เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อม นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีและทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อแถลงปิดคดีในคดีโครงการรับจำนำข้าว ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายนับแสนล้านบาท
แกนนำ-มวลชนให้กำลังใจ’ปู’อื้อ
โดยมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) อดีต สส.พรรค และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค ภาค กทม.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคฯนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.เป็นต้น
อีกทั้ง มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจอย่างล้นหลามทั้งบริเวณด้านหน้าศาลฯท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2จำนวน 2 กองร้อยและกองร้อยควบคุมฝูงชนหรือ กองร้อยน้ำหวาน 1หมวด รวมทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบด้วยและในครั้งนี้ยังคงมีการนำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบบริเวณทางเข้าศาลพร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยยืนคุมผู้ที่จะเดินผ่านเข้า-ออก เพื่อการรักษาความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้มีมวลชนมารอให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ กว่า1,000คน ทันทีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางโดยรถตู้มาถึง บรรดามวลชนต่างตะโกนให้กำลังใจ“ยิ่งลักษณ์สู้ๆๆ”เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โบกมือทักท้ายพร้อมทั้ง ยกมือไหว้ขอบคุณมวลชนที่มารอให้กำลังใจด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
แถลงปิดคดีเฮือกสุดท้ายยาว1ชม.
ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้เวลาแถลงปิดคดี 1ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่ 09.30-10.30น.โดยเนื้อหายาวทั้งหมด 19หน้าซึ่งในการแถลงปิดคดีด้วยวาจานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อ่านถ้อยคำจากเอกสารดังกล่าวต่อหน้าศาลโดยยืนยันว่า ไม่ได้ละเลย หรือเพิกเฉยในการตรวจสอบเมื่อเกิดปัญหาโครงการจำนำข้าว และไม่ได้สมยอมปล่อยให้มีการทุจริตระบายข้าว และชี้ให้ศาลเห็นถึงความบริสุทธิ์และความตั้งใจดำเนินโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ได้แถลงต่อสภาอันมีปมผูกพันให้ต้องปฏิบัติตาม และยังได้มีมติ ครม.รวม 6 ประเด็น ประกอบด้วย
โต้กล่าวหา-คำฟ้องพิรุธไม่ชอบกม.
1.ข้อกล่าวของ ปปช.ที่ชี้มูลความผิดและคำฟ้องของอัยการโจทก์ มีพิรุธ ไม่ชอบด้วยกฎหมายเริ่มกล่าวหาตนด้วยเอกสาร 329 แผ่น ใช้เวลาไต่สวน79วันและเร่งชี้มูลความผิดหลังจากศาล รธน.วินิจฉัยให้ตนพ้นจากตำแหน่งเพียง 1วัน ทั้งที่ข้อกล่าวหาต่อคนอื่นเรื่องทุจริตระบายข้าว ยังไม่มีข้อสรุปแล้วยังนำเอกสารกว่า 6 หมื่นแผ่น ในสำนวนคดีระบายข้าวเสมือนมา เป็นหลักฐานใหม่กล่าวหาตนทั้งที่ครั้งแรกในชั้น ปปช.ที่กล่าวหาตน ยังไม่มีเอกสารส่วนนี้ กระทั่งฟ้องตนแล้วจึงนำมาเสนอศาล 2.นโยบายจำนำข้าว เป็นนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ต้องปฏิบัติตามและเป็นนโยบายสาธารณะที่ทำเพื่อชาวนา
ปัดเพิกเฉย-จำนำข้าวมีประโยชน์.
3.ยืนยันไม่ได้เพิกเฉย เพราะมีการตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการต่างๆเพื่อปฏิบัติการและถ่วงดุลอำนาจ ดังนั้นการดำเนินนโยบาย จึงเป็นไปในรูปแบบของคณะกรรมการ มิใช่ตนในฐานะนายกฯ ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ที่นึกจะทำก็ทำ หรือ นึกจะยกเลิกก็เลิก 4.โครงการจำนำไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายตามฟ้อง แต่เกิดประโยชน์และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจทั้งโดยตรงและทางอ้อม คือ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้มีรายได้สูงขึ้นและยังส่งผลให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้นจากภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งสภาพัฒน์ ก็ได้ยืนยันข้อมูลตรงกันว่าควรดำเนินโครงการไปจนถึงปี58 ซึ่งไทยกำลังจะเข้าสู่เออีซี(AEC)
โต้ไม่ได้ทำผิด-ปล่อยให้ทุจริต
5.ยืนยันไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งกรณีที่ ปปช.และสตง.เคยมีหนังสือท้วงติงโครงการตนก็รับไว้ ไม่ได้ละเลยเพิกเฉยข้อเสนอแนะนั้นแต่ส่งให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาตามสายบังคับบัญชากระทั่งมีการตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และยังให้หน่วยงานในจังหวัดดูแลเรื่องการสวมสิทธิ์ แต่การยับยั้ง ก็ไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลเข้าซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกฯ ก็ต้องรับฟังหน่วยงานของรัฐที่มีความเชี่ยวชาญ 6.ไม่ได้ปล่อยปละให้ทุจริตระบายข้าวซึ่งข้อกล่าวหานั้น เป็นเรื่องระดับปฏิบัติการมีคณะกรรมการรับผิดชอบและเป็นเรื่องกรมการค้าต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ดูแล โดย ครม.ใช้ความระมัดระวังใส่ใจเรื่องการระบายข้าวโดยมีมติกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการป้องกันการทุจริตในการระบายข้าวให้เข้มงวดขึ้นซึ่งการดำเนินการนั้นเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องระบายข้าวแบบจีทูจี
ร่ำไห้ ไม่ทำผิด-ยอมเจ็บเพื่อชาวนา
ทั้งนี้ ระหว่างการแถลงปิดคดีด้วยวาจา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกับสะอื้นเมื่อกล่าวถึงการเป้าหมายการดำเนินนโยบายเพื่อประโยชน์ชาวนาโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า”ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สิ่งที่ทำคือ ใช้ประสบการณ์ของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดในต่างจังหวัด มีโอกาสได้รับรู้สัมผัสความทุกข์ยากแสนสาหัสของชาวไร่ชาวนา ซึ่งประเทศนี้เคยเรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติและเรียกร้องให้คนไทยทุกคนเกื้อหนุนดูแล และดิฉันก็ได้ทำแล้วในโครงการรับจำนำข้าว แม้การผลักดันนโยบายสาธารณะเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชาวนาครั้งนี้ จะทำให้ดิฉันต้องเจ็บปวดก็ตาม ในการต้องอดทนต่อสู้คดีกับฝ่ายโจทก์ ที่พยายามบิดเบือนและกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม
วอนยึดข้อเท็จจริงอย่าฟังคสช.ชี้นำ
อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย“สุดท้ายก่อนที่ศาลจะตัดสินคดีนี้ ดิฉันใคร่ขอวิงวอนศาลได้โปรดพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานที่เข้าสู่สำนวนโดยชอบและโดยสุจริต ไม่รับฟังการชี้นำจากฝ่ายใดๆแม้แต่หัวหน้า คสช.ผู้กุมชะตาและอำนาจรัฐที่พูดชี้นำคนในสังคมเกี่ยวกับคดีของดิฉันเมื่อวันที่25ก.ค.ที่ผ่านมาว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ผิดแล้ว จะเข้าสู่กระบวนพิจารณาได้อย่างไรซึ่งความพูดนี้เป็นการชี้นำ เสมือนว่ามีการกระทำผิดแล้ว ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินจึงขอความเมตตาศาลโปรดพิจารณาพิพากษายกฟ้อง”
ศาลยกคำร้องไม่ส่งคำขอตีความ
ภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาเสร็จสิ้นแล้ว ทางองค์คณะฯได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาให้ยกคำร้องล่าสุดของจำเลยที่ยื่นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.60 ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งและกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบกรณีไม่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 212 เนื่องจากศาลเห็นว่า ก่อนที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิจฉัยก่อนว่าเข้าข้อกำหนดในการส่งหรือไม่ใช่ว่าต้องส่งทุกกรณี ดังแนวคำพิพากษาศาลฎีกา 10660/2553 การที่ไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ใช่เพราะมีกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ จึงให้ยกคำร้อง โดยศาลนัดให้ฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00น.ตามนัดเดิม
ต่อมา เวลา10.50น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางออกจากศาลฎีกาฯท่ามกลางมวลชนที่ยังปักหลักมารอให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่างร้องตะโกนให้กำลังใจ”ยิ่งลักษณ์สู้ๆๆ”ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ ขณะน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยิ้มพร้อมโบกมือทักทายมวลชนก่อนที่จะเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
“วัฒนา”เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา
ด้าน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต สส.พรรคเพื่อไทย พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาความผิดตาม มาตรา116 ฐานยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีโพสต์เฟซบุ๊กให้ประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้เดินทางมาแถลงปิดคดีด้วยวาจาคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงฯ
โดยนายวัฒนากล่าวว่า หลังทราบว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหาจึงเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาทันทีซึ่งยังยืนยันว่าการโพสต์เฟซบุ๊กเป็นเพียงการให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์เท่านั้นไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องของการแสดงน้ำใจและเดินทางมาให้กำลังใจ ชุมนุมอย่างสงบ ไม่ได้ก่อเหตุความวุ่นวายตามที่หลายฝ่ายกังวล อีกทั้งการให้กำลังใจยังเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอีกด้วย
ระทึกศาลนัดตัดสินคดีสลายม็อบปี51
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 2สิงหาคม เวลา 09.30น.ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี,พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี,พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นจำเลยที่1-4ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดจากกรณีรัฐบาลนายสมชายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่7ตุลาคม 2551
เบื้องต้นทางพล.อ.ชวลิต ยืนยันว่าจะเดินทางไปฟังคำพิพากษา แม้จะมีอาการป่วยอยู่แต่พล.อ.ชวลิต ยืนยันว่าเดินทางไปไหว ยังไม่มีขอเลื่อนฟังคำพิพากษา ส่วนนายสมชายหรือจำเลยคนอื่นคาดจะเดินทางไปฟังคำพิพากษาเช่นเดียวกัน
ศาลใช้โมเดลเหมือนคดีจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทางศาลฎีกาฯจะใช้โมเดลการรักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยบริเวณเช่นเดียวกับคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เเถลงปิดคดีจำนำข้าวด้วยวาจาโดยศาลฎีกาฯได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าตำรวจมาดูแล ซึ่งมี สน.ทุ่งสองห้อง เป็นหลัก และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลที่ได้รับมอบหมาย ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ในวันที่ 25สิงหาคมซึ่งที่เป็นวันนัดฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวเเละคดีโครงการระบายข้าวนั้นทางศาลจะต้องรอประชุมเตรียมความพร้อมวางเเนวทางการปฏิบัติอีกครั้ง
ศาล ปค.ถอนคำสั่งปลด’ศิโรตม์’
วันเดียวกัน ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 658/2551ลงวันที่12 พฤษภาคม2551ที่ลงโทษปลด นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากรออกจากราชการ กรณีมีความเห็นว่าการพิจารณารับโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน)ของนายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ จากน.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทน คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำนวน4.5ล้านหุ้นมูลค่า 738ล้านบาท เมื่อปี2540ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้โดยให้กระทรวงการคลังคืนสิทธิประโยชน์ที่ นายศิโรตม์พึงได้รับ หากมิได้ถูกลงโทษทางวินัยตามคำสั่งดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่29ธันวาคม2549เป็นวันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน30วันแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
สำหรับคดีนี้ศาลปกครองกลาง เคยมีคำพิพากษาให้นายศิโรตม์ชนะคดีมาแล้วและกระทรวงการคลัง ไม่ได้อุทธรณ์ทำให้คดีถึงที่สุด แต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีแต่ต้น ศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำสั่งให้ศาลปกครองกลางตั้งองค์คณะพิจารณาคดีใหม่โดยเปิดโอกาสให้ปปช.เป็นผู้ร้องในคดี โดยคำพิพากษาวันนี้ ศาลปกครองกลางยังคงยืนยันว่านายศิโรตม์ไม่มีความผิดตามที่ปปช.ชี้มูล เนื่องจากการพิจารณาเรื่องยกเว้นภาษีดังกล่าวเป็นไปตามลำดับขั้นตอนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่เข้าข่าย เป็นผู้มีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้เสียหายดังที่ปปช.ได้ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงไปก่อนหน้านี้ หลังฟังคำพิพากษา นายศิโรตม์ที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ได้ปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยกล่าวสั้นๆว่าที่ผ่านมาไม่เคยพูดก็ขอที่จะไม่พูดต่อไป ในส่วนของปปช.จะยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อไป
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment