ระบุว่า เห็นภาพประชาชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ศาล ชวนให้นึกถึงนางออง ซาน ซู จี ผู้หญิงที่อ่อนโยนและอดทน เธอต่อสู้กับกติกาต่างๆ ที่รัฐบาลทหารพม่าในขณะนั้นเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อกีดกันเธอต่างๆ นานา รวมถึงการกักขังจำกัดอิสรภาพทั้งที่เธอไม่ผิด พลังที่ยิ่งใหญ่คือพลังมวลชนเธอชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่โชคดีที่ทหารพม่ารักชาติมากกว่าพวกพ้อง ไม่สืบทอดอำนาจ ปล่อย นางออง ซาน บริหารประเทศ ให้ชาวโลกรู้ว่าพม่าเป็นประชาธิปไตย แต่สำหรับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อะไรจะเกิดในวันตัดสินก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอนิ่งอดทนไม่เคยตอบโต้อะไร สู้อย่างสงบ ตนขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจท่ามกลางมวลชน หากคำตัดสินจะต้องจำกัดเสรีภาพ ก็อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนหยัดสู้ให้เหมือนออง ซาน ซู จี เชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วไม่มีอำนาจอะไรจะยิ่งใหญ่กว่าอำนาจประชาชนและประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
“ซู จีเป็นลูกนายพลออง ซาน คนเลือกซู จีเพราะนายพลออง ซาน ต่อสู้กับเผด็จการ เฉกเช่นเดียวกันคนเลือกอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างถล่มทลาย เพราะส่วนหนึ่งก็รักอดีตนายกฯทักษิณด้วย แม้ฝ่ายปฏิวัติเมื่อปี 2549 เขียนกติกาเลือกตั้ง อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เข้ามาหาเสียงเพียง 49 วัน ก็สามารถเป็นเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เธอได้รับเลือกตั้งจนได้เป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย โพลล์ทุกสำนักแม้แต่ทหารเองยังขาสั่นว่าเลือกตั้งคราวนี้ยังแรงและแรงกว่าเดิม ยิ่งถ้าหากอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เดินเข้าสู่ประตูกักขังแทนการหลบหนี กระแสความสงสารเห็นใจก็ฉุดไม่อยู่ แค่เธอหลั่งน้ำตาวันเกิดวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา พรรคตรงข้ามก็หนาวๆ ร้อนๆ อยากให้เธอหนีเหมือนอดีตนายกฯทักษิณ แต่ถ้าอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่หนี กลายเป็นเหมือนนิทานหมาป่ากับลูกแกะแล้วไซร้ นึกไม่ออกว่าจะโกยคะแนนถล่มทลายกว่าปี’49 แค่ไหน” นางกุสุมาลวตี กล่าว
ลองคิดดู “ออง ซาน ซู จี” กับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถ้าจะนำมาเทียบกัน ดูตามเนื้อผ้า
แบบไม่ประจบสอพลอ
จะเป็นอย่างไร?
1.“ซู จี” กับ “ยิ่งลักษณ์” มีเพศสภาพเป็นหญิงเหมือนกัน
แต่ “ซู จี” แต่งกายสมถะ มุ่งใช้ความรู้ความสามารถ สติปัญญา
ทำงาน
ส่วน “ยิ่งลักษณ์” นิยมแต่งหน้า ทำผม เสริมสวย ตกแต่ง ด้วยเสื้อผ้า ของใช้ราคาแพง ยี่ห้อหรูๆ
2. “ซู จี” เรียนจบต่างประเทศพูดจาฉะฉาน สามารถสื่อสารกับสังคมโลกอย่างแหลมคม
โดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดสหราชอาณาจักร สถาบันการศึกษาชื่อก้องโลก
ส่วน “ยิ่งลักษณ์” ระบุในประวัติว่าเรียนจบปริญญาโทต่างประเทศ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2533
ทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนนอกอย่างยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร ลองไปดูคลิปที่คุยกับฮิลลารี คลินตัน
3. “ซู จี” เมื่อปี 2530 ประชาชนพม่าไม่พอใจ “ระบอบเนวิน” (อดีตผู้นำเผด็จการทหารพม่า) เกิดการประท้วงลุกลาม แผ่ขยายออกไป มีการใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชน “ซู จี” ก็แสดงบทบาท ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน
เธอขึ้นปราศรัยเป็นครั้งแรก ต่อหน้าประชาชนกว่า 500,000 คนที่บริเวณเจดีย์ชเวดากอง ในย่างกุ้ง เรียกร้องประชาธิปไตย หลังจากนั้นได้ร่วมจัดตั้งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy: NLD) และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ มีส่วนร่วม มีบทบาททางการเมือง แสดงออกถึงอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างชัดเจน
แต่ “ยิ่งลักษณ์” มีอะไรเหมือน?
ไม่เคยแสดงบทบาท แสดงความสนใจ แสดงอุดมการณ์ทางการเมืองอะไรมาก่อนเลย แม้แต่ตอนเสื้อแดงชุมนุม ก็ไม่เคยออกหน้าอยู่กับคนเสื้อแดง มีเพียงโผล่ไปส่งเสบียง แล้วก็บินหนีไปต่างประเทศ ปล่อยให้
คนเสื้อแดงตากแดดตากฝนกันไป กระทั่งพี่ชายหนีคุก หนีคดีทุจริต เกิดอยากได้นายกรัฐมนตรีที่ตนเองกดปุ่มบงการได้ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จึงเชิดให้ยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญในพรรคการเมืองเลยด้วยซ้ำ
4. “ซู จี” ไม่มีธุรกิจส่วนตัว ไม่เคยวิ่งเต้นเข้าหาเผด็จการทหารพม่า เพื่อให้ตนเองได้รับสัมปทานผูกขาด กอบโกยร่ำรวย ไม่เคยรับซุกหุ้นจากพี่ชาย จนกระทั่งถูกยึดทรัพย์ที่คนโกงฝากไว้ตกเป็นของแผ่นดิน
พี่ชายของยิ่งลักษณ์ เคยอาศัยเส้นสาย หากินกับหน่วยงานของรัฐและวิ่งเต้นเข้าหาเผด็จการทหาร รสช. จนกระทั่งได้สัมปทานผูกขาดกิจการดาวเทียม กลายเป็นฐานอำนาจทางธุรกิจ สามารถกอบโกยผลประโยชน์ สั่งสมอำนาจทุน กลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น “ยิ่งลักษณ์” ถูกจัดวางให้มีชื่ออยู่ในธุรกิจส่วนตัวของตระกูลชินวัตร
แม้กระทั่งเมื่อทักษิณได้อำนาจ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจส่วนตัวของตระกุล จนกระทั่งถูกศาลฎีกาฯ พิพากษายึดทรัพย์อันได้มาโดยมิชอบให้ตกเป็นของแผ่นดิน
5. “ซู จี” ยังไม่ได้ดำเนินนโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ด แบบ “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ยังไม่เคยสร้างความเสียหายหลายแสนล้านบาท ไม่เคยปล่อยให้มีการทุจริตการระบายข้าวที่อ้างจีทูจี
“ยิ่งลักษณ์” ได้โอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งประชาชน พรรคการเมือง และทหาร ให้โอกาสบริหารประเทศ ไม่มีใครขัดขวางเลยเกือบ 2 ปีเดินทางไปต่างประเทศ เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ซ้ำ แต่ปัญหารุมเร้าบ้านเมือง โครงการจำนำข้าวกระทั่งฝีแตก เกิดปัญหาการทุจริตภายในบานปลาย ไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวชาวนา ติดค้างเงินค่าข้าวชาวนานับแสนล้านบาท แถมใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์แก่ญาติตนเอง ถูกศาลตัดสินต้องพ้นจากตำแหน่ง รัฐบาลยุบสภา บริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ มีกองกำลังติดอาวุธเที่ยวเข่นฆ่าผู้ชุมนุม กปปส. โดยที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้จับกุมคนร้ายเลย แถมยังปล่อยให้ม็อบเพื่อเผชิญหน้า เสี่ยงพาประเทศไปสู่รัฐล้มเหลว สงครามกลางเมือง ฯลฯ
6. ยิ่งคิด ยิ่งเทียบ ยิ่งพาคลื่นเหียน จะอาเจียนเอา
ใครช่างกล้าๆ นำคนสองคนนี้ มาเทียบเคียงกัน
ดอกฟ้า กับหมาวัด
นางฟ้า กับซาตาน
ผู้มีอุดมการณ์ กับหุ่นเชิด
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment