หลักเกณฑ์ 2 ข้อคือ มีหมายจับ-ศาลห้ามออกนอก ประเทศ สงสัยปิดบังชาวบ้านทำไม
เมื่อวันที่ 4กันยายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ
รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับกรณีหลบหนีไม่มารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำอยู่และตนได้กำชับให้ติดตามเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้รับรายงานที่แน่ชัดเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนการสอบสวนบุคคลใกล้ชิด 14คน ก็ไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้บอกข้อมูลใดๆ เอาไว้เลยก่อนหายตัวไป ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ(กต.) ได้ออกหนังสือแจ้งประสานสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ ให้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
บิ๊กป้อมยันมีรถ2ขบวนพา’ปู’หนี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากปล่อยเรื่องนี้ไว้นานจะสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่คาใจหรอก เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า ไปแล้ว เมื่อถามว่า ได้มีการรายงานเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ที่อยู่ในขบวนรถ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มี 2ขบวนคือ ขบวนรถเบนซ์และขบวนรถโฟล์ค แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด
ย้ำไม่มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามย้ำถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปล่อยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะปล่อยได้อย่างไรและที่หน้าบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีตำรวจเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหลบหนีแน่นอนและตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล4 (บกน.4) ก็รายงานชัดเจนว่า ไม่มีใครที่ช่วยหลบหนีและไม่ได้ตรวจรถที่ปรากฎเป็นข่าว ไม่ได้เปิดรถ เชื่อว่าไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือตามที่ปรากฎเป็นข่าว ซึ่งตนก็ยังไม่ได้พูดคุยและสอบถามจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
‘ศรีวราห์’อ้างพบเบาะแสหลบหนี
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความคืบหน้าในการติดตามตัวมากพอสมควร โดยสามารถติดตามร่องรอยสุดท้ายจนพบทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด เมื่อวันที่ 23สิงหาคม 2560 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากกว่านี้ว่า ร่องรอยที่พบเป็นหลักฐานทางเอกสาร หรือวัตถุพยาน
อย่างไรก็ตาม รถฟอร์จูนเนอร์ต้องสงสัยในภาพวงจรปิด ที่มีกระแสข่าวเป็นรถยนต์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้หลบหนีนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใดและยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอจากรถกระบะตราโล่ของ สน.ลาดพร้าว ส่วนเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เป็นอำนาจของกระทรวงการต่างประเทศ
‘มาร์ค’ชี้กต.ยึดพาสปอร์ตได้ทันที
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการยกเลิกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า เข้าเกณฑ์ในการยกเลิกแล้ว แต่เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันตามระเบียบการขอ หรือเพิกถอนพาสปอร์ตได้กำหนดคุณสมบัติบุคคลที่สามารถขอและเพิกถอนไว้ เท่าที่จำได้มี 2ข้อ คือ 1.กรณีมีหมายจับและ2.ศาลห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าเงื่อนไขทั้งสองข้อ ตนจึงสงสัยทำไมรัฐบาลและกต.ไม่ตอบประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า ตามระเบียบเป็นแบบที่ว่า แต่ใช้ดุลยพินิจว่า จะไม่ถอนก็ต้องอธิบาย การที่ให้ข้อมูลว่า ต้องรอคำพิพากษาของศาลก่อนนั้น ทำให้ประชาชนสับสนและความจริงมันไม่ใช่
เมื่อถามว่า ต้องรอยืนยันข้อเท็จจริงก่อนหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่อยู่ในประเทศไทยจึงจะยึดพาสปอร์ตได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ากำลังจะไปต่างประเทศแล้วมีหมายจับ ศาลห้ามออก หลักคือต้องไม่อำนวยความสะดวกให้ออกต่างประเทศได้ จะบอกว่าให้ไปอยู่ต่างประเทศก่อนแล้วจึงเพิกถอนพาสปอร์ต คือไม่ใช่เรื่อง ถ้ารัฐบาลมีเหตุผลที่ดีที่ยังไม่จำเป็นต้องเพิกถอนก็ขอให้อธิบาย แต่อย่าบอกว่าไม่มีระเบียบ เพราะความจริงระเบียบกำหนดไว้
หวั่นลี้ภัยทำยุติธรรมไทยเสียหาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เท่าที่ดูไม่ค่อยมีความคืบหน้าในการติดตามและสิ่งที่คิดว่ารัฐบาลจะต้องรับมือต่อไป คือ ถ้าออกนอกประเทศจริง คงจะทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลไทยจะกลายเป็นจำเลยแทน เพราะจะทำให้เกิดความข้องใจในสังคมโลกว่า สรุปรัฐบาลไทยมีปัญหาถึงขนาดที่คนจะต้องขอลี้ภัยหรือไม่ ดังนั้นจึงสงสัยในความจริงจังความชัดเจนในการทำหน้าที่ของรัฐบาล
ทั้งที่เป็นเรื่องทุจริต-ไม่ใช่การเมือง
“กรณีนี้ที่ผมเป็นห่วงเฉพาะกรณี คุณยิ่งลักษณ์เราไม่เคยเห็นอะไรที่บ่งบอกว่า ถูกคุกคามจากการใช้อำนาจจากฝ่ายบริหาร อย่างมากสุดคือ ติดตามใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกินไป ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่ากระบวนการยุติธรรม หรือการร้องเรียนแปลว่า คุณยิ่งลักษณ์ จะผิดทุกเรื่อง เพราะเห็นยกฟ้องไปหลายเรื่อง แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือ จริงจังในการติดตามตัวและรัฐบาลต้องเตรียมชี้แจงกับประชาคมโลกว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคดีทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งความจริงโครงการรับจำข้าวถูกตรวจสอบก่อนที่จะรัฐประหารเสียอีก โดยไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจในการบริหารแม้แต่น้อย แต่ถ้ารัฐบาลไม่ช่วยชี้แจงจะทำให้เกิดความเสียหายในกระบวนการยุติธรรม’นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment