Wednesday, July 6, 2016

Tagged Under:

จับ"ธัมมชโย"ไม่ได้ก่อนเข้าพรรษาสงสัยต้องลากยาว !!

By: news media On: 6:06 PM
  • Share The Gag
  • เมืองไทย 360 องศา
         
           ตามปฏิทินระบุกันว่าวันที่ 20 กรกฎาคมนี้จะถึง"วันเข้าพรรษา" เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธองค์พระบรมมหาศาสดากำหนดให้พระสงฆ์ต้องจำพรรษาแต่ในวัด เพราะเกรงว่าจะไปเหยียบย่ำข้าวปลาในนาของชาวบ้านเสียหายได้รับความเดือดร้อนประกอบกับหน้าฝนเป็นช่วงที่พระสงฆ์ไปในมาไหนลำบากจึงกำหนดให้อยู่แต่ในสถานที่อันควร คือภายในวัด มีกำหนด 3 เดือน
         
           นั่นเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานทุกปี แต่ขณะเดียวกันในเวลานี้กำลังมีบางกลุ่มกำลังจะมีการใช้โอกาสวันสำคัญดังกล่าวเพื่อเอาตัวรอดหลบหนีคดีอาญาไปในคราวเดียวกัน ใช่แล้วกำลังประเมินถึงความเคลื่อนไหวของ "ธัมมชโย"เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่กำลังทำทุกทางเพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันรับของโจรและร่วมกันฟอกเงินหลังจากศาลได้อนุมัติหมายจับไปตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว แต่จนถึงบัดนี้เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ในฐานะพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดียังไม่สามารถเข้าถึงตัวไปจับกุมได้ เนื่องจากถูกขัดขวางทุกรูปแบบทั้งการตั้งสิ่งกีดขวาง ระดมกำลังสาวกเข้ามาเป็นกำแพงมนุษย์ล้อมรอบผู้ต้องหาเอาไว้ ขณะที่ตัวผู้ต้องหาคือ ธัมมชโย ก็อ้างว่า"ป่วยหนัก"แต่ไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล ไม่ยอมให้คนภายนอกเข้าไปเยี่ยมหรือตรวจอาการ
         
           ที่ผ่านมาก็ทราบเจตนาว่าพวกเขามีเจตนาเตะถ่วงยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ไม่ยอมมอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากมีการระบุชัดเจนว่าจะเข้ามอบตัวก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์เท่านั้น แม้ว่าฟังแล้วเป็นเรื่องตลกขบขัน ที่คนพูดก็พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่เจตนามันชัดคือไม่มอบตัว และไม่ให้เข้ามาจับกุมในวัดเป็นอันขาด ขณะเดียวกันก็ยังมีการระดมพระสงฆ์และบรรดาลูกศิษย์สาวกจำนวนมากเข้ามาภายในวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง มีการอ้างว่าเป็นการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาตลอดทั้งเดือนนี้ และต่อเนื่องกันไปในช่วงเข้าพรรษานี้ ทำให้ต้องประเมินกันว่านี่คือแท็กติกในการซื้อเวลาหนีคดีไปเรื่อยๆ
         
           ในด้านของเจ้าหน้าที่รัฐคือกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ยังมีความพยายามเข้าจับกุมอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ได้นำหมายค้นและเข้าจับกุมธัมมชโยมาแล้ว แต่ถูกขัดขวางจากำแพงมนุษย์จนต้องล่าถอยออกมา อย่างไรก็ดีได้เห็นความเคลื่อนไหวในอีกรูปแบบหนึ่งนั่นคือใช้วิธีตัดกำลังลิดรอนกิ่งก้านก่อนถอนโคน เริ่มมีการดำเนินคดีกับพวกเจ้าของรถแบ็กโฮที่นำมาปิดกั้นอยู่หน้าวัดพระธรรมกาย รวมไปถึงลูกศิษย์ที่ขัดขวางการจับกุมหลายราย
         
           ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการตรวจสอบในทางลึก ขอความร่วมมือกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของ ธัมมชโย และลูกศิษย์บางคนที่เชื่อมโยงกันทำให้เชื่อว่าอีกไม่นานอาจจะมีการสั่งอายัดทรัพย์ตามมาก็เป็นได้
         
           นอกเหนือจากนี้ยังมีการกดดันให้องค์กรปกครองทางสงฆ์เข้ามาร่วมพิจารณารับรู้ความผิด แม้ว่าในความเป็นจริงจะรู้ดีว่าคงไม่ค่อยได้ผล เพราะมีไม่น้อยเป็นเครือข่ายหรือเป็นพวกเดียวกับธัมมชโย ค่อยเข้าด้วยช่วยเหลือกันมาตลอด แต่อย่างน้อยทำให้สังคมได้แยกแยะกันออกว่าใครอยู่ฝ่ายไหน แทนที่จะ"ลอยตัว"เหมือนเมื่อก่อน อ้างว่าไม่เกี่ยวกับคดีปกครองทางสงฆ์โยนให้เป็นเรื่องคดีความทางโลก

         
            แต่ที่น่าจับตาก็คือท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแสดงท่าทีออกมาให้เห็นชัดเจนว่าอาจใชั มาตรา 44 เข้ามาจัดการ ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีไฟเขียวในการใช้กฎหมายพิเศษดังกล่าว เพื่อยุติปัญหาโดยเร็ว เพียงแต่ว่าต้องรอดูจังหวะเท่านั้น
         
           อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากตารางเวลาน่าจะหลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมไปแล้ว เนื่องจากในวันดังกล่าวเป็นวันที่พนักงานอัยการจะสรุปสำนวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งไปให้พิจารณาซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 13 กรกฎาคมว่าจะฟ้อง 5 ผู้ตัองหา ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ธัมมชโยรวมอยู่ด้วย หากสั่งฟ้องดีเอสไอก็ต้องนำตัวไปปรากฎตัวต่อศาลในวันส่งฟ้อง ทำให้เชื่อว่าน่าจะดำเนินการภายหลังวันที่ 13 กรกฎาคม โดยเฉพาะการขอหมายค้นอีกรอบส่วนจะเป็นวันไหนนั้นให้จับตาอย่างใกล้ชิดก็แล้วกัน
         
           ขณะเดียวกันเชื่อว่า หากมีการจับกุมคราวนี้เชื่อว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษคงไม่ทำแบบเอิกเกริกเหมือนคราวที่แล้ว เนื่องจากคราวนั้นน่าจะเป็นการหยั่งเชิงมีเป้าหมายเพื่อประจานให้สังคมเห็นว่าฝ่ายธัมมชโย ตุกติกอย่างไร เป้าหมายเพื่อทำลายความชอบธรรม จนสร้างกระแสการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย
         
           ดังนั้นหากพิจารณาในภาพรวมและสถานการณ์ที่บีบคั้นเข้ามาทุกขณะทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าหลังผ่านวันที่ 13 กรกฎาคม หากอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา ก็คงมีการขอหมายค้นและเข้าจับกุมทันที รวมทั้งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการใช้ มาตรา 44 เข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งหากดำเนินการก็ต้องทำก่อนวันเข้าพรรษา ไม่เช่นนั้นก็ต้องยื้อไปอีกอย่างน้อยสามเดือน ยาวไปเลย เพราะหากเข้าจับกุมในช่วงวันสำคัญก็อาจดูไม่งาม
         
           อีกด้านหนึ่งสำหรับทางฝ่ายธัมมชโย และธรรมกาย ก็ต้องเดินเกมยื้อให้ถึงเทศกาลวันเข้าพรรษาให้ได้ เพราะหากยื้อไปไดัก็ถือว่าทำได้สำเร็จ แต่ขณะเดียวกันทางฝ่ายอำนาจรัฐหากปล่อยให้ยืดเยื้อก็จะเกิดผลลบในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายไม่เสมอภาค ทำลายความศรัทธาของชาวบ้านที่ ผู้นำประกาศย้ำอยู่เสมอว่าทุกคนย่อมภายใต้กฎหมาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็กดดันจนเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว !!


    ที่มา: manager

    0 comments:

    Post a Comment