Tuesday, August 9, 2016

Tagged Under:

สุดยอด!ทีมยกลูกเหล็ก

By: news media On: 6:14 PM
  • Share The Gag
  • สุดยอด!ทีมยกลูกเหล็ก
    คว้าทอง-เงินรุ่นเดียวกัน สร้างประวัติศาสตร์ชาติ
    ธงไตรรงค์2ผืนขึ้นคู่กัน แถมทุบสถิติท่าสแนตช์



      ยกเหล็กไทยสร้างผลงานกระหึ่มโลก เป็นครั้งแรกที่ธงไตรรงค์อยู่เคียงคู่กัน ได้ทั้งเงินและทองในรุ่นเดียวกัน โดย “น้องฝ้าย” สุกัญญา ศรีสุราช จอมพลังดาวรุ่งวัย 21 ปี ชาวชลบุรี คว้าทองรุ่น 58 กก.หญิงยกน้ำหนัก โอลิมปิกเกมส์ 2016 ครั้งที่ 31 “ริโอเกมส์” ที่นครริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล พร้อมทุบสถิติ อลป.เดิมในท่าสแนตช์ 2 กก. พร้อมขอมอบเหรียญทองให้คุณแม่ ยุพา ศรีสุราช เป็นของขวัญวันแม่ ขณะที่ “แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว ได้เหรียญเงินเป็นสมัยที่ 2 ที่ยอมเสียสละไม่ยกเหล็กในครั้งสุดท้ายให้รุ่นน้องได้เหรียญทอง ชาวขอนแก่นสุดภูมิใจ ยกแต้วเป็นผู้เสียสละ บริจาคเงินรางวัลสร้างพระประธานพร้อมปรับปรุงพัฒนาวัดโพธิ์ทอง ด้านจอมพลังไทยยังลุ้นเหรียญต่อเนื่อง ในรุ่น 77 กก.ชาย จตุภูมิ ชินวงศ์ ลุ้นเหรียญทองแดง


      การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2016 ครั้งที่ 31 “ริโอเกมส์” ที่นครริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย ยกน้ำหนัก ชิง 2 ทอง ที่ ริโอ เซนโทร พาวิลเลียน 2 รุ่น 58 กก.หญิง ไทยส่งนักกีฬาลงแข่งขัน 2 คน มี “น้องแต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว ดีกรีเหรียญเงิน “ลอนดอนเกมส์” และ “น้องฝ้าย” สุกัญญา ศรีสุราช ดีกรีแชมป์โลก ปี 2557 และแชมป์เยาวชนโลก ปีล่าสุด วัย 21 ปี จากชลบุรี ลงชิงชัย กับคู่แข่ง 16 คน กลุ่มเอ 9 คน กลุ่มบี 7 คน


     เริ่มการแข่งขันในท่าสแนตช์ “น้องแต้ว” ยกผ่านทั้ง 3 ครั้ง ด้วยสถิติ 98 กก., 100 กก. และ 102 กก. ซึ่งคู่แข่ง กัวะ ซิง ชุน (ไต้หวัน) เรียกเหล็กครั้งแรก 102 กก.ยกผ่านเช่นกัน แต่ในการยกครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 105 กก.ยกไม่ผ่าน ขณะที่ “น้องฝ้าย” ทำผลงานได้ดี ยกผ่านในการเรียกเหล็กทั้ง 3 ครั้ง ด้วยสถิติ 105 กก. 108 กก. 110 กก. ซึ่งในการยกครั้งสุดท้ายทุบสถิติโอลิมปิก ที่ หลี่ เสวีย หยิง (จีน) ทำไว้ในลอนดอนเกมส์ ทำให้นำเป็นอันดับ 1 ด้วยสถิติ 110 กก. ตามหลังมาด้วยอันดับ 2 “น้องแต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว ที่ทำสถิติได้ 102 กก. เท่ากับอันดับ 3 กัวะ ซิง ชุน (ไต้หวัน)


    ในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก “น้องฝ้าย” สุกัญญา เริ่มต้นเรียกเหล็ก 127 กก. ยกผ่าน เช่นเดียวกับ “น้องแต้ว” ที่ออกสตาร์ท 128 กก.สามารถยกผ่านเช่นกัน แต่สาวไทเปที่มายกครั้งแรก 129 กก.ยกไม่ผ่าน แต่มาแก้ตัวยกผ่านในครั้งที่ 2 ส่วนในการยกครั้งที่ 2 น้องฝ้ายเรียกเหล็ก 130 กก.ยกผ่านได้สำเร็จ เช่นเดียวกับน้องแต้ว ส่วนในการยกครั้งที่ 3 ครั้งสุดท้าย น้องฝ้ายเรียกเหล็ก 132 กก.ยกไม่ผ่าน ขณะที่กัวะ ซิง ชุน เรียกเหล็ก 139 กก. เพื่อลุ้นเหรียญทอง แต่ยกไม่ผ่าน ขณะที่น้องแต้วไม่ขอยกในครั้งที่ 3


    ทำให้ในน้ำหนักรวม น้องฝ้ายคว้าเหรียญทองโดยทำสถิติได้ 240 กก. ขณะที่ น้องแต้วได้เหรียญเงิน 232 กก. และกัวะ ซิง ชุน (ไต้หวัน) ได้เหรียญทองแดง 231 กก.


    สรุป “น้องฝ้าย” สุกัญญา ศรีสุราช ที่ลงแข่งโอลิมปิกเป็นครั้งแรก คว้าเหรียญทอง โดยทำสถิติท่าสแนตช์ 110 กก. (ดีกว่าสถิติเดิมที่ หลี่ เสวีย หยิง (จีน) ทำไว้ในลอนดอนเกมส์ 108 กก.) ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 130 กก. น้ำหนักรวม 240 กก.เป็นเหรียญทองเหรียญที่ 2 ของจอมพลังไทยในริโอเกมส์ ครั้งนี้ แต่เป็นจอมพลังคนที่ 5 ที่ได้เหรียญทองของไทยต่อจาก อุดมพร พลศักดิ์, ปวีณา ทองสุก ในปี 2004, ประภาวดี รัตนธารากูล ในปี 2008 และ “น้องแนน” โสภิตา ธนสาร ที่คว้าเหรียญทองยกน้ำหนักคนแรก


    ขณะที่ “น้องแต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว คว้าเหรียญเงินเป็นสมัยที่ 2 ด้วยสถิติ 102 กก.-130 กก.-232 กก. และเหรียญทองแดง กัวะ ซิง ชุน (ไต้หวัน) 102 กก.-129 กก.-231 กก. ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่นักกีฬาไทยได้เหรียญทองและเหรียญเงินในรุ่นเดียวกัน ชักธงไตรรงค์เคียงคู่กัน
    ทำให้ตอนนี้ทัพยกน้ำหนักไทยคว้าไปได้ 2 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง


     หลังการแข่งขัน “น้องฝ้าย” กล่าวว่า ดีใจมากๆ รู้สึกตื่นเต้นกับชัยชนะครั้งนี้มากๆ สถิติยกได้เท่าๆ กับตอนซ้อมเลย อย่าง ท่าสแนตช์ ก็เคยได้ 110 กิโลกรัม ส่วนท่าคลีน แอนด์ เจิร์ก เคยยกได้ 130 กิโลกรัม ทำให้ยกได้ตามเป้าทุกอย่าง ตามสถิติที่ซ้อมมาก ตอนทำลายสถิติโอลิมปิกในท่าสแนตช์ยอมรับว่ายังไม่รู้ตัวว่าจะทำได้ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประสบความสำเร็จ ที่ไม่ใช่ได้มากันง่ายๆ”


    “ขอมอบเหรียญนี้ให้คนไทยทุกคน ขอบคุณทุกกำลังใจที่ช่วยเชียร์มาตลอด ต้องขอขอบคุณคนไทย ขอบคุณสมาคมกีฬายกน้ำหนักแห่งประเทศไทย, ขอบคุณโค้ช, ขอบคุณ “แม่บุษ” บุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมฯ, ขอบคุณ “พ่อ เสธ” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด ซึ่งเหรียญทองเหรียญนี้ถือเป็นเหรียญสำคัญ เพราะใกล้วันแม่ วันที่ 12 ส.ค.นี้ ก็ถือเป็นของขวัญที่จะนำไปฝากคุณแม่ อยากบอกแม่ว่าเราทำได้แล้ว เป้าหมายหลังจากนี้ก็คงซ้อมเพื่อแข่งขันโอลิมปิกในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะอยากจะป้องกันแชมป์ให้ได้”


     “ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักกรีฑาระยะสั้น ก่อนจะมาเรียนที่โรงเรียนกีฬาชลบุรีก็ถูกดึงให้มาเล่นยกน้ำหนัก วันแรกลองซ้อมก็ร้องไห้อยากกลับบ้านเลย เพราะมันหนักและเหนื่อย แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกชอบ”


    “สำหรับเงินอัดฉีดที่ได้มา ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร แต่ก็จะนำไปให้กับครอบครัว เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับน้องๆ ต่อไป และจะเอาไปสร้างบ้านให้แม่ที่สระแก้วและชลบุรี ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา เราลำบากมามาก ตั้งแต่เด็กๆ เลย นอกจากนั้นยังอยากจะรับราชการทหาร เพราะเป็นงานที่มีความมั่นคง”


    “หนูมี “พี่แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว เป็นไอดอล หนูชอบพี่แต้วอยู่แล้ว ซึ่งการแข่งในครั้งนี้ไม่ได้คิดว่าเป็นการชนะพี่ แต่เป็นการทำเพื่อประเทศเหมือนกัน ปกติจะไม่ค่อยกล้าคุยกับพี่แต้วเท่าไร เพราะหนูเขิน ส่วนเรื่องที่พี่แต้วไม่ได้ออกมายกครั้งสุดท้ายในท่า คลีน แอนด์ เจิร์ก เพื่อแย่งเหรียญทองกับฝ้ายนั้น พี่แต้ว เป็นพี่ที่ดีมาก เขาดูแลเรามาตลอดตั้งแต่เก็บตัวร่วมกันแรกๆ ถึงเขาจะหน้าโหด แต่ก็น่ารักกับน้องมาก เราทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักกันมากๆ”


    “ในส่วนของการแก้บนนั้น มีหลายที่ตอนเก็บตัวก็มีไปบนไว้ที่ย่าโม จ.นครราชสีมา ตอนนั้นก็ขอให้ได้ไปโอลิมปิก ขอให้ได้ไปบราซิล ขอให้ติด 1 ใน 3 ตอนนี้ได้แล้วต้องกลับไปแก้บนแน่นอน”


    ส่วน “น้องแต้ว” พิมศิริ กล่าวว่า ดีใจมากที่เราทำได้ 1 ทอง กับ 1 เงิน ในรุ่น 58 กก. ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องได้เหรียญทองหรือเหรียญเงิน ทุกคนมาทำหน้าที่เพื่อชาติ ดีใจกับน้องที่ได้เหรียญทอง ขณะที่ตัวเองพอใจกับผลงาน ขอบคุณมากๆ กับทุกกำลังใจและทางบ้านที่คอยส่งกำลังใจมาเชียร์แต้วตลอด”


     “ด้านเงินรางวัลที่ได้รับ ยังไม่มีแผนเลยว่าจะไปทำอะไร ส่วนตอนนี้ต้องวางแผนแก้บนก่อน เพราะไม่ทราบว่าแม่ไปบนอะไรไว้บ้าง แต่น่าจะหลายที่”


     “การได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ถือเป็นที่สุดของที่สุด เรามาที่นี่เพื่อทำหน้าที่กันเพื่อประเทศชาติ เรามองที่การเล่นเพื่อชาติเป็นลำดับแรก ส่วนจะได้เหรียญรางวัลอะไรนั้นเป็นอีกเรื่อง และผลจากการทุ่มเททำให้เราได้ทั้งเหรียญทองและเหรียญเงินในครั้งนี้ เพราะการทำงานของเราทุกอย่างลงตัวมากๆ ส่วนการที่สละสิทธิ์ในการยกท่าคลีน แอนด์ เจิร์ก ครั้งที่ 3 ครั้งสุดท้ายพร้อมกับส่งให้ “น้องฝ้าย” คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ส่วนตัวเองรับเพียงแค่เหรียญเงิน นั้น เพราะว่าน้องฝ้ายสุดยอดอยู่แล้ว ขอบอกว่าเรามาแข่งขันครั้งนี้ เราทำงานกันมาเป็นทีม ทำงานได้ดีมากๆ เราทำเพื่อประเทศชาติ เราไม่มีเกี่ยงเลยว่าใครจะได้เหรียญอะไร สำหรับแต้วขอให้ชาติเราได้เหรียญทองก็พอแล้ว มันเป็นเรื่องแผนการที่เราวางไว้แล้วด้วย ที่ไม่ออกไปยกครั้งสุดท้าย อีกทั้งเป็นการเซฟร่างกายของเราด้วย สำหรับ แต้ว เหรียญเงินแต้วก็ดีใจมากแล้ว เราคิดอยู่เสมอว่าทำเพื่อชาติ วันนี้ไม่ใช่วันของแต้ว แต่เป็นวันของฝ้าย เป็นวันที่เราทำเพื่อชาติ ขอบคุณสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ที่คอยดูแลแต้วเหมือนลูกแท้ๆ ส่วนครั้งนี้จะเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายหรือไม่ คงต้องดูอีกครั้ง ซึ่งอนาคตหลังจากนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับสมาคมยกน้ำหนักฯ”


    “แต้ว เคยสู้กับนักกีฬาไต้หวันคนนี้มาตั้งแต่โอลิมปิกเกมส์หนก่อน ทำให้รู้ว่าเขามักจะสมาธิไม่ค่อยดี และจิตใจไม่ค่อยดีนัก ก็เลยมีการสู้กันที่พิกัดน้ำหนัก รวมไปถึงเราก็ตะโกนดังๆ เวลาที่เตรียมไปสู้ ถือเป็นการขู่เค้าอีกทางแล้วก็สำเร็จ ส่วนที่ไม่ยกครั้งสุดท้ายนั้นก็เพราะเป็นพิกัดที่เราเรียกไว้ขู่คู่แข่ง และยกไปก็จะเจ็บได้ ดังนั้นจึงเลือกไม่ยก จากนี้ไปจะเล่นต่อไม่เลิกแน่นอน”


    “สำหรับสายสัมพันธ์ของแต้วกับ “ฝ้าย” นั้น แต้วเห็นฝ้ายตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นเขามาซ้อม เป็นเด็กดำๆ มันก็เหมือนตอนเรามาแรกๆ นั่นแหละ โค้ชให้ทำอะไรก็ทำ จนวันหนึ่งเขาได้มาเก็บตัวทีมชาติร่วมกัน เขาก็ดูเราเป็นตัวอย่าง ทั้งเรื่องการฝึกซ้อม และทุกๆ เรื่อง เรามีอะไรก็แนะนำน้อง ถึงตอนนี้ก็ดีใจที่เห็นเขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้สำเร็จ”


     “เหรียญเงินเหรียญนี้เป็นสมัยที่ 2 สำหรับ แต้ว นั้นสำคัญมาก เพราะเดือนที่แล้วเป็นเดือนเกิดของแม่แต้ว ส่วนเดือนนี้ก็ใกล้วันแม่ ถือว่าแต้วมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับแม่ได้แล้ว ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์สูงสุดในชีวิต เหรียญเงินเหรียญนี้จะมอบให้กับแม่ของแต้ว”


     สำหรับเงินอัดฉีดนั้น “น้องฝ้าย” สุกัญญา ที่ได้เหรียญทอง จะได้รับเงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ จากเหรียญทอง 10 ล้านบาท, ตัน ภาสกรนที (อิชิตัน) 10 ล้านบาท, โอสถสภา 1 ล้านบาท และ เอไอเอส 1 ล้านบาท รวมแล้ว 22 ล้านบาท ส่วน “น้องแต้ว” พิมศิริ ซึ่งคว้าเหรียญเงิน จะได้รับเงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 6 ล้านบาท, ตัน ภาสกรนที (อิชิตัน) 1 ล้านบาท, โอสถสภา 5 แสนบาท และ เอไอเอส 5 แสนบาท รวมแล้ว 8 ล้านบาท


    นอกจากนี้ภายในบ้านเลขที่ 216/34 หมู่ 6 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ “น้องฝ้าย” สุกัญญา ศรีสุราช ได้มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ต่างมาร่วมส่งใจเชียร์น้องฝ้าย ผ่านจอโปรเจกเตอร์ ร่วมกับ นางยุพา ศรีสุราช มารดาน้องฝ้าย นอกจากนี้ ยังมีผู้ใหญ่ของจังหวัด นำโดย นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา นางอัญชลี บุญณราช นายกกิ่งกาชาด อ.ศรีราชา นายปรีชา ศรีเขียวพงศ์ รองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี นายสัมฤทธิ์ พงษ์วิรัตน์ เลขาฯ สมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี และผู้ใหญ่อีกหลายคน พอน้องฝ้ายได้เหรียญทองทุกคนก็ร่วมใจร้องเพลงชาติไทยพร้อมกันในพิธีรับเหรียญ


    โดยคุณแม่ของน้องฝ้าย นางยุพา เปิดเผยพร้อมกับหลั่งน้ำตาว่า ตื้นตันใจจนพูดไม่ออกที่ลูกสาวทำสำเร็จแล้ว ดีใจ ภูมิใจในตัวลูกสาวมากจนพูดไม่ถูก ที่เห็นประสบความสำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้ว่าจะเอาเหรียญทองมาฝากครอบครัว ตอนที่น้องฝ้ายขึ้นยกในแต่ละครั้ง รู้สึกตื่นเต้นมาก ก่อนน้องฝ้ายขึ้นยกน้ำหนักได้ไปบนเจ้าที่ไว้ว่าถ้าน้องฝ้ายชนะจะนำหัวหมูมาถวายให้ 3 หัว ขอขอบคุณคนไทยที่ร่วมส่งแรงเชียร์แรงใจ สิ่งแรกที่อยากจะทำเวลาเจอน้องฝ้ายก็คือจะขอวิ่งเข้าไปกอดลูกและบอกว่าแม่ภูมิใจที่ลูกทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุขกับเหรียญทองเหรียญนี้


     ด้าน นายสัมฤทธิ์ พงษ์วิรัตน์ เลขาฯ สมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก นายสนธยา คุณปลื้ม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี ให้มาร่วมให้กำลังใจน้องฝ้าย มั่นใจว่าน้องฝ้ายต้องได้รับเหรียญรางวัลแน่นอน ซึ่งเตรียมทำพิธีต้อนรับน้องฝ้ายอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมมีขบวนแห่รอบเมือง นอกจากนั้นทางสมาคมฯ ก็ยังมีเงินรางวัลอัดฉีดให้ด้วย


     ด้าน อ.ปิยวัฒน์ ไกรผจญ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบางค้อ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นครูคนแรกของน้องฝ้าย ปิดเผยว่า รู้สึกภูมิใจและดีใจที่เห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ ก็ก่อนที่จะเป็นนักยกน้ำหนักเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกนั้น สุกัญญาเคยเล่นกรีฑามาก่อนและเป็นนักวิ่งที่ถือว่าเก่งมากไม่ว่าจะลงแข่งวิ่งระยะไหนก็สามารถคว้าเหรียญมาคล้องคอได้หมดจนถึง ป.6 เขาก็เลือกที่จะเล่นกีฬายกน้ำหนัก ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่เสียใจที่เขาหันหลังให้กรีฑา เพราะเชื่อว่ากีฬายกน้ำหนักคือสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตเขา


    ด้าน ปรีชา ศรีเขียวพงศ์ รองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี เปิดเผยว่า ตนและเจ้าหน้าที่ของสถาบันจะเดินทางไปรับ สุกัญญา ศรีสุราช ที่สนามบินและทางสถาบันได้เตรียมการแห่ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกรอบเมือง รวมไปถึงแห่กลับบ้านอีกด้วย ซึ่งตนขอชมความมุมานะพยายามในการฝึกซ้อมจนสามารถคว้าเหรียญทองได้ในที่สุด อีกทั้งทางสถาบันยังได้ให้สุกัญญาเรียนฟรีจนจบ ป.ตรี และตนได้เตรียมของรางวัลอัดฉีดเป็นการส่วนตัวโดยเบื้องต้นเป็นทองคำ 1 บาท


    ขณะที่ญาติพี่น้องได้เตรียมทำของเซอร์ไพรท์ “น้องฝ้าย” คือการทำอาหารโปรด อาทิ แกงเขียวหวาน และ ส้มตำปูม้า


    บรรยากาศการเชียร์ที่ บ้านเลขที่ 114/1 ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ของ “เเต้ว” พิมศิริ ศิริเเก้ว ทาง นายคำปุ่น และนางอมรรัตน์ ศิริแก้ว บิดาเเละมารดาของ “เเต้ว” ได้ทำอาหารลาบปลานิล, ต้มยำปลานิล,ขนมจีนน้ำยาลาว และข้าวต้มหมู ซึ่งมีนายพิพัฒน์ คันธา นายอำเภอมัญจาคีรี, นายปรีชา ช่างภา กำนันตำบลกุดเค้า และ นายเเพทย์นิรันดร มณีกานนท์ ผอ.โรงพยาบางพระยืน จ.ขอนแก่น มาร่วมเชียร์ด้วย พร้อมชาวบ้านญาติพี่น้อง มีการการเเจกผ้าผูกศรีษะสีขาว พร้อมกับเขียนข้อความบนผ้าว่า “เจิร์กอีกแล้ว แต้วสู้ๆ” เนื่องจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณพ่อได้ใช้ผ้านี้เชียร์จนลูกสาวได้เหรียญเงินอลป.


    นายคำปุ่น ศิริแก้ว บิดาของแต้ว เปิดเผยว่า รู้สึกมีลางสังหรณ์ว่าแต้วจะได้เหรียญรางวัลตั้งแต่ก่อนแข่งขัน โดยคิดเทียบจากเหตุการณ์ก่อนแข่งขันเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งพี่ชายคนโตของแม่แต้ว ที่ตั้งใจจะไปเชียร์ถึงอังกฤษ ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุ ซึ่งปีนั้น “แต้ว” ไปคว้าเหรียญเงินกลับมา ส่วนปีนี้ พี่ชายคนรองของแม่แต้วก็ได้เสียชีวิตลงอีก เมื่อมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวคล้ายกันมาก จนทำให้ตนมีความรุ้สึกว่าแต้วจะมีเหรียญแน่นอน เเละก็เป็นจริงอย่างที่คิด แต่เสียดายที่ไม่ยกท่าคลีนแอนด์เจิร์กในครั้งสุดท้าย เพราะตอนอยู่รุ่น 63 กก.ยกได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้ทั้ง 2 สมัย ภูมิใจมาก


    ด้าน นางอมรรัตน์ ศิริแก้ว มารดาของแต้ว กล่าวว่า ดีใจมากที่สุดในชีวิต และภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้ ถือเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังของแม่ในวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 4 ปีก่อนแต้วก็ทำได้ในวันเกิดของแม่ นอกจากนี้ยังถือเป็นของขวัญวันแม่ล่วงหน้าอีกด้วย ภูมิใจมากส่วนเรื่องที่อยากทำมากที่สุด อยากจะเข้าไปกอดและหอมลูกสาว นอกจากนี้จะแก้บนด้วยการนำหนังกลางแปลงมาฉาย 3 วัน 3 คืนให้เจ้าคุณปู่วาสนา


    นายพิพัฒน์ คันธา นายอำเภอมัญจาคีรี กล่าวว่า จะต้องมีการจัดงานแห่ฉลองความสำเร็จ รวมทั้งมีการประชุมพิจารณามอบโล่ พร้อมยกให้เป็นนักกีฬาตัวอย่างประจำขอนแก่น


    นายปรีชา ช่างภา กำนันตำบลกุดเค้า เผยว่า แต้วถึงจะได้เหรียญเงินโอลิมปิกเมื่อ 4 ปี ก่อนแต่ นิสัยเหมือนเดิมทุกอย่าง ยังเป็นคนเรียบร้อย ขยันหมั่นเพียร มีความอดทน เเละไม่ถือตัว รวมทั้งจะคอยช่วยเหลืออำเภอมัญจาคีรีอยู่ตลอด เคยแบ่งเงินรางวัลบางส่วนมาเทคอนกรีต ทำถนนตั้งแต่ทางเข้าวัดโพธิ์ทอง ไปจนถึงบริเวณด้านในวัด นอกจากนี้ยังสร้างพระประธานประดิษฐานที่วัดด้วย ซึ่งปัจจุบันที่วัดเเห่งนี้ก็ได้กลายเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมของคนในอำเภอไปแล้ว


    ขณะที่ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตอนนี้ จอมพลังไทยยังเหลือลุ้นอีก 3 คน รุ่น 63 กก. หญิง “ปุ๊กลุก” ศิริภุช กุลน้อย ส่วนจอมพลังชายอีก 2 คน รุ่น 77 กก.ชาย จตุภูมิ ชินวงศ์ อันดับ 4 “ลอนดอนเกมส์”เสียโอกาสไปแล้วเมื่อ 4 ปีที่แล้ว น่าจะได้ เงิน หรือทองแดง ตอนนี้ท่าคลีนแอนด์เจิร์กยกได้ 190 กก.ถ้าตอนแข่งยกได้ 200 กก.ได้ทองแดง ปิดท้ายใน รุ่น 94 กก. ชาย ศรัท สุ่มประดิษฐ์ ซึ่งที่ นักกีฬายกน้ำหนักประสบความสำเร็จ เพราะทุกคนมีมุ่งมั่น มีศีล สมาธิ ปัญญา


    สรุป ตารางเหรียญ อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา 5 ทอง 7 เงิน 7 ทองแดง อันดับ 2 จีน 5 ทอง 3 เงิน 5 ทองแดง อันดับ 3 ออสเตรเลีย 4 ทอง 3 ทองแดง อันดับ 4 อิตาลี 3 ทอง 4 เงิน 2 ทองแดง อันดับ 5 ญี่ปุ่น 3 ทอง 7 ทองแดง ส่วนไทย อันดับ 9 2 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง และเจ้าภาพ บราซิล อันดับ 11 1 ทอง 1 เงิน


    สำหรับในวันที่ 10 ส.ค.ชิง ชิง 17ทอง เรือพาย ชิง 2 ทอง, ฟันดาบ ชิง 2ทอง, ยิงปืน ชิง 1 ทอง, ยิงเป้าบิน ชิง 1 ทอง, เทเบิลเทนนิส ชิง 1 ทอง, ยูโด ชิง 2 ทอง, เรือคายัค ชิง 1 ทอง, ว่ายน้ำ ชิง 3 ทอง, กระโดดน้ำ ชิง 1 ทอง, ยิมนาสติก ชิง 1 ทอง, ยกน้ำหนัก ชิง 2 ทอง


    นักกีฬาไทยยังมีลุ้นเหรียญเพิ่มจากยกน้ำหนัก รุ่น 77 กก.ชาย จตุภูมิ ชินวงศ์ อันดับ 4 “ลอนดอนเกมส์” ลุ้นทองแดง ช่อง 3 ถ่ายทอดสด เวลา 05.00 น. (เช้าวันที่ 11 ส.ค.)


    นอกจากนี้มวยสากลสมัครเล่น “สด”ฉัตร์ชัย บุตรดี อีกหนี่งนักชกความหวังรุ่น 56 กก. รอบแรกจะเจอกับ เควียส แอสฟาค จากอังกฤษ ในวันที่ 10 ส.ค. เวลา 21.45 น. เอ็นบีทีถ่ายทอดสด


    ที่มา: banmuang

    0 comments:

    Post a Comment