พบบ้านปลูกคล้ายเพิงยกสูงเกือบ 1 เมตรเศษ พอยู่กันแดด–ฝน ในบ้านมีเพียงพัดลมคอยให้ความเย็นไม่มีเฟอร์นิเจอร์อำนวยความสะดวก เป็นห้องเล็กๆ แค่ 2 คน ได้ซุกหัวนอนฝ่ายภรรยาทราบชื่อต่อมาคือน้องรินรัดดา อายุ 27 ปี นอนพักผ่อนอยู่ในมุ้งที่สามีกางไว้ให้กันแมลง-ยุง เมื่อยามที่สามีคือนายณัฐวุฒิ หรือ“บอย”วิเศษธร อายุ 24 ปี ออกไปทำงานข้างนอกบ้าน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ได้แต่งงาน–อยู่กินฉันท์สามี–ภรรยากับน้องรินรัดดาหรือเล็กมาได้รวม 7 ปี เศษ ก่อนหน้านั้นได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ แต่ได้แยกออกมาอยู่กับแฟนเป็นครอบครัวเดี่ยวช่วยกันทำมาหากินสร้างครอบครัว โดยยังไม่มีลูกด้วยกัน
แต่แล้วเหมือนเคราะห์กรรมเมื่อ 4 ปีที่แล้ว วันนั้นแม่ของน้องเล็กได้เสียชีวิตลงตามพ่อของเธอไปติดๆกันทำให้ภรรยาเสียใจเป็นอย่างมาก วันนั้นเธอได้กรีดร้องออกมาสุดเสียงเสียใจกับการจากไปของบุพการี หลังจากเสร็จสิ้นงานศพแม่แล้ว วันรุ่งขึ้นพบน้องเล็กมีอาการเกร็งมือทั้งสองข้างงอเข้าหากัน และ ตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีแรง กล้ามเนื้ออ่อนล้ากลายเป็นพิการคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แม้แต่จะพยุงตัวลุกขึ้นไปไหน จากที่เป็นคนน่ารักและพูดเก่งกลายมาเป็นคนพูดไม่ได้ ปากเบี้ยว เพียงแต่ส่งเสียงยิ้มแย้มทางสีหน้าและแววตาให้รับรู้ได้เท่านั้น เคยพาไปรักษาแต่ก็ไม่หาย”
“ต้องรับภาระดูแลเมียรักเพียงลำพังมาตลอด ด้วยความรักความผูกพัน สงสารเมียรักมาก ที่ต้องกลายสภาพจากคนปกติเป็นแบบนี้ แต่ก็จนปัญญาที่จะพาเมียไปรักษาประกอบกับฐานะยากจน ไม่มีเงินที่จะไปรักษาเมียให้หายเป็นปกติทำได้แค่ปรนนิบัติเมียทุกอย่างทั้งหาข้าวหาน้ำให้กินอาบน้ำอาบท่าให้”
“จะหาข้าวราดแกงหรือกับข้าว ตามมีตามเกิดใส่จานไว้ข้างที่นอนภรรยาแล้วก็จะออกไปทำงาน เที่ยงจะกลับมาดูแลเมียที่บ้าน บางทีไปรับจ้างไกลบ้าน จะไม่ได้กลับมาดูแล ภรรยาก็จะนอนอยู่ในมุ้งไม่มีใครมาดูแล ทิ้งไว้ตามลำพังบนที่นอนก็มีแค่มุ้งเก่าๆ เสื้อผ้าเก่าๆ คนละไม่กี่ชุด”
“พอมีเงินก็เจียดซื้อสังกะสีเสามาทำบ้านให้ภรรยาได้อยู่ ตนเองต้องออกไปรับจ้างทุกวัน บางวันไม่มีงานรับจ้างก็ไปช่วยเพื่อนๆบ้านทำงานพอได้กับข้าวมาให้ภรรยากิน มีอะไรก็กินเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ ซึ่งภรรยาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ได้แต่นอนอยู่เฉยๆ บอยหาข้าวหาน้ำไว้ให้กิน ตัวเองออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน กว่าจะกลับมาดูแลเมียก็ห่วงมาก เพราะเมียจะใช้มือป่ายไปมา โดยเฉพาะเปิดพัดลมทิ้งไว้ให้เมียทั้งวัน เกรงว่าสักวันเมียจะตะเกียดตะกายถูกพัดลงล้มลง ไม่อยากคิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น” น้องบอยหรือนายณัฐวุฒิ กล่าว
และกล่าวต่อไปว่า “ถึงแม้ว่าภรรยาจะอยู่ในสภาพนี้ แต่ตนก็ยังรักและสงสารอยู่เสมอไม่เคยรังเกียจไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งหรือหนีจากไป ถ้าหากตนเห็นแก่ตัวหนีไปภรรยาไปใครมามาดูแล ญาติทางภรรยาก็ต่างคนต่างอยู่ใครก็ไม่เหมือนผัวเมียที่รักและเข้าใจกัน ทุกวันนี้ได้แต่เฝ้าดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำไปตามเวรตามกรรม มองดูแววตากันก็รู้และเข้าใจว่าคิดอย่างไร ตนพูดให้กำลังใจเมียรักทุกวัน สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหนจนกว่าจะตายจากกันไป ทุกวันนี้ตนทำหน้าที่เหมือนกับพ่อแม่ในคนๆ เดียว”
“เฝ้าให้กำลังใจกันและกันมาโดยตลอด บ่อยครั้งแอบร้องไห้คนเดียว ชาตินี้คงเป็นเวรกรรมของภรรยาให้กำลังใจภรรยาเสมอๆไม่เคยรังเกียจ ที่ภรรยาตกอยู่ในสภาพแบบนี้จะดูแลกันไปจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทุกคนจะว่ายังไง ไม่สนทั้งนั้น ขออยู่แลเมียคนนี้จนกว่าจะตายจากกันไป ไม่เคยที่จะคิดว่านี่เป็นภาระ หากแต่เป็นความรักความอาทรแก่กันมากกว่า ทุกวันนี้ได้แต่ภาวนาให้ภรรยาหายเป็นปกติแต่ก็ไม่รู้ว่าคำอธิฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิจะช่วยได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตนเองต้องการแพมเพิตเพื่อมาไว้ภรรยาใช้ในชีวิตประจำวัน บ้านที่ปลูกอยู่ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำต้องขออาศัยบ้านน้าของภรรยาที่ปลูกอยู่ไปพลางๆก่อน”น้องบอยหรือนายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้าน นางสงวน สิงห์ทนานนท์ น้าสาวของรินรัดดา กล่าวว่าหลานเขยดูเป็นคนดีมากขนาดเมียเป็นแบบนี้ยังไม่เคยรังเกียจทำทุกอย่างให้ด้วยความเต็มใจ คงจะรักกันมากผู้ชายบางคนหนีไปนานแล้วแต่ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากๆ ไม่เห็นแก่ตัว ครั้นจะหนีไปก็ได้ไม่มีใครบังคับไม่มีใครว่าแต่เขาไม่คิดที่จะหนีเอาตัวรอด ทั้งที่ตัวเองก็ยังหนุ่มยังแน่นเขาเลือกที่จะอยู่ดูแลเมียที่ป่วยจมปลักอยู่กับเตียงแบบนี้หายากตนเองในฐานะเป็นน้าของน้องเล็กขอบใจมากที่ดูแลหลานสาวมาหลายปีแล้วผู้ใจบุญที่อยากบริจาคแพมเพิตหรือเงินค่ารักษาน้องเล็กที่พิการนอนซมอยู่กับที่ติดต่อสอบถามให้ความช่วยเหลือน้องณัฐวุฒิ วิเศษธรเบอร์โทรศัพท์ 098 9129227”นางสงวนกล่าว
ที่มา: banmuang
0 comments:
Post a Comment