชายก็ได้มาเรียกตนและบอกว่าลูกชายฆ่าตัวตาย ถ่ายรูปขณะผูกคออยู่ในห้องนอน แล้วส่งไปให้แฟนสาวดูทางโทรศัพท์ แฟนสาวได้โทรศัพท์มาบอกให้เพื่อนกลับมาดู เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไปพบว่าลูกชายใช้สายลำโพงเป็นบ่วงรัดคอตัวเอง จึงรีบปลดออกแล้วนำไปนอนปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่ฟื้นอีกต่อไปแล้ว


    ที่มา: sanook

    0 comments:

    Post a Comment