พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่โรงพยาบาลบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เวรเปลที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สังคมยังมีข้อสงสัยว่า พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา ได้มีการสั่งการให้โรงพยาบาลตรวจวัดแอลกอฮอล์ นายเจนภพ วีรพร ที่ขับรถเบนซ์หรูซิ่งชนรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า จนทำให้รถเกิดไฟไหม้คลอก นายกฤษณะ ถาวร และ นางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เสียชีวิตจริงหรือไม่
สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เวรเปลที่ปฏิบัติหน้าที่ ในวันเกิดเหตุ
ซึ่งจากการสอบปากคำพยาบาลในวันเกิดเหตุ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนได้ร้องขอให้พยาบาลตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และได้บอกว่าจะขอตรวจที่โรงพยาบาลสมิติเวชเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อกล่าวหา คือ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ตามพระราชบัญญัติจราจร และขับรถยนต์ในลักษณะมึนเมา ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจากโรงพยาบาลสมิติเวช มาขอหมายขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา 12 วัน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลในการพิจารณา ขณะที่ผลการตรวจสอบหาสารเสพติดของผู้ต้องหา ยังสามารถตรวจหาได้ ทั้งจากเส้นผม เล็บ และกระแสเลือด เนื่องจากสารดังกล่าวจะอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานกว่าสารแอลกอฮอล์
รอง ผบ.ตร.ลุยเอง...
ส่วนกรณีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผู้กำกับตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 โดยให้เหตุผลเพื่อให้ผู้กำกับออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จะได้ทำให้คดีนี้เกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.
ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้นำตัว นายเจนภพ ไปขออำนาจศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาฝากขังผัดแรก 12 วัน ในข้อหาเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถโดยประมาท และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า การสอบสวนคดียังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งยังต้องรอผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ จากผู้เชี่ยวชาญ จึงจำเป็นต้องขออำนาจศาลฝากขัง
โดยในการนำตัวมาครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพแต่อย่างใด แต่จากการสังเกตการณ์พบว่า นายเจนภพได้นั่งรถเข็น โดยมีพยาบาลคอยดูแล รวมถึง นายเจริญ แก้วยอดหล้า ทนายความส่วนตัวเดินทางมาด้วย โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชน
ขณะที่ผู้ต้องหาพร้อมทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวจากศาล เป็นเงิน 2 แสนบาท ศาลได้วิเคราะห์ให้ประกันตัวได้เพื่อให้ผู้ต้องหาได้กลับไปพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล โดยอยู่ใน 4 เงื่อนไขคือ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามขับขี่รถทุกประเภท ให้ยึดใบอนุญาตใบขับขี่ และต้องมารายงานตัวต่อศาลทุกครั้งเมื่อมีหมายศาล
ส่วนกรณีที่พบซองยาบนรถของผู้ต้องหา พ.ต.อ.สุรินทร์ ทัพพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา หัวหน้าชุดทีมสืบสวน ขอเวลาในการตรวจสอบ และยังไม่ยืนยันว่ายาดังกล่าวเป็นยาแก้โรคซึมเศร้าอย่างที่มีข่าวไปก่อนหน้านี้ จากนี้จะมีการนำเส้นผม และดีเอ็นเอของผู้ต้องหาไปตรวจสอบ ว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป.
ที่มา: thairath
0 comments:
Post a Comment