เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลการตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐาน รถโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เทาทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นรถที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ที่จังหวัดสระแก้ว ต้องสงสัยพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่มารับฟังคำพิพากษาของศาลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวระดับสูงสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่าเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้ตรวจเก็บวัตถุพยานหลักฐานอาทิเส้นผมที่ตกอยู่ภายในรถ กล่องกระดาษทิชชู่และวัตถุพยานที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องตรวจในห้องปฏิบัติการเช่นการหาดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือแฝง ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บมาไว้ก่อน เพื่อรอเทียบกับของผู้ต้องสงสัย อีกทั้งได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือของตำรวจทั้ง 3 นาย ตามที่ทีมสืบสวนของพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชิญมาสอบสวนปากคำ เพื่อนำมาเทียบ
ส่วนวัตถุพยานหลักฐาน ยังไม่ยืนยันว่ารถคันดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี หรือไม่จึงต้องนำวัตถุของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่นเส้นผมหรือลายนิ้วมือ มาเทียบกับหลักฐานที่เก็บได้ซึ่งพนักงานสอบสวนเป็นผู้รวบรวม แต่ต้องดำเนินตามขั้นตอน และต้องใช้เวลาประมาณ 30 วัน
นัดถก กก.สอบข้อเท็จจริง25นี้
ในส่วนของ พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นาลา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5)ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5เกี่ยวข้องกับกรณีพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีออกนอกประเทศกล่าวว่าในวันที่ 25 กันยายนนี้ จะเรียกประชุมคณะกรรมการทั้งหมดที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) เพื่อวางแนวทางสืบสวนโดยจะมีการกำหนดประเด็นคำถาม การสอบพฤติกรรมและระบุตัวบุคคลที่จะเรียกสอบ
ในเบื้องต้นจะยังไม่มีการเรียก พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เข้ามาสอบสวน แต่จะประสานขอข้อมูลจากทีมงานของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง.ผบ.ตร. ที่สืบสวนจนพบความเชื่อมโยงและพฤติกรรมของตำรวจที่เกี่ยวข้องจากนั้น จึงจะดำเนินการสอบสวนภายในระยะเวลา 60วัน แต่หากไม่แล้วเสร็จสามารถเสนอขยายเวลาเพิ่มได้อีก 60 วัน
ขู่ฟันวินัยร้ายแรงตร.แอบช่วย’ปู’
พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ คณะกรรมการฯชุดนี้ เน้นในการสืบสวนข้อเท็จจริงว่านายตำรวจที่เกี่ยวข้อง มีความประพฤติไม่เหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะการออกนอกพื้นที่โดยไม่มีการขออนุญาตผู้บังคับบัญชาอาจเข้าข่ายผิดวินัยไม่ร้ายแรง หรือ การขับรถให้อดีตนายกรัฐมนตรีออกนอกพื้นที่ว่า มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่และหากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงอีก จะเสนอชื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเพื่อเรียกตัวมาให้คณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม เมื่อการสืบสวนแล้วเสร็จ จะเสนอข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบพบให้ผู้บังคับบัญชาการ ตามลำดับชั้น
ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่าประธานการสืบสวน มีระดับชั้นยศเท่ากันกับผู้ถูกสอบนั้น พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ตามกฎหมายและมั่นใจว่าจะไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายใดแม้ผู้เกี่ยวข้องสำคัญในคดีจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีก็ตาม ส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจ ในการเป็นประธานสืบสวนข้อเท็จจริงครั้งนี้ โดยจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน
ราเมศบี้รัฐกระชากขบวนอุ้ม’ปู’
ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมบุคคลผู้ที่ช่วยเหลือพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรให้หลบหนีว่า เชื่อว่าหากรัฐบาลทำเรื่องนี้ออกมาให้กระจ่างจริงก็จะทำให้เห็นกระบวนการในการหลบหนี มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง อย่างน้อย เป็นบทเรียนให้กับฝ่ายความมั่นคงที่ต้องคิดว่าต้องทำอย่างไรในทางการข่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถ้ามีการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องจริง
“ผมเชื่อว่ามีกฎหมายระบุไว้ชัดในความรับผิดแต่ควรสอบสวนให้ลงลึกไปในรายละเอียด มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง อย่าละเว้น หรือทำแบบลูบหน้าปะจมูก ควรทำให้กระจ่างเพื่อให้กฎหมายบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์ไม่เช่นนั้นประชาชนจะคิดได้ว่าคุกมีไว้เฉพาะคนจน ดังนั้นกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง จะต้องศักดิ์สิทธิ์ ถ้าฝ่ายบริหาร ไม่ช่วยดูแลเรื่องแบบนี้ ฝ่ายตุลาการก็ลำบาก เพราะฝ่ายตุลาการจับ ค้น เองไม่ได้ แต่ฝ่ายบริหารคือภาคปฏิบัติจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์”นายราเมศ กล่าวว่า
บิ๊กตู่สั่งทำคดีให้รอบคอบ
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัวนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการพร้อมรถยนต์ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการด้วยความรอบคอบตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และชี้แจงให้สังคมได้รับทราบเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ส่วนจะเชื่อมโยงหรือขยายผลไปถึงอดีตนายตำรวจระดับสูงหรือบุคคลใดอีกหรือไม่ ก็จะต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน
“รัฐบาลยืนยันถึงความโปร่งใสและไม่เคยเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งขอให้สังคมได้ติดตามตรวจสอบไปพร้อมกันด้วย”
ที่มา: naewna
0 comments:
Post a Comment