พบบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากโครงการไร่ชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ประมาณ 8 กม.เป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังคาสังกะสีสภาพเสื่อมโทรม ซึ่งสร้างอยู่ในบ้านเลขที่ 150 หมู่ 2 บ้านหนองตาฉาว ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก มีแต่ที่นอนหมอนมุ้ง และโทรทัศน์เก่าๆ อีก 1 เครื่อง ในบ้านพบนางวันดี บัวเจริญ อายุ 67 ปี กำลังอุ้ม ด.ญ.ประภาสิริ โพธิ์ทอง หรือน้องมุ่ย ผู้เป็นเหลนวัย 5 ขวบเศษอยู่ ตรวจสอบด้วยสายตาพบที่บริเวณแผ่นหลังมีปานดำขนาดใหญ่ลักษณะเนื้อย่นและมีขนขึ้นปกคลุมอยู่เต็มแผ่นหลัง ลุกลามไปทั่วสีข้างทั้งสองด้านมาถึงหน้าอกและท้องด้านหน้า เหลือระยะห่างประมาณ 3-4 นิ้ว ก็จะบรรจบชนกันที่บริเวณหน้าอก นอกจากนี้ที่บนศีรษะ ขา แขน นิ้วมือ ยังพบมีปานดำขนาดเล็กขึ้นกระจายอยู่ทั่วบริเวณด้วย
นางวันดี เล่าว่า น้องมุ่ยเป็นบุตรของ น.ส.รสสุคนธ์ ฤทธิ์บัว ผู้เป็นหลานสาว และนายภานุพงศ์ โพธิ์ทอง ทั้งสองได้เลิกราและแยกทางกันเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน และได้ทิ้งน้องมุ่ยให้ตนเลี้ยงดูเพียงลำพัง โดยน้องมุ่ยมีปานดำติดตัวมาตั้งแต่แรกคลอด ตอนอายุได้ประมาณ 1 เดือน ตนได้พาไปพบแพทย์ที่ รพ.ชะอำ ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ ร.พ.ราชวิถี และส่งต่อไปที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพฯโดยแพทย์ที่ รพ.ศิริราช บอกว่า ปานดำที่ตัวน้องมุ่ยจะลามใหญ่ตามตัวขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องทำการรักษาโดยการฉายแสงเพื่อยับยั้งเซลล์ และผ่าตัดนำผิวหนังที่ขามาปลูกทดแทน หากปล่อยไว้จนปานดำที่ด้านหลังแผ่ขยายลามออกไปจนไปชนกันถึงหน้าอกน้องมุ่ยอาจจะมีอาการหายใจไม่ออกและอาจส่งผลถึงชีวิตได้ แต่หลังจากกลับมาแล้วก็ไม่ได้พาน้องมุ้ยไปหาหมออีกเพราะไม่มีเงิน
"ตอนแรกๆ น้องมุ่ยยังไม่ค่อยมีอาการอะไร แต่พออายุได้ประมาณ 2-3 ขวบ ปานดำเริ่มมีขนขึ้นทั่วบริเวณ ช่วงอากาศร้อน และตอนกลางคืนน้องมุ่ยจะมีอาการคันและมีไข้ขึ้นสูงทุกครั้ง ขณะนี้ปานดำได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วแผ่นหลังสีข้างและกำลังจะมาบรรจบที่หน้าอก ตนสงสารน้องมุ่ยมากกลัวน้องมุ่ยจะเสียชีวิต แต่ก็ไม่มีปัญญาหาเงินที่ไหนมารักษา ทุกวันนี้ ร่างกายตนก็ไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง หูก็ฟังไม่ค่อยได้ยิน แต่ก็ต้องกัดฟันออกไปของานจากชาวบ้านทำ เพื่อนำเงินค่าแรงซึ่งได้วันละ150-300 บาทมาซื้อนม ผ้าอ้อม และซื้อยามารักษาน้องมุ่ยตามมีตามเกิด และต้องเผื่อแผ่ไปเลี้ยงลูกของหลาน ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบ และ 5 ขวบ อีก 2 คน หากวันไหนตนป่วยหรือฝนตกก็ทำงานไม่ได้ไม่มีเงินก็อดกันทั้งครอบครัว วอนขอผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือนำตัวน้องมุ่ยไปรักษาให้ปานดำหายไปจากตัวน้องมุ่ยด้วย ตนสงสารหลานมากไม่อยากให้ต้องเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย" นางวันดี กล่าวทั้งน้ำตา
ขณะนี้อาการของน้องมุ่ย กำลังอยู่ในขั้นเชื้อลุกลามเป็นแผ่นปานขนาดใหญ่ ไปทั่วร่างกาย และกำลังลุกลามเข้าไปที่ดวงตา ผู้ที่จิตเมตตาต้องการช่วยเหลือนำน้องมุเยไปรักษาตัว หรือช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์สามารถติดต่อได้ที่ นางวันดี บัวเจริญ หมายเลขโทรศัพท์ 090-1508774 หรือบริจาคได้ที่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (โครงการ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาท่ายาง บัญชีเลขที่ 020006610948
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment