สำหรับ ร่างมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครอบคลุมถึงการห้ามการส่งออกถ่านหิน , เหล็กกล้า , แร่เหล็ก , ตะกั่วและแร่ตะกั่ว รวมถึงปลาและอาหารทะเลของเกาหลีเหนือ ซึ่งจะส่งผลให้เกาหลีเหนือสูญเสีย 1 ใน 3 ของรายได้จากการส่งออกประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
เนื้อหาในร่างมตินี้ยังห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือเพิ่มจำนวนแรงงานที่พวกเขาส่งไปยังต่างประเทศ ซึ่งแรงงานเหล่านี้คือผู้นำรายได้อีกทางหนึ่งกลับประเทศไปสนับสนุนรัฐบาลเปียงยาง รวมถึงห้ามการร่วมทุนใหม่ทั้งหมด และยังเพิ่มเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ 9 คน และนิติบุคคลอีก 4 ชื่อ ซึ่งมีชื่อของธนาคารแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของเกาหลีเหนือ เข้าไปในบัญชีดำของการคว่ำบาตรของยูเอ็นด้วย
ร่างมตินี้ กล่าวโทษเกาหลีเหนือว่า “ใช้ทรัพยากรที่ขาดแคลนอย่างมหาศาล” ไปกับการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ” โดยการทดสอบครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ยิ่งสร้างความตื่นกลัวเกี่ยวกับความพยายามของเปียงยาง ที่จะพัฒนาความสามารถของขีปนาวุธให้ยิงแผ่นดินใหญ่สหรัฐได้
ทั้งนี้ ถือเป็นมาตรการแรกในการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งได้พยายามเจรจานานกว่า 1 เดือน ก่อนจะบรรลุข้อตกลงกับจีน หุ้นส่วนทางการค้าและพันธมิตรหลักของรัฐบาลเปียงยาง เกี่ยวกับมาตรการที่มีเป้าหมาย เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลเปียงยางให้ยุติการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์
นอกจากนี้สหรัฐยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในการผลักดันการคว่ำบาตรเพิ่มเติมในยูเอ็น เพื่อตอบโต้การยิงขีปนาวุธข้ามทวีปของ “โสมแดง” เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับมาตรการชุดใหม่นี้ จะเป็นมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 7 ที่จะถูกบังคับใช้ต่อ “โสมแดง” นับตั้งแต่พวกเขาได้ทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006 แต่ประสบความล้มเหลวในการบังคับให้รัฐบาลเปียงยางเปลี่ยนพฤติกรรม ขณะที่ 2 มติที่ถูกรับรองเมื่อปีที่แล้วได้เพิ่มการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือมากยิ่งขึ้น
ด้านนางนิคกี้ ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ แถลงว่า มาตรการคว่ำบาตรเป็นการลงโทษเกาหลีเหนือฐานทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป และแจ้งเตือนให้นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ให้ทราบว่านี่คือมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดที่สุด เพื่อลงโทษประเทศใดก็ตามในยุคนี้
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment