วันที่ 30 ส.ค.60 ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ปกครองเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ชาว อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ลูกสาว ถูกชายวัย 61 ปี ชื่อนายทอง (นามสมมติ) ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ล่อลวงไปกระทำอนาจารในป่าอ้อย
โดยชายดังกล่าวได้หลอกลูกสาวพร้อมเพื่อนวัยเดียวกันว่า จะพาไปกดเงินในตัวอำเภอ แล้วจะให้เงินคนละ 300 บาท หากไปเป็นเพื่อน เด็กทั้งสองจึงนั่งซ้อนท้ายจักรยานไปด้วยกันรวม 3 คน โดยปั่นลัดเลาะไปทางไร่อ้อย และพยายามจอดหลายครั้ง
จนกระทั่งเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ นายทองได้จอดรถจักรยานข้างทาง แล้วอุ้มลูกสาวไปในป่าอ้อยเพียงคนเดียว ทิ้งให้เพื่อนลูกสาวยืนรออยู่บนถนนซึ่งเป็นทางเปลี่ยว และได้กระทำอนาจาร พยายามจะข่มขืนลูกสาว กระทั่งมีชาวบ้านผ่านมาแล้วสามารถช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา และเข้าแจ้งความวันที่ 28 ส.ค.
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายที่ถูกกล่าวหา มาสอบปากคำที่ สภ.บ้านด่าน ท้องที่เกิดเหตุแล้ว โดยชายคนดังกล่าวพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ให้การวกไปวนมา แต่ยอมรับว่าได้พา ด.ญ.ทั้งสองนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานไปที่ป่าอ้อย แล้วใช้มือบีบคอจริง แต่ไม่ได้กระทำอนาจาร เพียงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้กินยารักษาอาการป่วยทางจิต
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่า ชายคนดังกล่าว มีบัตรผู้ป่วยทางจิตและไปรับยาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์จริง แต่ที่ก่อเหตุดังกล่าวอาจเนื่องจากไมได้กินยาต่อเนื่อง แต่ประวัติที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยปรากฏมีพฤติกรรมรุนแรง
ด้าน พ.ต.อ.กรธัช อู๊ดเจริญ ผู้กำกับการ สภ.บ้านด่าน ได้ออกมาชี้แจงว่า ส่วนกรณีที่ทางญาติเด็กติดใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับแจ้งความตั้งแต่แรก เพียงลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วได้รับแจ้งความตั้งแต่แรกแล้ว แต่อาจจะเป็นการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน และอาจจะไม่เข้าใจขั้นตอนการทำหน้าที่ของตำรวจ เพราะจะต้องหาพยานหลักฐานก่อน จึงจะเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำได้ แต่ญาติอาจจะเข้าใจว่าแจ้งความแล้วต้องควบคุมตัวมาได้เลยทันที
จนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำแล้ว และพบว่าผู้ถูกกล่าวหามีประวัติการรักษาอาการทางจิต จึงได้ส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลจิตเวช จ.นครราชสีมา ซึ่งต้องรอผลตรวจยืนยันจากแพทย์อีกครั้งว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่ ซึ่งหากแพทย์ยืนยันว่าป่วย ก็ต้องทำการรักษา แต่หากไม่ได้ป่วย ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ แม่และย่าของด.ญ.เอ ผู้เสียหาย ยืนยันว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้เด็กก็ยังอยู่ในอาการหวาดผวา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับผู้กระทำตามกฎหมายจนถึงที่สุด เพราะเกรงว่าหากปล่อยตัวออกมาจะเป็นภัยต่อสังคม และอาจจะก่อเหตุกับลูกหลานคนในหมู่บ้าน หรือเด็กคนอื่นซ้ำอีก เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่จะไปทำงานต่างจังหวัดแล้วทิ้งลูกหลานให้ตายายที่บ้านเลี้ยง ส่วนที่ระบุว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิต ก็อยากให้มีมาตรการควบคุมดูแล
ที่มา: sanook
0 comments:
Post a Comment