ความคืบหน้ากรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีบริษัทไร่ส้ม จำกัด ทุจริตเงินค่าโฆษณาเกินเวลารายการ“คุยคุ้ยข่าว”ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท ปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น สั่งจำคุกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวคนดัง และ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม จำกัด เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน ศาลฎีกายกคำร้องขอประกันตัว จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสรยุทธไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทันที ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 1กันยายน นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของ นายสรยุทธ เปิดเผยหลังจากเข้าพบ นายสรยุทธ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพว่า ในส่วนของก่อนหน้า ที่ศาลไม่ให้ประกันตัวเพราะว่าในเรื่องของคดีดังกล่าวมีข้อจำกัด แต่ทั้งนี้ ก็จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็ไม่ได้เจาะจงในเรื่องของการประกันตัวแต่อย่างใด แต่จะเน้นในเรื่องเร่งร่างคำร้องขอฎีกามากกว่า ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางด้านนายสรยุทธ ก็ไม่ได้เร่งรัดในเรื่องของเวลาและเข้าใจในเรื่องของคดี
นายมนต์อนันต์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทาง นายสรยุทธ ไม่อยากให้มารดาทราบเรื่องอะไรมาก เนื่องจากขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาล อาจจะกระทบกระเทือนทางจิตใจได้ ซึ่งข่าวของนายสรยุทธ ทางคนใกล้ชิดเลี่ยงที่จะให้มารดารับรู้ ในส่วนของวันที่ 2 กันยายน เป็นวันหยุดซึ่งทนายไม่สามารถเข้ามาเยี่ยมได้ แต่ทางญาติสามารถเข้ามาเยี่ยมได้ตามปกติตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. เท่านั้น ในส่วนของความวิตกกังวลของนายสรยุทธนั้น เป็นเรื่องปกติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับตัวและก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษแต่อย่างใด และได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่น
วันเดียวกัน “กุ๊ก-กฤติกา ขอไพบูลย์”ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง ได้เปิดเผยความรู้สึกผ่านทางอินสตราแกรมส่วนตัว หลังจากเดินทางเข้าไปเยี่ยม นายสรยุทธว่า ถึงเพื่อนๆ ที่ฝากกำลังใจให้พี่ยุทธทุกๆท่าน วันนี้กุ๊กได้นำความรู้สึกดีๆ ที่เพื่อนๆ ฝากกันมา บอกให้เจ้าตัวรับทราบเรียบร้อยนะคะ พี่ยุทธฝากขอบคุณทุกๆคนที่เป็นกำลังใจให้ “ไม่ต้องห่วงพี่ พี่อยู่ได้ พี่กำลังปรับตัวให้อยู่ที่นี่ให้ได้ไม่ต่างจากผู้ต้องขังคนอื่นๆ พี่ไม่ได้มาจากชีวิตที่ไม่เคยลำบาก ถ้าต้องอยู่ที่นี่ พี่อดทนได้ พี่อยู่ได้” ซึ่งได้มีชาวโลกออนไลน์ต่างเข้ามาคอมเม้นท์ให้กำลังใจนานยสรยุทธอย่างล้นหลาม
ด้าน นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนกฎหมายในการยื่นฎีกาคดีที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายสรยุทธ กับพวกฐานสนับสนุนพนักงานรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อกระทำการในตำเเหน่ง, เป็นพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตเสียหายแก่องค์กร, ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 6 กระทง เเละเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน จึงเป็นคดีต้องห้ามฎีกา ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคเเรกที่ระบุว่า ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับแต่โทษจำคุกไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
“คดีนี้ศาลจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน เท่ากับกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงเป็นคดีต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เเต่ในข้อกฎหมายตัวจำเลยยังสามารถฎีกาได้ไม่มีปัญหา เเละการจะยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นจะต้องดำเนินการตามมาตรา221 ซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับคดีต้องห้ามฎีกาไว้ว่า ถ้าผู้พิพากษาคนใดที่เป็นผู้พิจารณาสำนวนหรือ ผู้พิพากษาที่ลงชื่อทำความเห็นแย้งในคดีนี้ไม่ว่าจะเป็นศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอัน ควรสู่ศาลสูงสุดและมีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา หรือกรณีที่อัยการสูงสุด ลงชื่อรับรองฎีกาว่า มีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย ก็ให้ สามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เช่นกัน” โฆษกศาลยุติธรรม กล่าว
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment