คิดค่าหัวละ3พัน
ตำรวจ-ทหาร พร้อมรับมือกองเชียร์“ยิ่งลักษณ์”ในวันแถลงปิดคดี โครงการรับจำนำข้าว 1 สิงหาคม โดยเตรียมตรึงกำลัง 2 กองร้อย ดูแลรอบศาล ด้าน“วัฒนา เมืองสุข” ขู่เอาคืน คสช.หลังเลือกตั้ง ประกาศไปให้กำลังใจปูแน่นอน พร้อมท้าให้ไปจับหน้าศาล ผบ.ทบ.ย้ำใช้กฎหมายปกติดูแลมวลชนในขณะที่ตำรวจบอกไร้มูลโกตี๋โดนอุ้มฆ่าจากลาว เตือนโพสต์ เข้าข่ายปลุกปั่น โยงคดี “ปู”
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2(บก.น.2) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ตำรวจ บก.น.2 , ตำรวจสันติบาล,ตำรวจ บก.สส.บช.น.,สน.ทุ่งสองห้องและทหาร เข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกการจราจร กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปแถลงปิดคดีโครงการรับจำนำข้าววันที่ 1 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ คาดว่าอาจมีมวลชนเดินทางไปให้กำลังใจเป็นจำนวนมากนั้น
รับมือกองเชียร์’ปู’ปิดคดี
โดย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประเมินสถานการณ์ประชาชนที่จะมาให้กำลังใจ คาดว่าจะมีจำนวนใกล้เคียงกับเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการดูแลประชาชน ไม่มีข้อกังวลใดๆเนื่องจากในวันดังกล่าว พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องการข่าวในภาพรวม ยังไม่มีอะไร น่ากังวลเป็นพิเศษและในที่ประชุมยังนำข้อกังวลและห่วงใยของศาลมาปฏิบัติเช่นการเพิ่มแผงรั้วกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้บริเวณกระจก เพราะ อาจได้รับอันตราย
และได้ประสานขอรถสุขาจากกรุงเทพมหานคร(กทม.)และการจัดเตรียมรถพยาบาลกรณีฉุกเฉินและบก.น.2 มีการเตรียมแผนการจัดการจราจร ไว้รองรับอยู่แล้ว ยืนยันว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องสั่งปิดการจราจรในวันดังกล่าวแต่อย่างใด
กำลัง2กองร้อยดูแลรอบศาล
รอง ผบช.น.กล่าวว่าได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(อคฝ.)1กองร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.2อีก 1กองร้อย และกองร้อยน้ำหวาน1หมวด มาดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกประชาชน เมื่อเจ้าหน้าที่ยึดกฎหมาย เป็นที่ตั้ง จึงไม่อยากให้พี่น้องประชาชนทำการฝ่าฝืนกฎหมาย หากประชาชนกดดัน ยั่วยุ หรือเรียกร้องอะไรต่างๆสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงกังวลคือการหมิ่นเหม่ต่อการฝ่าฝืนการชุมนุมในที่สาธารณะและคำสั่ง คสช.ที่ 3ข้อ 12เรื่องมั่วสุมในเรื่องการเมือง ที่ผ่านมาประชาชนที่มาให้กำลังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในวันที่17ส.ค.จะประชุมหารือร่วมกับกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงอีกครั้งเพื่อประเมินสถานการณ์ข่าว ก่อนเตรียมวางแผนการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในวันพิพากษาคดีวันที่ 25ส.ค.นี้
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวว่า สำหรับการดูแลความเรียบร้อย บริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 1สิงหาคมนี้จะใช้กำลังตำรวจ ประมาณ 2กองร้อย ดูแลความเรียบร้อยบริเวณรอบศาลฯ ส่วนมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจมากน้อยแค่ไหน ยังไม่สามารถระบุได้
มท.1ชี้แห่มาเชียร์’ปู’เปลืองเงิน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯในวันแถลงปิดคดีโครงการจำนำข้าว วันที่1ส.ค.ว่ายังไม่ได้รับรายงานการเคลื่อนไหวอะไร เป็นพิเศษ ประชาชน จะรัก หรือ ชอบใคร ก็แสดงออกได้ แต่อยากให้คำนึงถึงสิ่งสำคัญที่สุดของประเทศชาติคือ ความสงบเรียบร้อย ซึ่งหากสังคมเรียบร้อย ก็จะได้ประโยชน์มากกว่า หากใครที่เข้าใจ ก็ควรเอาประเทศเป็นที่ตั้ง และคำนึงถึงความสงบมาก่อน จะดีกว่า อย่างไรก็ตาม การให้กำลังใจ ไม่จำเป็นต้องเดินทางก็ได้เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณไปเสียเปล่า
ผบ.ทบ.ย้ำใช้กฎหมายปกติดูแล
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยในวันที่ 1 ส.ค. ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะแถลงปิดคดีด้วยวาจาต่อศาลในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า เรื่องนี้ก็ใช้กฎหมายตามเกณฑ์ปกติเหมือนทุกครั้งในการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลเรื่องการจัดระเบียบบริเวณศาลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อการจราจรและดูแลเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ คงไม่มีการกำหนดพื้นที่พิเศษบริเวณด้านหน้าศาลเพราะเป็นการดูแลตามกรอบปกติ
ในส่วนของตนทางศาลก็ไม่ได้ประสานขอให้ดูแลเพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษส่วนกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า หลังเลือกตั้งจะเอาคืนคนที่แจ้งจับข้อหาขัดคำสั่ง คสช.พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า”ก็ว่าไป แต่ละคนมีความคิดเห็นได้ ถ้าสื่อถามซ้าย ถามขวา ก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้
นายกฯบอกผลคดีขึ้นอยู่ศาล
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการส่งมอบงานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ( สปท. ) ถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีการตัดสินคดีในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ว่า วันหน้าเมื่อมีการเลือกตั้ง นโยบายพรรค เป็นเรื่องของท่าน แต่อยากให้ทำนโยบายหาเสียงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินต่อเนื่อง ไม่ใช่เอากิจกรรมอันหนึ่งไปสร้างแรงจูงใจให้คนชอบ ดังนั้นวันหน้าการเลือกตั้ง ลองดูพรรคไหนหาเสียงตรงกรอบยุทธศาสตร์ชาติบ้าง ไม่ใช่หาเสียงตั้งราคานี้ราคาโน้น
อีกทั้ง ยืนยันว่า”ยังไม่ได้ว่าผิดหรือถูก เดี๋ยวจะหาว่าผมไปว่า เขาผิดก่อนศาลตัดสิน ซึ่งไม่ใช่ แต่อยู่ที่ศาล ตามหลักฐานที่มี หลายคนบอก อย่าไปซ้ำเติม ผมไม่ได้ไปซ้ำเติม เป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้นเป็นเรื่องขององค์กรอิสระ จะตัดสินอย่างไร เป็นเรื่องของศาล คนไทยชอบตัดสินเองทุกเรื่อง”
ปวดหัวเจอป่วนบิดเบือน
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ดูข่าวทีวี เว็บไซต์ ในเฟซบุ้ค ตัดสินไปหมด ผมปวดหัว แต่จำเป็นต้องนำมาถ่ายทอดให้รัฐมนตรี ทำรัฐมนตรีก็ปวดหัวตามไปด้วย บางท่านรับไม่ไหว บอกอย่าไปฟังทุกเรื่อง แต่ไม่ฟังก็ไม่ได้เพราะสิ่งเหล่านี้ปลุกระดมได้ทั้งสิ้น ไปปลุกระดมข้างล่าง ซึ่งรัฐมนตรีทุกท่าน ก็ทราบตามนี้ อาจเบื่อหน่าย เพราะผมอ่านหมด ใครพูดอะไร ผมมีหมด ถ้าเป็นประโยชน์ ก็เอามาปฏิบัติ ถ้าไม่เป็นประโยชน์ ก็อ่านไปอย่างนั้น แต่ก็โมโห คิดกันได้อย่างไร เจตนา บิดเบือนชัดๆ หรือเขาไม่เข้าใจถึงเขียนแบบนี้ออกมา ทำให้การทำงานมีปัญหาหมด ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างนั้นเหรอ” นายกฯ กล่าว
‘วัฒนา’เข้าให้ปากคำศาลทหาร
เช้าวันเดียวกัน ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายวัฒนา เมื่อสุข อดีต อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เดินทาง พร้อมทนายความ ตามที่ศาลทหารนัดสอบคำให้การในคดีความผิดฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัวตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ฉบับที่ 39/2560จากกรณีโพสต์ข้อความไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี2559 โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปภายในศาลทหารว่า ศาลนัดมาสอบคำให้การ ตนจะปฏิเสธคำสั่งฟ้อง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ได้แสดงความเคลื่อนไหวทางการเมือง ถ้าคสช.มองว่าการแสดงความคิดเห็น เป็นการเคลื่อนๆไหวทางการเมือง ทุกคนก็ถูกจับกันหมด
ขู่เอาคืนคนแจ้งจับหลังเลือกตั้ง
นายวัฒนา กล่าวว่าล่าสุดไปแจ้งความตนที่ไปโพสต์ให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในคดีจำนำข้าว ผิดมาตรา116 อยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ถ้าคิดจะใช้คนบางประเภทมาเป็นใหญ่ ตัวเอง ก็จะเอาตัวไม่รอดและจะเป็นภาระด้วย ขอให้ระวัง เวลาบ้านเมืองปกติ รักกันแน่นอน แต่หลังเลือกตั้ง ตนไม่ปล่อยไว้แน่นนอนขอให้จำไว้
ส่วนที่ คสช.มองว่าการโพสต์ให้กำลังใจ นส.ยิ่งลักษณ์เป็นการยั่วยุปลุกระดมนั้น ความผิดตาม มาตรา116คือ การชักชวนคนไปทำความผิดกฎหมายแผ่นดินหรือลบล้างรัฐบาล กรณีตนชวนคนไปให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ถามว่าผิดตรงไหน หากกรณีตนผิด ตอนสงกานต์ปีใหม่ไปรดน้ำไปไหว้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษก็ต้องจับให้หมด แต่นี้เข้าเรียกว่า เป็นการให้กำลังใจ เป็นการปฏิบัติตามประเพณีที่พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะยกเว้นไว้ ไม่ต้องไปขออนุญาตเพราะเป็นเรื่องประเพณี
นายวัฒนา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า“ในวันที่1สิงหาคมนี้ ผมจะเดินทางไปให้กำลังในน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่จะไปแถลงปิดคดีโครงการรับจำนำข้าว ใครที่อยากจะออกหมายจับตน ให้ไปจับที่ศาล ก็ขอให้กล้าๆหน่อยและหากดำเนินคดีกับผม ให้ทำเอง ไม่ให้ไปใช้ลูกน้อง บางครั้งผม จะเอาคืน เห็นมียศเป็นร้อยตรี ร้อยโท ผมก็สงสาร ขออย่าหลบหลังเด็ก มันไม่ใช้หลักการการ เป็นผู้นำ”
ผบ.ทบ.ไม่รู้เรื่อง’โกตี๋’ถูกอุ้มในลาว
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าว นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ“โกตี๋”ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ10คน อุ้มไปฆ่าในเขตประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.)มื่อคืนวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ว่าทราบจากสื่อและไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และ พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทุกคนก็ไม่ทราบ และทราบข่าวจากสื่อเป็นหลัก ยืนยันว่ายังไม่มีเรื่องดังกล่าว ส่วนจะมีการจับกุมตัวนายวุฒิพงษ์ ที่ประเทศลาวหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะอยู่ในพื้นที่ของประเทศลาว เพียงแต่เราไม่ทราบรายละเอียดว่าข้อมูลที่ได้รับทราบเป็นจริงหรือเท็จ รวมถึงที่มาที่ไปมาจากไหน พร้อมไม่สนใจที่นายวัฒนาขู่เอาคืนหลังเลือกตั้งกับ จนท.แจ้งความจับ
ตร.ยันไม่มีมูลอุ้มฆ่า”โกตี๋”ในไทย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย ระบุว่านายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ’โกตี๋’แกนนำเสื้อแดงถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มฆ่า จากที่พักในสปป.ลาว ว่าต้องมีการพิสูจน์ทราบก่อนว่าเป็นจริงตามข่าวลือหรือไม่ แต่ยืนยันว่า การข่าวของตำรวจยังไม่มีรายงานเรื่องนี้ ต้องตรวจสอบต่อไปตามขั้นตอนเพื่อให้ได้ความจริงที่ชัดเจน ส่วนกรณีนายจอม เพชรประดับ อ้างว่า’โกตี๋’ถูกอุ้มมาในเขตประเทศไทยก็ยังไม่มีข้อมูลใด ยืนยันได้ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
เตือนเข้าข่ายปลุกปั่นโยงคดี”ปู”
เมื่อถามว่าข่าวโกตี๋ถูกปล่อยออกมาเพื่อปลุกระดมมวลชนในช่วงนี้เกี่ยวเนื่องกับคดีจำนำข้าวหรือไม่ รองโฆษกตร.กล่าวว่าก็ต้องชั่งน้ำหนักดู ว่าเป็นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องนำเรียนว่าสิ่งที่ปรากฎในโซเชียลมีเดีย บางครั้งใครจะปล่อยข่าวอย่างไรก็ได้ ถ้าใครปล่อยข่าวก็รู้อยู่แล้วเจตนาอย่างไร ถ้าปล่อยข่าวแล้วเข้าข่ายผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
“ในการติดตามการโพสต์ข้อความและโซเชียลมีเดีย ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนั้น ผู้ที่โพสต์ย่อมรู้อยู่แล้วว่า โพสต์อย่างไรถูก อย่างไรเข้าข่ายผิดกฎหมาย ขอเตือนประชาชนที่โพสต์ภาพ ข้อความ เชิงยั่วยุ ปลุกปั่น อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ ขณะนี้ตนยังไม่มีข้อมูลว่าได้ดำเนินคดีกับผู้ใดที่ทำผิดฐานโพสต์ข้อความไปแล้วบ้าง แต่ยืนยันว่าตำรวจติดตามเฝ้าระวังผู้ที่ทำผิดอยู่ ขอย้ำว่าอย่าทำ ส่วนมาตรการในการดูแลองค์คณะผู้พิพากษาในคดีจำนำข้าว ตำรวจก็มีการดูแลส่วนนี้อยู่แล้ว” รองโฆษก ตร. ย้ำ
ตำรวจตามล่าแก๊งเขมรหลอกตุ๋นเพื่อนร่วมชาติ ปีนข้ามรั้วเข้ามาทำงานในประเทศ เหยื่อโดนจับสารภาพจ่ายไปหัวละ 3 พัน
เช้าวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201 และพ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส)สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว จับกุมแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชารายใหม่ ที่ลักลอบปีนรั้วกำแพงชายแดน จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย จำนวน 8 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 3 คน ตรวจสอบไม่มีเอกสารการเดินทางหรือเอกสารการขอนุญาติทำงานในประเทศไทยแต่อย่างใด และพบว่าเป็นแรงงานเถื่อนรายใหม่ จึงร่วมกันควบคุมตัวมาสอบสวนที่ กองร้อยทหารพรานคลองลึก ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นแรงงานชาวกัมพูชาทั้ง 8 คน รับสารภาพว่าต้องการเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย ที่กรุงเทพฯแต่ไม่มีเอกสารการเดินทาง ได้ถูกกลุ่มนายหน้าชาวกัมพูชา ประมาณ 3-4 คน ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา มาชักชวนว่าสามารถพาลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย ได้โดยไม่ต้องมีเอกสารการเดินทางแล้วเรียกรับเงินคนละ 3,000 บาท จากนั้นได้บอกให้พวกตนทั้ง 8 คน ปีนรั้วกำแพงคอนกรีตริมคลองลึกข้ามเข้ามาในฝั่งไทย โดยบอกว่าเดี๋ยวจะมีชาวเขมรที่อยู่ฝั่งไทยมารอรับพาไปขึ้นรถเข้า กทม. แต่สุดท้ายยังไม่ทันได้เดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับเสียก่อน
พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว จึงได้แจ้งประสานความร่วมมือไปยัง พล.ต.ต.ซึม ซมอาด หัวหน้า ด่าน ตม.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำการส่งจนท.ตม.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา 2 นาย เดินทางเข้ามาร่วมสอบสวนแรงงานชาวกัมพูชาทั้ง 8 คน ที่กองร้อยทหารพรานคลองลึก ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อจะได้นำข้อมูลจากแรงงานชาวกัมพูชาที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนชาวเขมรในฝั่งปอยเปต ไปทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมแก๊งดังล่าวในอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ซึม ซมอาด หัวหน้าด่าน ตม.ปอยเปต ของกัมพูชา ยืนยันว่าจะเร่งปราบปรามและจับกุมแก๊งดังกล่าวให้ได้โดยเร็วเพราะเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวงคนชาติเดียวกันถือว่าเป็นภัยร้ายแรง และขอบคุณจนท.ฝ่ายไทยที่ให้ความร่วมมือและช่วยส่งข้อมูลข่าวสารมาให้ และพร้อมร่วมมือกับ จนท.ไทยในทุกด้านด้วยเช่นกัน หลังร่วมกันสอบสวนเสร็จ ได้ส่งมอบแรงงานเขมรทั้ง 8 คนให้ จนท.ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สระแก้ว นำไปถ่ายภาพทำประวัติพร้อมขึ้นบัญชี ก่อนนำไปผลักดันกลับประเทศต้นทางที่ ด่าน ตม.ปอยเปต ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ต่อไป
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment