Wednesday, August 30, 2017

Tagged Under:

ซัดเลวร้าย!ใช้อำนาจกม. ‘แม้ว’โผล่หัว โวยกระบวนการยุติธรรม

By: news media On: 5:56 PM
  • Share The Gag
  • “ทักษิณ”ยอมโผล่หลัง“ยิ่งลักษณ์”ล่องหน ยืมวาทกรรมนักปรัชญา “มงแต็สกีเยอ” ซัดไม่มีความเลวร้ายใดที่เลวร้ายไปกว่าการอาศัยอำนาจกระบวนการยุติธรรม ก่อนเจอ “บิ๊กตู่” ตบปากหน้าหงาย ลั่นไม่ให้ราคา ใครอยากเชื่อก็ตามใจ ขณะที่สื่อนอกยันหนีไปพร้อมคนสนิทอีก 2 หลังรู้ชะตาเจอโทษหนัก-ชวดประกัน เรือนจำหาม “บุญทรง” ส่งรพ. เครียดหนักความดันพุ่งสูง ทนายรับยื่นประกันยังน่าหนักใจ

    ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

    “แม้ว”โผล่ทวิตครั้งแรกหลังปูหนี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวทั้งข้อความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยยกวาทกรรมของนักปรัชญาทางการเมืองชาวฝรั่งเศส มงแต็สกีเยอที่กล่าวไว้ว่า ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม

    “Montesquieu once said “There is no crueler tyranny than that which is perpetuated under the shield of law and in the name of the justice.”

    แฉ“ปู”เตรียมหนีนาทีสุดท้าย

    ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจหลบหนีออกจากประเทศไทยในนาทีสุดท้าย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 สิงหาคม หลังรู้จากแหล่งข่าวว่า ศาลฎีกาฯจะตัดสินลงโทษหนักในคดีปล่อยปละละเลยให้ทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และจะไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งผิดวิสัยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไม่ใช่คนที่ทำอะไรจวนตัว แต่จะเตรียมการอบคอบเสมอ และนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย โดยแหล่งข่าวยังเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไปกับที่ปรึกษาคนสนิท 2 คน ไม่ได้พานายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ บุตรชายวัย 15 ปี ไปด้วย

    นายกฯปิดปากชี้ผบ.ทบ.แจงแล้ว

    สำหรับท่าทีฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลที่เดินหน้าตรวจสอบติดตามเบาะแสของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวเพียงสั้นๆว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงเรื่องดังกล่าวไปหมดแล้วก็เป็นไปตามนั้น ขณะนี้บ้านเมืองไปด้วยดี และสถานการณ์ดีขึ้นเพราะอะไร เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ตลาดหุ้นเขียวทั้งกระดาน เคยเกิดขึ้นหรือไม่และตนอยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ถ้าบ้านเมืองสงบมีเสถียรภาพ ไม่มีปัญหาการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างจะนิ่งหมด ขอให้ช่วยกันให้ทุกอย่างสงบ

    หยันแค่ทวิตเตอร์-ใครอยากเชื่อก็ตามใจ

    ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายกฯว่าเห็นข้อความในทวิตเตอร์ของนายทักษิณหรือไม่ นายกฯหันมาตอบเสียงดังว่า ปล่อยเขาไป ทวิตเตอร์จะได้ทำอะไรได้ เชื่อเขาก็ตามใจ คิดสิคิด พร้อมกับทำท่าทางประกอบโดยชี้นิ้วไปที่ขมับขวา

    การข่าวเร่งหาเบาะแส“ปู”ยังไร้วี่แวว

    ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวว่า การหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ทำให้ตัวเองเสียสมาธิทำงาน และไม่กระทบความเชื่อมั่นการบริหารทำงานของรัฐบาลและคสช. ยืนยันที่ผ่านมากำชับหน่วยงานความมั่นคงให้รายงานความคืบหน้าตลอด ส่วนการติดตามตัว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดนก็ต้องตรวจสอบตามแนวชายแดนพบร่องรอยหลบหนีออกไปหรือไม่ รวมถึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานประเทศต่างๆ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รายงานอะไรเข้ามา เบื้องต้นยังไม่ทราบที่อยู่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะตรวจสอบช่องทางต่างๆแล้วไม่พบ ออกไปทางไหนยังไม่รู้ รายงานจากสิงคโปร์ก็บอกไม่มี ฝ่ายข่าวก็จับตาอยู่ ถ้าไปดูแลใกล้ชิดเกินไปก็หาว่าไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ทำให้ผบ.ตร.เรียกคนกลับและมีคนเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านบ้าง ใครเคยคิดบ้างว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ ยืนยันไม่มีการจับตาท่าทีของฝ่ายการเมืองฝั่งตรงข้ามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์

    ผบ.ทสส.ยันไม่พบเส้นทางปูหนี

    สอดคล้องกับพล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)ที่ระบุว่า เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดไปหมดแล้ว ต้องรอดูความคืบหน้าการดำเนินการ เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มความสามารถ ทั้งในส่วนทหารตำรวจ โดยกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศได้ตรวจสอบพื้นที่ที่รับชอบที่อาจเป็นช่องทางที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หลบหนีแล้ว แต่ไม่พบข้อมูล

    ลุ้นตปท.ให้ข้อมูล“ยิ่งลักษณ์”

    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เผยความคืบหน้าการติดตามตัวอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ว่า ตำรวจพยายามติดตามอยู่ บางอย่างก็พูดไม่ได้ การประสานกับต่างประเทศยังไม่มีการตอบกลับ ต้องขอชี้แจงว่าการตอบกลับไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คิด เพราะขึ้นอยู่กับประเทศเขา ส่วนการขอหมายค้นตามเป้าหมายต้องสงสัยนั้นมอบให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหณกุล รอง ผบ.ตร.ไปแล้ว ถ้าจุดไหนชัดเจนก็ต้องเข้าค้น ส่วน 14 คนใกล้ชิดที่อยู่กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ก่อนหายตัวไปนั้น อยู่ในดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ว่าจะเรียกมาสอบหรือไม่ ถ้าเรียกมาแล้วไม่เป็นประโยชน์ก็จะไม่เรียก

    ว๊ากสื่อจี้ล่า“ปู-บอส”ลั่นไม่ใช่เทวดา

    ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายพุ่งเป้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตามหาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่กังวลไม่กดดัน เพราะทำเต็มที่แล้ว ถ้าไม่ได้อะไร เต็มที่ตนก็ถูกเปลี่ยนตำแหน่งเท่านั้น คดีนี้คล้ายคดีอื่นที่เพิ่งเกิด การแสวงหาพยานหลักฐานก็เหมือนคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ก็ประสานไปต่างประเทศทั้งสิงคโปร์ กัมพูชา ตนยืนยันไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่มีข้อมูลเดินทางเข้าออกตามช่องทางปกติ ถ้าผู้สื่อข่าวถามทุกวันว่าความคืบหน้าเป็นอย่างไร ตนก็ไม่ใช่เทวดา ทุกอย่างดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ซึ่งตนและพล.อ.ประวิตรทำเต็มที่ยังมีคนไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่อีก แต่ไม่หนักใจ เป็นสิทธิ์ ตนโดนจนชินแล้ว ตั้งแต่คดีม็อบ คดีภาคใต้ เชื่อว่าคนดีพระคุ้มครอง

    “บุญทรง”ความดันพุ่งส่งรพ.ราชทัณฑ์

    ส่วนความเคลื่อนไหวของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ซึ่งศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 42 ปี และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคลองเปรมนั้น มีรายงานว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายบุญทรงส่งโรงพยาบาล เนื่องจากป่วยกะทันหัน โดยนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวเรื่องนี้ว่า หลังช่วงบ่ายวันที่ 29 สิงหาคมทีมทนายความและภรรยามาเยี่ยมอาการ นายบุญทรงเกิดอาการปวดศีรษะ หน้าแดง เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงส่งตัวไปพบแพทย์ ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที แพทย์ตรวจพบนายบุญทรงมีความดันสูง เกิดจากความเครียด จึงให้ยารักษา ก่อนนำตัวกลับมาควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรม ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน นอกจากนำตัวนายบุญทรงพบแพทย์แล้ว ยังมีนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอยดำรง อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกนำตัวส่งไปตรวจดูอาการป่วย แต่ทั้งหมดถูกนำตัวกลับมาควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว

    เมีย“บุญทรง”ส่งทนายถอนฟ้องยธ.

    ด้านนายนรินทร์ สมนึก ทนายความนายบุญทรงเปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ส่งทีมทนายไปที่ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นถอนฟ้องคดีที่นางปอยใจระพี เตริยาภิรมย์ ภรรยานายบุญทรง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เเละนางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และเจ้าหน้าที่รวม 3 ราย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีกรมบังคับคดีใช้มาตรการทางปกครองอายัดทรัพย์ของนายบุญทรง หลายรายการ แต่บางส่วนเป็นทรัพย์สินและบัญชีธนาคาร 2 บัญชีของนางปอยใจระพี โจทก์ถูกอายัด ทำให้เกิดความเสียหาย เเต่นายบุญทรงขอให้ภรรยาถอนฟ้อง เพราะไม่อยากให้ตกเป็นเป้าทางการเมือง จึงส่งทนายความไปดำเนินการแล้วและช่วงบ่ายวันนี้ได้ไปเยี่ยมนายบุญทรง เพื่อหารือเรื่องประกันตัวครั้งที่สอง

    ทนายหนักใจยื่นประกันรอบ2

    หลังนายนรินทร์เข้าเยี่ยมนายบุญทรงแล้วเผยว่า มาเยี่ยมนายบุญทรงตามปกติและมาดูอาการป่วย ซึ่งยืนยันว่าจะไม่นำประเด็นการป่วยเป็นส่วนหนึ่งในการยื่นประกันตัว ส่วนการยื่นประกันตัวนั้น ดำเนินการไปแล้ว 50% อยู่ระหว่างเรียบเรียงประเด็น ถ้อยคำขอความเมตตาต่อศาล ให้เสร็จในสัปดาห์นี้ ส่วนตัวค่อนข้างหนักใจในการยื่นเรื่องประกันตัวรอบ 2 ซึ่งเรื่องหลักทรัพย์ทางญาติก็ได้เตรียมพร้อมไว้เพิ่มเติมมากกว่าที่ยื่นประกันตอนแรกแล้ว ส่วนรายละเอียดการใช้หลักทรัพย์ในคดีนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้

    โยนกรมที่ดิน-มท.-พศ.ตอบปมอัลไพน์

    อีกหนึ่งประเด็นร้อนหลังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตฯพิพากษาจำคุก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีที่ดินอัลไพน์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินการหลังศาลมีคำพิพากษาว่า เร็วเกินไปที่จะตอบ ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องอย่างกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไปพิจารณาให้ดีว่าคดีมีอายุความอย่างไร ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ รวมถึงต้องยกเลิกเพิกถอนได้หรือไม่

    ส่วนผู้ที่อยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าว ต้องย้ายออกจากพื้นที่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตามหลักการกฎหมายจะไม่ดำเนินการใดๆที่กระทบสิทธิบุคคล ขณะเดียวกันต้องออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสงฆ์หรือไม่ เรื่องนี้ไม่เคยมีมาก่อน และไม่จำเป็นต้องออกด้วย เพราะในอดีตเวลารัฐต้องการที่ดินของสงฆ์ เช่น ทำถนนหรือสะพานตลาดมีกฎหมายอยู่แล้ว แต่ภายหลังได้แก้กฎหมายคณะสงฆ์ ซึ่งก็ 30 ปีมาแล้ว ให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาได้ โดยกำหนดว่าเวลารัฐจะใช้ที่ดินของสงฆ์ให้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยเริ่มจากการเจรจากับวัด จากนั้นนำเรื่องเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.)หากมส.ไม่อนุญาตก็จบ แต่ถ้าเห็นชอบก็ว่าตามนั้น ฉะนั้นการแลกเปลี่ยนที่ดินของพระพุทธศาสนาจึงออกเป็นพระราชกฤษฎีกา


    ที่มา: naewna

    0 comments:

    Post a Comment