ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์สูง 3 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 28 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณห้องนอน ชั้น 2 ของตัวบ้าน พบศพ Mr.Helmut Alfred Breidenaged อายุ 43 ปี ชาวเยอรมัน สภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอน สวมเสื้อยืดคอปกสีแสดคาดดำ นุ่งกางเกงสามส่วนสีดำ โดยที่ศีรษะมีถุงพลาสติกสีดำคลุม พร้อมทั้งมีสก็อตเทปพันโดยรอบลำคออีกที ตรวจสอบโดยรอบไม่มีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังพบกระดาษจดหมายเขียนข้อความลาตายมีเนื้อหาใจความ“SomI Love You and the kid’s you are the best in my Life I m sorry Joe” ซึ่งจับใจความได้ว่าบอกรักภรรยาและลูกทั้งสอง โดยคุณเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตผม ลงชื่อ โจ วางไว้ที่ตู้กระจกสำหรับวางเครื่องสำอาง เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งชันสูตร ที่ รพ.ตำรวจ
จากการสอบสวนน.ส.กรรญกร หรือ ส้ม อายุ 21 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตาว่า ตนคบหาสามีมากว่า 4 ปี โดยตนมีลูกติดจากสามีเก่า 2 คน จนกระทั่งมาพบรักกับผู้ตาย ที่มีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ โดยก่อนหน้าที่จะมาคบกับตน สามีมีฐานะดีมาก ได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ในประเทศเยอรมัน โดยสามีได้มีภรรยาและลูกที่เป็นคนไทยอยู่ก่อนแล้ว และมีการส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้นับแสนบาทต่อเดือน ต่อมาได้เลิกรากันแล้วมาคบกับตน โดยสามีได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกของตนทั้ง 2 คน เป็นอย่างดี อีกทั้งยังดูแลให้ค่าใช้จ่ายกับครอบครัวของตน และส่งเสียให้น้องของตนได้เรียนหนังสืออีกสองคนด้วย
“เมื่อกลางปีที่แล้ว สามีประสบอุบัติเหตุรถจยย.พลิกคว่ำ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีปัญหาภายในบริษัท ทำให้ได้เงินส่วนแบ่งมาไม่มากเหมือนเดิม และทราบว่าแม่สามีที่อยู่ประเทศเยอรมันก็ล้มป่วยลง และต้องการให้สามีกลับไปที่ประเทศเยอรมัน แต่สามียืนยันว่ารักเมืองไทยและอยากอยู่กับส้มกับลูกจะไม่ไปไหน ช่วงหลังนี้สามีกลัวเงินไม่พอใช้ เพราะขาดรายได้จากบริษัท และยังมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูครอบครัวเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความเครียด ซึ่งเราก็คอยให้กำลังใจตลอด และบอกว่าไม่เป็นไร โดยจะช่วยกันหาทางแก้ไข แต่ไม่คาดคิดว่าสามีด่วนตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตายเร็วแบบนี้ อีกทั้งเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ สามีหยิบเงิน 200 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายของบ้าน บอกให้ไปใช้เป็นเงินทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา เพราะส้มมีนัดกับพ่อว่าจะไปทำบุญที่วัด เสมือนเป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายของสามี” น.ส.กรรญกร กล่าวทั้งน้ำตา
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายเครียดเรื่องธุรกิจและค่าใช้จ่ายภายในบ้านรวมทั้งโรคประจำตัวทำให้คิดสั้นฆ่าตัวตายดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการสอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตอีกครั้ง รวมทั้งรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง หลังจากนี้จะมีการประสานทางสถานทูตเพื่อติดต่อญาติผู้เสียชีวิตมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ที่มา,http://www.khaosod.co.th/
0 comments:
Post a Comment